หยุนถิงหันกลับมามอง แต่เห็นหรันจู๋ซีไม่ได้ขยับ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสี่ยวเหยียน เจ้าตาฝาดไปหรือเปล่า”
“ไม่หรอก ท่านแม่ ข้าก็ไม่ได้เป็นคนโง่” จวินเสี่ยวเหยียนโต้กลับ และเอื้อมมือไปตบขาของหรันจู๋ซีอีกครั้ง
หรันจู๋ซีรู้สึกเจ็บมากจนกัดฟัน ถ้าตอนนี้ เขาขยับ มันก็เท่ากับกินปูนร้อนท้องไม่ใช่หรือ
หยุนถิงสังเกตอย่างละเอียด แต่ก็ไม่เห็นหรันจู๋ซีตอบสนองเลย “เสี่ยวเหยียน เจ้าแน่ใจว่าเมื่อครู่เจ้าไม่ได้ตาฝาดหรือ”
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้ตาฝาดจริงๆ” จวินเสี่ยวเหยียนทำหน้ามุ่ย รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก จ้องมองหรันจู๋ซีด้วยสายตาดุร้ายปราดหนึ่ง แล้วก็ตบขาของเขาอีก
“แน่นอนแล้วว่าแม่เชื่อเจ้า แต่บางทีคนเราจะสั่นสะท้านเนื่องจากได้รักการกระตุ้นบางอย่างที่จากภายนอก แต่สติไม่ได้ฟื้นขึ้นมาตามไปด้วย ของเขาอาจจะเป็นกรณีเช่นนี้” หยุนถิงอธิบาย
“ท่านแม่ ดูสิ เขาตื่นขึ้นแล้ว” จวินเสี่ยวเหยียนพูด
หรันจู๋ซีลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง เขามองไปรอบๆ และในที่สุดสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่ร่างของหยุนถิง “คุณหนู ทำไมถึงเป็นเจ้าอีก”
“ก่อนหน้านี้เจ้าหมดสติในโรงเตี๊ยม และถูกข้าเห็นเข้าจึงได้พาเจ้ากลับมา ตอนนี้เจ้าตื่นแล้ว ข้าอยากรู้เรื่องที่มาของจี้หยกนี้บนร่างกายของเจ้านั้น” หยุนถิงถามตรงประเด็น
หรันจู๋ซีมองจี้หยกที่ช่วงเอวตามจิตใต้สำนึก “ที่เป็นจี้หยกที่พ่อของข้ามอบให้ข้า เป็นมรดกตกทอดของตระกูลข้าด้วย เจ้าถามทำไมหรือ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ถามเฉยๆ เจ้านามสกุลอะไร” หยุนถิงเอ่ยขึ้น
“ข้าสกุลกู้ ข้าใช้สกุลของแม่ แม่ข้าสกุลกู้” หรันจู๋ซีตอบ
ใบหน้าของหยุนถิงจริงจังขึ้นมาทันที “เจ้าเคยได้ยินคนที่ชื่อว่ากู้เยว่หลัวไหม”
หรันจู๋ซีตัวแข็งไปชั่วขณะ “เจ้ารู้จักชื่อนี้ได้อย่างไร มันเป็นสิ่งต้องห้ามของตระกูลข้า และถูกห้ามเอ่ยถึงนางด้วย อีกอย่าง นางเสียชีวิตตั้งนานแล้วด้วย
ได้ยินว่านางได้หนีตามผู้ชายที่นางชอบไปในตอนนั้น แล้วก็ถูกผู้ชายคนนั้นหักหลัง และยังถูกศัตรูที่รักทำร้ายอีก สุดท้ายนางยังนำภัยพิบัติมาสู่ทั่วตระกูลด้วย
แม้ว่าไม่มีคนเล่าถึงเรื่องนี้ แต่ทุกๆปี แม่ของข้าก็จะนำตะกร้าที่ใส่กระดาษเงินทองไปเผาที่ภูเขา ท่านแม่ไม่เคยบอกว่าคือเผาให้ใคร แต่ข้าเคยแอบตามไปที่ภูเขาและได้ยินท่านแม่เอ่ยถึงกู้เยว่หลัว
ข้าแอบเปิดแผนผังวงศ์ตระกูลถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วนางกับแม่ของข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และไม่คาดคิดมาก่อนว่านางยังเป็นป้าของข้าด้วย
หยุนถิงฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจ ใบหน้าของนางเคร่งขรึมมากขึ้น
“ทำไมท่านถึงรู้ว่ามีคนชื่อกู้เยว่หลัว” หรันจู๋ซีถามด้วยความอยากรู้
“เคยได้ยินเท่านั้นเอง เจ้าอ่อนแอเกินไป ช่วงสองสามวันข้างหน้าก็พักฟื้นร่างกายอยู่ที่นี่เถอะ ข้าจะสั่งคนต้มยามาให้” หยุนถิงพูดจบก็ลุกขึ้นและจากไป จวินเสี่ยวเหยียนก็เดินตามไปด้วย
“ขอบคุณ” หรันจู๋ซีเห็นพวกนางเดินจากไป และดึงขากางเกงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นมีจุดสีแดงเล็กๆสองสามจุดอยู่บนขา ก็รู้สึกทั้งแปลกใจและตกใจ
นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวที่มีอายุสี่ขวบก็รู้จักวิธีเลี้ยงกู่แล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
จวินหย่วนโยวที่รออู่ที่ด้านนอกเห็นหยุนถิงเดินออกมาก็รีบเดินเข้าไปหา “เจ้าคงเหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
“ได้!”
“ทำไมท่านพ่อไม่ถามข้าสักหน่อยนะ ข้าก็เหนื่อยมากเลย” จวินเสี่ยวเหยียนเอ่ยขึ้น
จวินหย่วนโยวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ยื่นมือข้างหนึ่งอุ้มจวินเสี่ยวเหยียนขึ้นมา มืออีกข้างหนึ่งจับงมือของหยุนถิงก็เดินไปยังห้องโถงด้านหน้าแล้ว
“ได้สอบสวนอะไรมาหรือยัง” โม่เหลิ่งเหยียนถาม
“เขาบอกว่าแม่ของข้าคือป้าของเขา แต่ข้าไม่ได้ระบุตัวตนกับเขา” หยุนถิงตอบ
“ทำไมหรือ”
“ซวนอ๋องรู้จักองค์หญิงหนานชวนไหม” หยุนถิงถาม
“รู้จัก ทำไมถึงพูดถึงนาง” โม่เหลิ่งเหยียนงง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...