จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 965

จ้าวเม่ยเอ๋อร์สีหน้าเย็นชาไปทันที ขนมที่อยู่ในมือถูกบีบจนแตกไปเลย “เจ้าบอกว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือ พวกเจ้ามีอะไรกับไป๋หลานรั่วไปแล้วจริง ๆ หรือ?”

“พวกเรามีแต่ชายชาตรีอายุยี่สิบกว่าแล้วก็ไม่มีเมียกันทั้งนั้น พอได้เจอผู้หญิงที่งดงามราวกับดอกไม้คนหนึ่ง ก็ต้องทำแน่นอนอยู่แล้ว” นักเลงตอบกลับมา

คราวนี้ใจของจ้าวเม่ยเอ๋อร์เหมือนกับตกลงไปถึงก้นเหวแล้ว กัวมู่ไป๋เป็นคนที่รู้หน้าที่ เป็นคนมีความรับผิดชอบ เขาไม่มีทางที่จะทำเป็นไม่สนใจแน่นอน

สีหน้าของหยุนถิงก็ดูแย่ลงไปเล็กน้อย “ตอนนั้นไป๋หลานรั่วถูกพิษหรือว่าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า หรือว่ามีตรงไหนที่ดูผิดปกติไปไหม?”

“ตอนนั้นเหมือนนางจะได้รับบาดเจ็บอยู่ บนตัวมีแต่คราบเลือด ดูแล้วเหมือนจะบาดเจ็บไม่เบาเลย ไม่งั้นพวกเราจะได้สมใจอยากได้ยังไง

ถ้าจะพูดถึงตรงไหนที่ผิดปกติ ก็คือตอนนั้นมีพี่น้องของเราคนหนึ่งถูกนางต่อยหมัดเดียวจนสลบไปเลย แต่ว่าต่อมาไม่รู้ทำไม อยู่ ๆ นางก็ยอมแพ้แต่โดยดีไปเลย

ถ้าเป็นคนอื่นพบเจอเรื่องแบบนี้ คงจะตกใจแทบตาย หรือว่าร้องขอความช่วยเหลือและพยายามขัดขืน แต่นางกลับไม่ร้องขอความเมตตาเลยสักคำ กลับบอกให้พวกเราเร็ว ๆ หน่อย

ถึงแม้พวกเราเองก็มึนงง แต่ว่ามีสาวงามอยู่ตรงหน้าก็เลยควบคุมหว่างขาไว้ไม่อยู่ ต่อมาคนอื่น ๆ ในกลุ่มพวกเราอยู่ ๆ ก็ตายไปอย่างแปลกประหลาด ข้าเองก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ

จากนั้นข้าก็ปิดบังชื่อแซ่ และอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ มาจนถึงตอนนี้ ต่อมาข้าเพิ่งจะรู้ว่า คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนี้ล้วนถูกคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ลอบฆ่าตายไปหมดเลย” นักเลงตอบกลับมา

พอเป็นเช่นนี้ หยุนถิงก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง “ไป๋หลานรั่วคนนี้นี่โหดเหี้ยมมากจริง ๆ ถึงกับเอาร่างกายตัวเองมาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน เพื่อทำให้กัวมู่ไป๋รับผิดชอบนางเพราะความละอายใจและรู้สึกผิด”

“ยัยผู้หญิงบ้าคนนี้ นางเอาร่างกายตัวเองมาแลกกับความเห็นใจจากกัวมู่ไป๋ ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ” จ้าวเม่ยเอ๋อร์พึมพำขึ้นมาอย่างโกรธเคือง

“บางทีนี่อาจจะเป็นความอิจฉา คนบางเพื่อความรักแล้วอาจจะเป็นบ้าไปได้จริง ๆ ในเมื่อตรวจสอบชัดเจนแล้ว งั้นเจ้าก็ไปคุยกับกัวมู่ไป๋ให้ชัดเจนไปเลย” หยุนถิงพูดขึ้นมา

“เขามีตาแต่ไม่มีแววโดนยัยดอกไม้เน่าหลอกลวงเอา เพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วถึงกับทอดทิ้งข้ากับลูก ข้าจะไม่ไปสนใจเขาหรอก” จ้าวเม่ยเอ๋อร์ปฏิเสธออกไป

หยุนถิงส่ายหน้าขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย “เจ้าโกรธก็สมควรอยู่ แต่ก็ต้องคำนึงถึงลูกในท้องด้วย หรือเจ้าอยากให้ลูกเกิดมาก็ถูกคนดูถูกว่า เป็นลูกไม่มีพ่อหรือ”

จ้าวเม่ยเอ๋อร์อารมณ์ย่ำแย่มาก และก็ไม่กินขนมต่อแล้ว ลุกขึ้นมาก็กลับไปนอนต่อที่ห้องเลย

หยุนถิงจ้องมองห้องที่ปิดประตูสนิทอยู่ทีหนึ่ง แล้วก็เปิดปากพูดขึ้นว่า “หลิงเฟิง นำตัวคนคนนี้ไปส่งให้กัวมู่ไป๋ ในเมื่อจ้าวเม่ยเอ๋อร์ไม่ยอมไป งั้นข้าก็ต้องช่วยนางสักหน่อย แล้วก็เอายาสารภาพความจริงไปให้กัวมู่ไป๋ขวดหนึ่งด้วย จะตัดสินใจยังไงก็อยู่ที่ตัวเขาเองแล้ว”

“ขอรับ!” หลิงเฟิงรียปฏิบัติตามทันที

“ถิงเอ๋อร์ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วพาพวกเด็ก ๆ ออกไปเดินเล่นสักหน่อยนะ” จวินหย่วนโยวเสนอความคิดเห็นขึ้นมา

ตอนแรกก็กะว่าจะออกมาผ่อนคลายสักหน่อย แล้วก็ไม่ได้คิดไว้ว่าจะไปไหน ดังนั้นเดินไปเล่นไปก็ไม่เลวเหมือนกัน

“ดีเหมือนกัน” หยุนถิงรีบจึงรีบกินข้าวไป

พอกินข้าวเสร็จแล้ว ทั้งครอบครัวสี่คนของหยุนถิงก็ออกจากโรงเตี๊ยมไป สองข้างทางมีร้านค้าขายของมากมาย มีชาวบ้านเดินไปเดินมา ดูคึกคักเป็นอย่างมาก

เจ้าเด็กแสบทั้งสองเดินไปพักหนึ่งก็เหนื่อยแล้ว พวกหยุนถิงจึงไปนั่งกันที่โรงน้ำชา แล้วสั่งชาเย็นมาหลายถ้วย

จากนั้นหยุนถิงก็ได้ยินสองสามีภรรยาที่ต้มชาเย็นพูดคุยกันขึ้นมาว่า “ยัยแก่ มันฝรั่งในไร่ปีนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว แค่มันฝรั่งเยอะขนาดนี้จะทำยังไงกันดี?”

“เฮ้อ ทุกปีจะมีคนมารับซื้อ แต่ว่าสองปีมานี้ที่ดินแถวนี้พากันปลุกมันฝรั่งทั้งหมด ตอนนี้มันฝรั่งล้นตลาดแล้ว คาดว่าคงจะต้องปล่อยให้เน่าเสียไปในไร่อีกแล้ว” ท่านป้าบ่นพึมพำขึ้นมา

“ช่วยไม่ได้แล้ว ก็มันฝรั่งมันเยอะเกินไปผู้คนก็กินกันเบื่อแล้ว” ท่านลุงเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด

พอหยุนถิงได้ยินแล้วก็มีความคิดขึ้นมา “ท่านทั้งสอง มันฝรั่งของพวกท่านกินกันไม่หมดหรือ?”

“แม่นางเจ้าคงจะเป็นคนนอกพื้นที่ละซิ ที่เรานี่เป็นแหล่งปลุกมันฝรั่ง ทุกบ้านต่างปลุกมันฝรั่งกันทั้งนั้น ทีแรกพอเก็บเกี่ยวแล้วก็จะขายได้เงินไม่น้อย แต่ตอนนี้เมืองข้างเคียงต่างก็เต็มไปด้วยมันฝรั่ง ก็เลยล้นตลาด ไม่เพียงขายไม่ได้ราคา แต่ผลปรากฏว่าปีนี้ไม่มีคนมารับซื้อด้วยซ้ำ ชาวบ้านก็ทำแต่ได้กินมันฝรั่งไปทุกมื้อ เฮ้อ ชีวิตนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว” ท่านลุงบ่นพึมพำไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ