จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 687

หยุนถิงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ผิงหนานอ๋องสมองเจ้าถูกลาถีบจนโง่หรือ เอาฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วมาข่มขู่เรา ความเป็นความตายของเขาเกี่ยวอะไรกับเรา อีกอย่างเดิมทีเขาก็เป็นคนใกล้จะตายอยู่แล้ว!”

ดวงตาทั้งคู่ของผิงหนานอ๋องแดงก่ำ “พวกเจ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ แต่เขาเป็นเสด็จพ่อของเริ่นเซวียนเอ๋อร์ เจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับเซวียนเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ จะมองดูเสด็จพ่อของนางไปตายโดยที่ไม่ทำอะไรเลยหรือ?”

หยุนถิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย กำลังคิดอยู่ว่าควรจะรับมืออย่างไร

“ปล่อยเสด็จพ่อข้าซะ!” เสียงที่เย็นยะเยือกและโมโหดังมา เริ่นเซวียนเอ๋อร์กับกู้จิ่วเยวียนเดินออกมาจากด้านนอกพระตำหนัก

ทันทีที่ผิงหนานอ๋องเห็นเริ่นเซวียนเอ๋อร์ ก็มีความมั่นใจในทันที นาทีนี้เขาก็รู้สึกโชคดีเช่นกัน ดีที่คนของตัวเองไม่ได้ฆ่าเริ่นเซวียนเอ๋อร์ มิเช่นนั้นเวลานี้เขาก็ไม่รู้จริงๆว่าควรจะหนีออกไปอย่างไร

เมื่อฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วเห็นเริ่นเซวียนเอ๋อร์ ก็ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลพราก “เซวียนเอ๋อ รีบช่วยเสด็จพ่อเร็ว!”

“เสด็จพ่อวางใจ ข้าจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายท่านเด็ดขาด” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ให้คำมั่น มองไปทางผิงหนานอ๋องทันที “เสด็จอา ท่านปล่อยเสด็จพ่อซะ ข้าเป็นตัวประกันให้ท่านเอง”

“ถ้าหากเจ้าอาศัยตอนที่ข้าไม่ทันได้ระวัง วางยาพิษข้าล่ะ ข้าไม่เชื่อใจเจ้า ให้คนเตรียมม้า ส่งข้าจากไปเดี๋ยวนี้ ขอเพียงข้าปลอดภัยแล้ว ย่อมจะปล่อยเสด็จพี่เอง!” ผิงหนานอ๋องคำรามด้วยความโกรธ อาวุธลับที่อยู่ในมือแทงไปที่ลำคอของฮ่องเต้

รอยเลือดไหลออกมาเป็นทาง ฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด

เริ่นเซวียนเอ๋อร์รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่งในทันที “ตกลง ข้ารับปากท่าน!”

“ไม่ได้ เขารู้ว่าใครเป็นคนวางพิษกู่ให้ท่านแม่ของซื่อจื่อ จะปล่อยให้เขาจากไปไม่ได้เด็ดขาด อีกอย่างพิษกู่ในร่างกายของกู้จิ่วเยวียนเขาก็เป็นคนวางเช่นกัน ผิงหนานอ๋องมีโทษมหันต์ ตายไปก็ควรค่าให้เสียดาย!” เสียงที่น่าเกรงขามของหยุนถิง ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขา

ขุนนางทั้งราชสำนักรวมไปถึงฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วล้วนตะลึงงันไป “เซ่อเจิ้งอ๋องถูกพิษกู่ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมข้าไม่รู้?”

“มิน่าหลังจากความขัดแย้งภายในในตอนนั้น ร่างกายของเซ่อเจิ้งอ๋องก็อ่อนแอมาตลอด นอนป่วยติดเตียงตลอดปี!”

“หรือว่าเริ่มตั้งแต่ในตอนนั้นแล้ว?”

“หากเป็นเช่นนี้ ผิงหนานอ๋องก็เจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ถึงกับโหดร้ายต่อเซ่อเจิ้งอ๋องเช่นนี้”

เหล่าขุนนางทุกคนล้วนดูถูกเหยียดหยามผิงหนานอ๋อง โกรธแค้นสุดขีดกันทั้งนั้น แน่นอนว่าพวกเขาก็กล้าแค่เพียงวิพากษ์วิจาร์ณเสียงเบาเท่านั้น อย่างไรเสียทุกคนก็ยังถูกพิษกันอยู่

รูม่านตาดำที่เย็นชาของกู้จิ่วเยวียนกวาดมองไปทางผิงหนานอ๋องราวกับมีดที่แหลมคม “ทำไมเจ้าต้องวางกู่ให้ข้าด้วย?”

“ทำไมน่ะหรือ เพราะเจ้าแข็งแกร่งเกินไปไง ความขัดแย้งภายในในตอนนั้น ข้าสามารถชิงบัลลังก์กลับมาแล้วแท้ๆ เป็นเพราะเจ้านำทหารเร่งเดินทางมา ช่วยชีวิตฮ่องเต้เอาไว้ ทำลายรูปแบบและแผนการทั้งหมดของข้า ทำให้ข้าล้มเหลวในนาทีสุดท้าย ดังนั้นข้าถึงได้สั่งให้คนวางกู่ให้เจ้า ก็เพื่อที่จะทรมานเจ้า ทำให้เจ้าตายทั้งเป็น เป็นคนพิการดิ้นรนประคับประคองให้มีชีวิตรอด!” ผิงหนานอ๋องกล่าวอย่างเย้ยหยัน

มือที่อยู่ในแขนเสื้อของกู้จิ่วเยวียนกำหมัดเอาไว้แน่น หลายปีมานี้สิ่งที่เขาได้รับไม่ได้มีเพียงแค่ความทุกข์ทรมานทางร่างกายและจิตใจ แต่ยังรวมไปถึงวันเวลาในหลายปีที่ผ่านมาอีกด้วย

เขาสามารถมีท่วงท่าแห่งวีรบุรุษที่ขี่ม้าควงทวนอยู่ในสนามรบ ยกทัพจับศึกไปทั้งสี่แคว้นแท้ๆ ตอนนี้กลับได้แต่นอนอยู่บนเตียง ดิ้นรนประคับประคองให้มีชีวิตรอด ราวกับขยะไร้ค่า------

หากไม่ได้พบกับซื่อจื่อเฟย ชีวิตที่เหลือของกู้จิ่วเยวียนก็คงเป็นได้แค่นี้แล้ว แต่ตอนนี้พิษกู่ในร่างกายของเขาถูกกำจัดไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่างกายยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาอย่างเต็มที่และก็ยังอ่อนแออยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ใช่ขยะไร้ค่าอีกต่อไปแล้ว

เพราะความตื่นเต้นและโกรธแค้น ร่างกายของกู้จิ่วเยวียนสั่นเทาไปทั้งตัว

เริ่นเซวียนเอ๋อร์รู้สึกได้ถึงความเกลียดชังของเขา ยื่นมือเข้ามาจับมือของเขาเอาไว้แน่น “เสด็จอาเก้า!”

นางรู้ดีกว่าใครๆว่าหลายปีมานี้เสด็จอาเก้าใช้ชีวิตอย่างไร เวลานี้เห็นเสด็จอาเก้าเจ็บปวดและโกรธแค้นเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่งเริ่นเซวียนเอ๋อร์ตกอยู่ในสภาวะลำบากใจ

ด้านหนึ่งคือเสด็จพ่อของตัวเอง อีกด้านคือเสด็จอาเก้าของตัวเอง นางควรตัดสินใจเลือกอย่างไรดี

ใบหน้าของหยุนถิงก็เต็มไปด้วยความเย็นชาเช่นกัน ถึงแม้นางจะมีความสัมพันธ์อันดีกับเริ่นเซวียนเอ๋อร์ แต่ผิงหนานอ๋องวางกู่ให้ท่านแม่ของซื่อจื่อ อาศัยแค่ข้อนี้ นางก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน

กู้จิ่วเยวียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆเข้าเฮือกหนึ่ง กุมมือของเริ่นเซวียนเอ๋อร์เอาไว้แน่น “ถึงแม้ข้าแทบอยากจะมาถลกหนังดึงเส้นเอ็นผิงหนานอ๋อง แต่ในฐานะขุนนาง ย่อมต้องช่วยฝ่าบาทอยู่แล้ว เจ้าอยากจะทำอย่างไรก็ทำไปเถอะ”

เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตื้นตันจนเบ้าตาแดงก่ำ เพื่อตัวเองแล้วเสด็จอาเก้าถึงกับสามารถอดทนถึงขั้นนี้ได้ ทำให้นางละอายใจและไร้คำพูดจะพูดต่ออีก

เริ่นเซวียนเอ๋อร์กำลังจะพูดอะไร ขุนนางคนหนึ่งก็ตะโกนออกมา “ฝ่าบาท!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ