จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 653

เพียงแต่ตะบันไฟนั้นยังไม่ได้ตกลงบนหน้าต่าง ทันใดนั้นภาพคนผู้หนึ่งลอยเข้ามาดุจสายฟ้าแลบ เตะตะบันไฟอันนั้นกระเด็นในทีเดียว

“ผู้ใดกัน กล้ามาวางเพลิงที่นี่เชียวหรือ!” ซูนฟั่งถลึงตาอย่างโมโห

องครักษ์พอเห็นเป็นขอทานคนหนึ่ง ก็ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาสักนิด “ไสหัวไปไอ้ขอทาน อย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!”

ซูนฟั่งจ้ององครักษ์ที่สวมชุดดำทั้งตัวตรงหน้าตาเขม็ง “ที่นี่คือร้านเนื้อย่างของคุณหนูสาม ผู้ใดอย่าคิดเผามันเด็ดขาด นอกจากเจ้าจะฆ่าข้าทิ้ง”

องครักษ์ฉุนเฉียวยิ่งนัก หมดความอดทนตั้งนานแล้ว “ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย เช่นนั้นก็ไปตายเสีย” พูดอยู่ จึงดึงกระบี่ที่พกติดตัวออกมาแทงเข้าไปทางขอทาน

ซูนฟั่งรีบหลบทันใด หมุนตัวแล้วโจมตีกลับ เพียงแต่เขาไม่เคยฝึกฝนอย่างมืออาชีพ ไม่นานนักก็ตกเป็นเบี้ยล่าง ยังโดนองครักษ์คนนั้นกรีดแขนจนเป็นแผล ตรงหน้าอกก็โดนฟันไปทีหนึ่ง เจ็บจนทั้งตัวซูนฟั่งล้มลง ขยับเขยื้อนไม่ได้ เขาคลานไปทางหน้าต่างของร้านเนื้อย่าง ขวางตรงหน้าต่างเอาไว้

“นอกจากเจ้าฆ่าข้าทิ้ง ไม่เช่นนั้นข้าจะมิให้เจ้าวางเพลิงเด็ดขาด!” เสียงของซูนฟั่งอ่อนแรง สีหน้ากลับเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

องครักษ์ทำเสียงเย็นชา “ไม่รู้จักเจียมตัว!” พูดอยู่ จึงแทงกระบี่ในมือเข้ามาอีกครั้ง

แทงมาคราวนี้ องครักษ์ออกแรงเต็มที่ เขาแค่อยากจัดการให้เสร็จโดยเร็ว

ซูนฟั่งที่ขยับไม่ไหว เห็นว่ากระบี่นั้นกำลังแทงเข้ามา เขาจึงหลับตาลงโดยจิตใต้สำนึก

ตายก็ตายเถิด ขอเพียงสามารถปกป้องร้านของคุณหนูสามไว้ได้ แม้ว่าทำไม่สำเร็จก็ต้องยืดเวลาออกไปหน่อย

ลูกธนูที่ซ่อนในแขนเสื้ออันหนึ่งแหวกกระแสกลางอากาศประหนึ่งบุกฝ่าพายุมา ยิงไปยังกระบี่ในมือองครักษ์โดยตรง

เสียง“ฉึก”ดังขึ้น องครักษ์รู้สึกเพียงว่ามือที่กุมกระบี่ไว้ชา ดูเจ็บปวดมาก สีหน้าเขาฉุนเฉียวจนถลึงตาใส่ในที่มืด

“ผู้ใดกัน?”

องครักษ์มองไม่ชัดว่าคนผู้นั้นเข้ามาอย่างไร ทันใดนั้นด้านหน้าปรากฏผู้หญิงที่สีหน้าเย็นเยือกคนหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งของนางกำลังบีบคอขององครักษ์ไว้

“กล้าเผาร้านเนื้อย่างของคุณหนูสาม วอนหาที่ตายนัก!” ชุนเอ๋อร์พูดด้วยเสียงเย็นชา กริชในมือรวดเร็วจนน่าตกใจ

องครักษ์รู้สึกเพียงว่าข้อมือเย็นๆ จากนั้นมีของเหลวไหลออกมา พอเขาก้มหน้ามอง กระบี่ในมือก็ร่วงลงพื้นดังเคล้ง เจ็บจนเขาสีหน้าซีดเผือด

“เจ้า เจ้าบังอาจฟันมือข้าเชียวหรือ น่ารังเกียจ ข้าจักฆ่าเจ้าเสีย!” องครักษ์ทั้งตกใจทั้งเคียดแค้น กระโจนไปทางชุนเอ๋อร์อย่างฉุนเฉียว

เพียงแต่ตัวคนยังไม่ทันมาถึงชุนเอ๋อร์ ก็ถูกชุนเอ๋อร์ถีบกระเด็น “ข้าไม่เพียงจะฟันมือของเจ้า ยังจะฟันเท้าของเจ้าด้วย” พูดอยู่ ส่ายกริชในมือเดินเข้ามาทีละก้าว

นางหน้าตาเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ราวกับภูเขาน้ำแข็งหมื่นปี มองแวบเดียวก็สามารถแช่แข็งลมหายใจของคนไว้ได้

องครักษ์ยังไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่น่ากลัวปานนี้มาก่อน ตกใจจนคุกเข่าลงพื้นเพื่อขอความเมตตาทันที “แม่หญิง นายหญิงไว้ชีวิตด้วยขอรับ ข้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปข้าก็มิกล้าอีกแล้วขอรับ ท่านฟันมือข้าทั้งสองข้างแล้ว ขอท่านอย่าฟันเท้าทั้งสองของข้าอีกเลยขอรับ ข้ายังมีแม่อายุแปดสิบปีที่ต้องเลี้ยงดูอยู่ขอรับ”

องครักษ์พูดอยู่ ร้องไห้คำรามขึ้นมาตรงถนนนั้น

ชุนเอ๋อร์สีหน้าเฉยชา มองทางองครักษ์ผู้นั้นจากบนลงล่าง “บอกมา ผู้ใดส่งเจ้ามา?”

“เป็นคุณชายของข้าขอรับ จ้าวเฉินเยวียน!” องครักษ์รีบตอบ เขายังกล้าโกหกอีกที่ไหน

เขายังอยากพูดอะไรต่อ แต่ชุนเอ๋อร์ตบเขาสลบไปในทีเดียว

ซูนฟั่งเห็นชุนเอ๋อร์ที่ปรากฏตัวมากะทันหัน ทั่วทั้งตัวยังไม่ทันตอบสนองกลับมา ก็เห็นชุนเอ๋อร์เดินเข้ามาทางตนเอง “เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ยังไหวหรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นข้าส่งเจ้าไปหาคุณหนูสาม”

“ไม่ต้อง อย่าให้คุณหนูสามเห็นสภาพกระเซอะกระเซิงเยี่ยงนี้ของข้า ข้ากลับไปรักษาสักสามสี่วันก็พอ ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยเหลือ!” ซูนฟั่งฝืนกลั้นความเจ็บปวดไว้ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วไป

ชุนเอ๋อร์ไม่เข้าใจอยู่บ้าง ขอทานคนนี้เมื่อสักครู่สู้สุดชีวิตเพื่อปกป้องร้านเนื้อย่าง ทั้งที่เขาสามารถได้รับความดีความชอบ กลับจากไปเงียบๆ ยังเป็นคนแปลกเสียจริง

ชุนเอ๋อร์รีบกลับไปที่จวนตระกูลหยุน บอกเรื่องนี้แก่หยุนซู หลังจากหยุนซูได้ยินตกตะลึงไปทั้งตัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ