จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 963

ไป๋หลานรั่วมองเห็นกัวมู่ไป๋มีท่าทางลังเล ใจทั้งดวงของนางตกไปอยู่ถึงตาตุ่ม นางไม่กล้าฟังคำตอบของพี่มู่ไป๋ และไม่อยากฟังด้วย

พอเห็นว่ากัวมู่ไป๋จะเปิดปากพูดแล้ว ไป๋หลานรั่วก็หน้ามืดแล้วหมดสติไปเลย

“หลานรั่ว หลานรั่ว เจ้าเป็นอะไรไป ใครก็ได้รีบไปตามหมอมาเร็ว เร็ว!” ท่านแม่ไป๋ร้อนตะโกนขึ้นมาอย่างเป็นกังวล

ท่านพ่อไป๋เองก็มีสีหน้าไปพอใจ แต่ก็ยังเป็นกังวล “ใครก็ได้ รีบไปเชิญหมอที่ดีที่สุดในเมืองมาเร็ว”

สองสามีภรรยาตระกูลกัวก็มีสีหน้าเป็นกังวล งานหมั้นดี ๆ กลับมามีสภาพแบบนี้ไปได้

มีแต่จ้าวเม่ยเอ๋อร์คนเดียวที่มองไปที่ไป๋หลานรั่วที่หมดสติไปแล้วอย่างเย็นชา “ช่างหมดสติได้พอเหมาะพอดีเลยนะ”

กัวมู่ไป๋ขมวดคิ้วขึ้นมาเป็นปม แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ คำหนึ่ง “เม่ยเอ๋อร์ ขอโทษนะ วันนี้ข้าคงจากไปไม่ได้แล้ว เดี๋ยววันหลังข้าจะไปอธิบายกับเจ้าให้ดี ๆ เองได้ไหม?”

จ้าวเม่ยเอ๋อร์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้ ที่เคยไล่ตามอยู่หลังตัวเอง คอยตอแยไม่หยุด กลับมาปฏิเสธตัวเองเพราะผู้หญิงตอแหลคนหนึ่ง

น่าขำ ยิ่งน่ารังเกียจกว่า

จ้าวเม่ยเอ๋อร์เป็นคนหยิ่งยโสแค่ไหน นางไม่เคยอ้อนวอนผู้ชายมาก่อน ถ้าไม่ใช่ของตัวเอง อ้อนวอนขอมาแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน ดังนั้นนางจึงไม่สนใจ และไม่อยากได้ด้วย

“ในเมื่อท่านตัดสินใจอยู่ต่อแล้ว งั้นคำอธิบายในอนาคต ข้าก็ไม่ฟังแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระหว่างท่านกับข้าก็ขาดกัน สำหรับเด็กคนนี้ เขาก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่านทั้งนั้น ต่อไปท่านกับข้าก็ทางใครทางมัน ชาตินี้อย่าได้มาเจอกันอีกเลย!” จ้าวเม่ยเอ๋อร์ทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง แล้วก็หมุนตัวจากไปเลย

กัวมู่ไป๋มองไม่เห็น ตอนที่จ้าวเม่ยเอ๋อร์หมุนตัวไปนั้น ตรงหางตามีหยาดน้ำตารื้นขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

จ้องมองแผ่นหลังที่เฉยเมยของนางแล้ว กัวมู่ไป๋ก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตามออกไป

จ้าวเม่ยเอ๋อร์เดินตรงไปทางหน้าประตู ก็พบเจอกับหยุนถิงเข้าพอดี แล้วนิ่งอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด และยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาตรงหางตาออกโดยอัตโนมัติ

“หยุนถิง เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

“ข้ากับท่านพี่และพวกลูก ๆ ผ่านมาทางนี้พอดี แล้วกะว่าจะมาพักในเมืองนี้สักหน่อย แต่ปรากฏว่าเห็นเจ้าเข้ามา แล้วกลัวว่าเจ้าจะเป็นอันตราย ก็เลยตามเข้ามาดูสักหน่อย” หยุนถิงพูดอธิบายขึ้นมา

“น่าขายหน้าจริง ๆ ให้เจ้าต้องมาเห็นสภาพอนาถแบบนี้ของข้า” จ้าวเม่ยเอ๋อร์พูดเยอะเย้ยตัวเองขึ้นมา

“ไม่ขายหน้าหรอก เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องกัน อยู่ต่อหน้าคนกันเอง จะมาขายหน้าอะไร” หยุนถิงพูดจบ ก็จูงมือจ้าวเม่ยเอ๋อร์เอาไว้ แล้วหมุนตัวพานางเดินจากไปเลย

ในวินาทีที่กัวมู่ไป๋มองเห็นหยุนถิง ใจที่กลัดกลุ้มมากก็วางใจลงไปไม่น้อย มีหยุนถิงอยู่ด้วย เม่ยเอ๋อร์ก็ไม่มีทางเป็นอะไรแล้ว

“มู่ไป๋เจ้ารีบตามไปซิ เม่ยเอ๋อร์ท้องลูกของเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ?” นายท่านกัวพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่ง

“ก็แค่ตั้งครรภ์อยู่ จะเป็นลูกของตระกูลกัวหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ลูกสาวข้านอนหมดสติอยู่ตรงนี้ ถ้านางเป็นอะไรไป ข้าไม่มีทางจบกับตระกูลกัวง่าย ๆ แน่!” ท่านแม่ไป๋ตะคอกขึ้นมาอย่างโกรธเคือง

“คำพูดนี้หมายความว่ายังไง หลานรั่วบ้านท่านร่างกายอ่อนแอเองอยู่แล้ว เกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย” กัวฮูหยินพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

ตอนแรกหวังอยากให้หลานรั่วมามีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลกัว ถึงแม้นางจะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แต่ก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่มู่ไป๋อยากจะแต่งงานด้วย พอตอนนี้มาเห็นจ้าวเม่ยเอ๋อร์ท้องโย้มาหา แน่นอนว่ากัวฮูหยินก็ไม่มีอะไรที่ต้องยอมแล้ว ในเมื่อหลานก็มีแล้ว

“ท่าน ท่านพูดจาเกินไปแล้วนะ ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา หลานรั่วของข้าจะหมดสติไปได้ยังไง?” ท่านแม่ไป๋โต้แย้งกลับ

“พอแล้ว ยังเห็นว่าขายหน้าไม่พออีกหรือ” ท่านพ่อไป๋ตะคอกออกไปคำหนึ่ง ผู้หญิงทั้งสองหุบปากไปทันที

ตรงหน้าประตู จวินหย่วนโยวได้พาลูกทั้งสองตามมาอย่างเร่งรีบแล้ว และก็มาเจอกับหยุนถิงและจ้าวเม่ยเอ๋อร์ตรงหน้าประตูพอดี แล้วสีหน้าของจ้าวเม่ยเอ๋อร์ก็ดูย่ำแย่มาก

“ท่านน้า ท่านเป็นอะไรไปหรือ ทำไมถึงดูไม่มีความสุขเลย?” จวินเสี่ยวเหยียนถามอย่างเป็นห่วงขึ้นมา

“ใครรังแกท่านน้า เดี๋ยวข้าไปสั่งสอนมันเอง!” จวินเสี่ยวเทียนเห็นด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ