สรุปตอน บทที่ 676 พวกเราค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่ง – จากเรื่อง จอมนางข้ามพิภพ โดย Anonymous
ตอน บทที่ 676 พวกเราค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่ง ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง จอมนางข้ามพิภพ โดยนักเขียน Anonymous เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
หมอตี๋สีหน้าเคียดแค้นยิ่งนัก เขาถลึงตามองโม่เหลิ่งเหยียนและหยุนถิงอย่างเดือดดาล มีประกายเหี้ยมโหดวาบผ่าน จากนั้นกัดยาพิษในฟันให้แตกฆ่าตัวตายเสีย
แต่หยุนถิงเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง ทำกรามเขาหลุดทันที จากนั้นก็หักแขนสองข้างเขาด้วย
เสียงกระดูกหักหลายท่อนดังมา ทำคนขนหัวลุก
ซื่อจื่อเฟยลงมือทีไรทั้งเร็วแม่นและเหี้ยม พวกหลงยีรู้ดีอยู่แล้ว
“ข้ำทำเช่นนี้เพื่อยับยั้งไม่ให้เขากัดยาพิษฆ่าตัวตาย แอบลงมือกับพวกเราลับๆ กว่าจะจับหมอนี่ได้ไม่ง่ายเลย ระวังหน่อยก็ดี” หยุนถิงอธิบาย
“ซื่อจื่อเฟยฉลาดนัก!” หลงยีเลื่อมใสยิ่งนัก
“หลงยี เจ้าพาเขากลับไปมอบให้ซื่อจื่อก่อน!” โม่เหลิ่งเหยียนเอ่ยขึ้น
หลงยีหันมองหยุนถิงทันที เห็นซื่อจื่อเฟยตนพยักหน้า ถึงได้ทำตาม เขาเหลือองครักษ์เงามังกรไว้สองคน จากนั้นคุมตัวหมอตี๋กับคนอื่นจากไปด้วยตัวเอง
“ซวนอ๋อง มีเรื่องอะไรรึ?” หยุนถิงถามเขาอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอยู่ต่อ
“ในเมื่อคนผู้นี้สามารถควบคุมจวินหย่วนโยวได้ เช่นนั้นต้องมิใช่คนธรรมดาแน่ คนเช่นนี้ไม่สนใจเรื่องความเป็นความตายนานแล้ว อยากจะเค้นเบาะแสจากปากเขานั้นยากมาก ดังนั้นพวกเราอยู่หาต่อว่าจะมีเบาะแสอะไรหรือไม่ ขอเพียงหาเบาะแสได้ ก็จะสามารถอ้าปากเขาได้” โม่เหลิ่งเหยียนอธิบาย
หยุนถิงถึงบางอ้อ “ไม่คิดว่าซวนอ๋องจะละเอียดอ่อนเพียงนี้ ทุกคนแยกย้ายกันหา”
“ขอรับ!” องครักษ์เงามังกรสองนายรีบค้นหาทันที
ในถ้ำถึงจะมีกองไฟ แต่ก็มืดอยู่ดี หยุนถิงควักเอาไข่มุกราตรีเม็ดหนึ่งออกมาจากมิติเลย ทั้งถ้ำสว่างฉับพลัน
ทุกคนแยกย้ายกันตามหา หยุนถิงปรายตามองถ้ำรอบหนึ่ง ถ้ำนี้เห็นได้ชัดว่าอยู่มานานแล้ว เอาแค่ที่เขาควบคุมจวินหย่วนโยว สามารถรับยศฐาบรรณดาศักดิ์ ร่ำรวยลาภยศสรรเสริญไปทั้งชาติได้แน่ แต่เขากลับเลือกมาซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่มืดมิดมองไม่เห็นดวงตะวันเช่นนี้ หรือว่ามีความแค้นยิ่งใหญ่หรือเหตุผลจำเป็นอะไรกันนะ?
พอคิดถึงตรงนี้ หยุนถิงไม่ได้ไปมองดูพวกโต๊ะถาดเสื้อผ้าอะไรอีก แต่กลับมองไปที่กำแพง
โม่เหลิ่งเหยียนก็เดินในด้านใน หยุนถิงกับโม่เหลิ่งเหยียนเดินไปถึงกำแพงด้านหนึ่งพร้อมกัน กำแพงด้านนั้นเต็มไปด้วยรอยมีด รอยกระบี่ปาดซ้ายปาดขวาโรมรันพันตูไปหมด มีทั้งลึกและตื้น ดูท่าจะมีมานานแล้ว
“ร่องรอยดาบพวกนี้ออกแรงนัก เห็นได้ชัดว่าคนที่ลงดาบต้องเคียดแค้นอย่างมาก บางทีคนผู้นี้อาจจะมีเรื่องราวบางอย่างก็ได้” น้ำเสียงโม่เหลิ่งเหยียนมีแววเคร่งเครียด
“ซวนอ๋องพูดถูกแล้ว ทุกคนดูตามกำแพง ก้อนหินหรือบนโต๊ะให้ละเอียดนะ” หยุนถิงเห็นด้วย
องครักษ์เงามังกรสองคนแยกกันหา และพบตัวอักษรโอวที่ก้อนหินก้อนหนึ่ง
“ซื่อจื่อเฟย บนก้อนหินนี้มีตัวอักษรอยู่” องครักษ์เงามังกรคนหนึ่งบอก
“ทางนี้ก็มี ทำไมดูแล้วเหมือนมีครึ่งตัว”
โม่เหลิ่งเหยียนเลิกคิ้วมองมา “เอาก้อนหินสองก้อนมาต่อกันสิ”
องครักษ์เงามังกรทำตามทันที ก้อนหินสองก้อนมีรอยแตกตรงกลาง พอประกบกันก็เป็นตัวอักษรโอวพอดี ตัวอักษรลึกมาก ทำเอาก้อนหินสองก้อนแตกตรงกลาง เห็นได้ชัดว่า ผู้สลักอักษรออกแรงมากแค่ไหน
“โอว คำว่าโอวนี้มีอะไรพิเศษหรือไม่?” หยุนถิงขมวดคิ้ว
ดวงตาดำขลับคมปลาบของโม่เหลิ่งเหยียนหรี่ลงเล็กน้อย “ข้าจำได้ว่าปีนั้นที่แคว้นเทียนจิ่วเกิดกบฏภายใน ตระกูลโอวถูกฆ่าล้างตระกูลภายในคืนเดียว ร้อยกว่าชีวิตตายสิ้น ขนาดเรือนยังโดนไฟเผาเสียวอดวาย รอจนคนไปพบตอนฟ้าสาง ก็สายไปแล้ว
ตระกูลโอวมีรากฐานมาเป็นร้อยปี เจ้าตระกูลของตระกูลโอวเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่ว จงรักภักดีมาทุกรุ่น แต่หลังจากตระกูลโอวโดนฆ่าล้างตระกูลแล้วกลับถูกผู้คนหาว่าก่อกบฏ ตอนนั้นข้ายังเป็นเด็ก ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเรื่องของแคว้นเทียนจิ่ว เลยมิได้ให้คนไปสืบหาความจริง”
หยุนถิงหรี่ตาลง “ดังนั้นคนผู้นี้คือลูกหลานตระกูลโอว!”
ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นแน่ใจ
“ซื่อจื่อเฟยมิต้องเกรงใจ เรื่องเกี่ยวกับซื่อจื่อ พวกรเจะสืบดูให้รู้แน่ชัดอย่างสุดกำลัง”
องครักษ์เงามังกรไปสืบ หยุนถิงกับโม่เหลิ่งเหยียนกลับแปรพระราชฐาน
จวินหย่วนโยวฟื้นขึ้นมาแล้ว พอเห็นหยุนถิงกลับมา ก็รีบถามทันที “ถิงเอ๋อร์ เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
“ท่านพี่ ข้ามิเป็นไร ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือไม่?” หยุนถิงถามอย่างเป็นห่วง
“ข้าไม่เป็นไรแล้ว ท่านยายขุยช่วยลงเข็มให้ข้าแล้ว เจ้าต่างหาก ออกไปกลางดึก เหตุใดไม่พาคนไปมากหน่อย เกิดได้รับบาดเจ็บจะทำอย่างไร?”
“วางใจเถอะท่านพี่ โชคดีมีหลงยีกับซวนอ๋องอยู่ด้วย พวกเราพาตัวคนผู้นั้นกลับมาแล้ว และยังเจอความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่งด้วย” หยุนถิงเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา
ทำเอาจวินหย่วนโยวตกตะลึง “หากเป็นอย่างที่เจ้าคิดจริง เท่ากับช่วยพวกเราได้มากเลย”
“คุณหนูใหญ่ อาหารเช้าเตรียมเรียบร้อยแล้ว ไปทานอาหารก่อนเถอะ” ซูหลินบอก
“ได้”
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวนั่งลง เยว่เอ๋อร์อุ้มจวินเสี่ยวเทียนเข้ามา “ท่านพ่อ ท่านแม่!”
จวินหย่วนโยวกำลังจะยื่นมือไปอุ้ม หยุนถิงปรามเขาไว้ “ท่านพี่ ท่านพึ่งฟื้นนะ ข้าอุ้มเองดีกว่า”
“มิเป็นไร เสี่ยวเทียนเบามาก ไม่เหนื่อยหรอก” จวินหย่วนโยวอุ้มจวินเสี่ยวเทียนไว้
“ท่านอา อุ้ม!” จวินเสี่ยวเหยียนหันมองโม่เหลิ่งเหยียน พลางยื่นสองมือออกมาเป็นเชิงบอกให้เขาอุ้ม
หยุนถิงเริ่มเกรงใจ “ลำบากซวนอ๋องแล้ว ไม่รู้ทำไม ยัยหนูนี่ชอบท่านนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...