จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 962

พอผู้คนในห้องโถงได้ยินคำพูดนี้ ก็พากันมองมาทางหน้าประตู

แล้วก็เห็นผู้หญิงใส่ชุดสีแดงคนหนึ่ง หน้าตาสะสวยสีเสน่ห์ รูปร่างสมส่วน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือนางท้องโย้อยู่ เรื่องนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงไปหมดเลย

พอกัวมู่ไป๋ได้ยินคำพูดที่คุ้นหู ก็สะดุ้งขึ้นมาทันที เขาหมุนตัวมองไปด้านหลังทันที “เม่ยเอ๋อร์ เจ้ามาได้ยังไงกัน?”

“ถ้าข้าไม่มา แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าท่านมาหมั้นกับผู้หญิงอื่น?” จ้าวเม่ยเอ๋อร์ถามขึ้นมาอย่างเย็นชา

ตอนนั้นกัวมู่ไป๋ให้เหตุผลว่าพวกเขาเป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่เด็ก มาตอแยตัวเองตั้งสองปี ถึงทำให้นางซาบซึ้งได้ แต่คิดไม่ถึงว่าแค่ไม่ได้เจอกันสองเดือน เขาก็มาหมั้นกับผู้หญิงอื่นแล้ว จ้าวเม่ยเอ๋อร์จะยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไงกัน

ดังนั้นจ้าวเม่ยเอ๋อร์จึงเร่งรีบมาทั้งท้องโย้ เพราะอยากมาถามกัวมู่ไป๋ว่าตกลงมันหมายความว่ายังไงกันแน่

ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายกัวมู่ไป๋หน้าตาสวยงาม ใบหน้าเรียวเล็ก ยืนอยู่ข้างกัวมู่ไป๋ ราวกับสาวงามของบ้านไหน ช่างเหมาะสมกันเป็นอย่างมาก แต่ก็ทิ่มแทงสายตามากจริง ๆ

สีหน้าของกัวมู่ไป๋เคร่งขรึมขึ้นมาหลายเท่า “เม่ยเอ๋อร์ เจ้าฟังข้าอธิบายนะ” พูดแล้วก็จะออกไปเลย แต่กลับถูกไป๋หลานรั่วที่อยู่ข้าง ๆ จับแขนไว้

“พี่มู่ไป๋ ท่านอย่าไป วันนี้ถ้าท่านออกไป แล้วข้าจะมีหน้าอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปอีกได้ยังไง ขอร้องท่านล่ะ” ไป๋หลานรั่วใช้น้ำเสียงที่ได้ยินกันสองคน พูดอ้อนวอนขึ้นมา

เท้าที่ก้าวออกไปแล้วของกัวมู่ไป๋ค้างไว้กลางอากาศ แขนถูกจับจนรู้สึกเจ็บจี๊ด

เขามองไปทางจ้าวเม่ยเอ๋อร์โดยอัตโนมัติ แล้วหยุดฝีเท้าลง “เม่ยเอ๋อร์ เรื่องนี้ เดี๋ยวต่อไปข้าค่อยอธิบายกับเจ้าดีไหม?”

พอจ้าวเม่ยเอ๋อร์เห็นแบบนี้ มุมปากก็มีแววเยาะเย้ยปรากฏขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง “กัวมู่ไป๋ ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง เจ้ารีบอธิบายให้ชัดเจนมาเดี๋ยวนี้!”

สีหน้าของไป๋หลานรั่วขาวซีดไปทันที มือที่จับตัวกัวมู่ไป๋ไว้ก็ยิ่งแน่นมากยิ่งขึ้น “พี่มู่ไป๋ อย่า ขอร้องท่านล่ะ อย่าพูดเลยนะ อย่าพูด”

กัวมู่ไป๋ขมวดคิ้วไว้แน่น ด้านหนึ่งก็คือจ้าวเม่ยเอ๋อร์ที่ตัวเองรักลึกซึ้ง อีกด้านหนึ่งก็เป็นไป๋หลานรั่วที่ต้องมาเกิดเรื่องขึ้นเพราะตัวเอง ชั่วขณะหนึ่งเขาจึงไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

“แม่นางท่านนี้ วันนี้เป็นวันแต่งงานของมู่ไป๋กับหลานรั่ว ข้าไม่สนว่าเมื่อก่อนเจ้าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับมู่ไป๋ แต่ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปขอให้เจ้าอย่ามารบกวนเขาอีก” น้ำเสียงที่เย็นชาของกัวฮูหยินดังขึ้นมา และเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“ท่านแม่ ท่านอย่าพูดแบบนี้” กัวมู่ไป๋พยายามไปห้ามปราม แต่ก็สายไปแล้ว

“ตอนนี้เจ้ากับหลานรั่วหมั้นหมายกันแล้ว ก็ควรจะเก็บใจกลับมาได้แล้ว เจ้าจะต้องรู้ไว้นะว่าในอนาคต นางต่างหากที่เป็นภรรยาเจ้า ส่วนหมาแมวตัวอื่น ๆ อย่าคิดว่าจะได้เข้าประตูบ้านตระกูลกัวของข้าเลย!” กัวฮูหยินพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

“ฮูหยิน เจ้าพูดให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ” นายท่านกัวรีบพูดตักเตือนขึ้นมาทันที

“งานหมั้นของลูกชายข้า มีคนมารบกวน ข้าก็ต้องยุ่งอยู่แล้ว วันนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามมาทำลายงานหมั้นของพวกเขาทั้งนั้น” กัวฮูหยินพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง

จ้าวเม่ยเอ๋อร์จ้องมองไปที่นายท่านทั้งสองของตระกูลกัวอย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้เป็นหมาเป็นแมว เมื่อหลายปีก่อน นายท่านกัวไปที่บ้านตระกูลจ้าว ไปอ้อนวอนขอร้องให้จ้าวอ๋องหมั้นหมายลูกกับเขาไว้”

“แล้วกัวมู่ไป๋ก็มาตอแยข้าตั้งสองปี มาปกป้องดูแลข้า และรักใครมากเป็นพิเศษ ไม่งั้นข้าจะมีลูกให้เขาได้ยังไง”

“ด้วยสิทธิ์ที่ลูกในท้องของข้าเป็นของกัวมู่ไป๋ และข้าให้หยุนถิงช่วยตรวจดูให้ข้าแล้ว เด็กในครรภ์นี่เป็นเด็กผู้ชาย เป็นหลานชายคนแรกของตระกูลกัวของพวกท่าน ท่านว่าข้ามีสิทธิ์มายืนอยู่ตรงนี้แล้วหรือยัง?”

น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกทำให้ห้องโถงทั้งห้องตกตะลึงไปหมด ผู้คนแตกตื่นขึ้นมาทันที และพากันถกเถียงกันขึ้นมา

กัวฮูหยินใบหน้าตกตะลึงไปหมด ดวงตาเบิกกว้างเท่ากับตาวัวตัวหนึ่ง จ้องมองไปที่ท้องของจ้าวเม่ยเอ๋อร์ “เจ้า เจ้าบอกว่าเป็นลูกของมู่ไป๋หรือ?”

“กัวมู่ไป๋ยืนอยู่ตรงนั้น ท่านสามารถถามตัวเขาเองได้” จ้าวเม่ยเอ๋อร์หึเสียงเย็นออกมาคำหนึ่ง

“มู่ไป๋ มู่ไป๋นี่เป็นลูกของเจ้าจริง ๆ หรือ? เจ้ารีบบอกแม่มาเร็ว” กัวฮูหยินถามขึ้นมาอย่างร้อนรน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ