อ่านสรุป บทที่25 รนหาที่ตาย จาก จอมยุทธ์กบฏโลก โดย เหมยปาเหย
บทที่ บทที่25 รนหาที่ตาย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จอมยุทธ์กบฏโลก ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เหมยปาเหย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่25 รนหาที่ตาย
อาหงที่อยู่ทางนั้นก็พูดขึ้น แล้วโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไป ใจของฮัวจิ่นถิงนั้นก็หัวใจเต้นแรง ทำไมจู่ๆ โรงงานอิฐที่เงียบสงบถึงได้มีคลื่นลมถาโถมขึ้น
“ฉู่เทียนเจียง คุณขับเร็วหน่อย ฉันจะแจ้งตำรวจก่อน”
ด้วยความสามารถในการได้ยินของฉู่เทียนเจียง จะไม่ได้ยินเสียงในโทรศัพท์เมื่อกี้ได้ยังไง ก็พูดเสียงทุ้มขึ้น
“แจ้งตำรวจไม่มีประโยชน์หรอก ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันก่อนเถอะ เชื่อผมนะ”
มองดูใบหน้าที่สงบฉู่เทียนเจียงแล้ว ในใจของฮัวจิ่นถิงก็สงบโดยไม่รู้ตัว และวางโทรศัพท์ลงอย่างช้าๆ
เมื่อมาถึงโรงงานอิฐ รถขับเข้าไปในลาน สามารถเห็นได้อย่างรวดเร็ว ว่าในลานนั้นมีคนทำตัวกร่างอยู่สิบกว่าคน ในมือนั้นถ้าไม่ถือมีดพกเอาไว้ ก็ถือไม้เบสบอล ทำตัวเป็นนักเลงห้าวหาญ
“ถิงถิงช่วยฉันด้วย”
อาหงคุกเข่าลงบนพื้น โดยมีมีดพกเล่มนึงจี้ที่คออยู่ เลือดกำเดาไหล เห็นได้ชัดว่าโดนทำร้าย
นอกจากนี้ พนักงานของโรงงานอิฐหลายคนยืนอยู่ข้างกำแพงห้อง หน้าของทุกคนแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว เหมือนจะเคยเห็นฉากนี้มาก่อน โดยเฉพาะห้องปฏิบัติงาน ซึ่งถูกทุบและกระจกแตกกระจายไปทั่วพื้น
"อ้าว เจ้าของโรงอิฐนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสาวสวยขนาดนี้"
ชายหนุ่มถือมีดจี้คอของอาหง ย้อมผมสีเขียว พอเห็นฮัวจิ่นถิง เขาก็ผิวปาก ดวงตาของเขาก็ไหลลงไปจนสุด และมองดูจนฮัวจิ่นถิงรู้สึกอึดอัด
“ที่รัก คุณถอยไปอยู่อีกฝั่งนึง ผมจะจัดการให้เร็วที่สุด”
ฉู่เทียนเจียงพูดจบ ก็ถูกฮัวจิ่นถิงดึงไว้
“คุณอย่าขยับ การใช้กำลังไม่ใช่วิธีเดียวในการแก้ปัญหา อีกอย่างพวกมันก็คนเยอะขนาดนี้ ถึงคุณจะสู้ได้แล้วยังไงล่ะ เจ็บตัวก็ไม่คุ้มอยู่ดี”
ขี้เกียจที่จะอธิบายอะไรแล้ว ฉู่เทียนเจียงหยุดเดิน มากสุดสองนาที ภรรยาของเขาคงจะสามารถจดจำใบหน้าของคนพวกนี้ได้ และเข้าใจว่าวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาความรุนแรงได้คือความรุนแรง
"พวกแกคิดจะทำอะไร ถ้าไม่ไป ฉันจะโทรเรียกตำรวจแล้วนะ"
พูดคำที่ธรรมดาสุดๆ ออกมา จนไอ้พวกหัวเขียวหัวเราะตัวโยกหน้าเอนหลัง
“เหอะเหอะ คนสวย สมองของแกน่ะไม่ดีเลย นี่อยู่บนภูเขา แกคิดว่าเราจะรอให้คนมาหรอ เงื่อนไขง่ายมาก ครอบครัวของคนที่ตายเมื่อวานทั้งสามคนจ้างเรามา และเงินหนึ่งล้านสามารถแก้ปัญหาได้หรอ พวกแกคิดตื้นเกินไปแล้ว ตอนนี้ทุกครอบครัวเพิ่มราคาอีกห้าแสนเข้าใจไหม โอนมาตอนนี้ แล้วเราจะตบตูดออกไปทันที "
“ห้าแสน?”
ท่าทางที่แสดงออกของ ฮัวจิ่นถิงเปลี่ยนไปมาก และคนพวกนี้ก็เป็นสิงโตที่อ้าปากใหญ่
อาหงที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น รู้สึกถึงความแหลมที่คอ และกลัวมาก จึงรีบพูดขอร้อง
"ถิงถิง อาหงมีทั้งคนแก่และเด็ก หนูได้โปรดให้เงินพวกเขาเถอะ ไม่งั้นพวกเขาจะกล้าใช้ลงมีดจริงๆนะ”
พนักงานเก่าพวกนั้นก็มองไปที่ฮัวจิ่นถิงอย่างคาดหวัง ถ้าไม่จัดการให้ที พวกเขาจะได้ผลที่ดีรึเปล่า?
“ที่รัก ตอนนี้เข้าใจรึยัง”
ตบไปที่ไหล่ของฮัวจิ่นถิง แล้วฉู่เทียนเจียงก็เดินไปหาไอ้หัวเขียว
“เทียนเจียง อย่า ฉัน……ฉันจะหาวิธีรวบรวมเงินก่อน เดี๋ยวนายจะเป็นอันตรายได้”
เห็นภรรยาเป็นห่วงตัวเองขนาดนี้ ฉู่เทียนเจียงก็ค่อยๆ ยิ้มขึ้น
“วางใจเถอะ ปลาเน่าแค่ไม่กี่ตัว ไม่อยู่ในสายตาผมหรอก”
คำพูดนั้นดูเย่อหยิ่ง ดวงตาหยิ่งผยอง ไม่สิ ควรบอกว่าเย็นชา ราวกับว่าไม่ได้เห็นพวกมันอยู่ในสายตา ไอ้หัวเขียวสะบัดหัวทันทีและพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
“พวกเรา มีคนรนหาที่ตายว่ะ หักขามันข้างนึงก่อนให้ฉันก่อน”
ทันใดนั้น ก็มีคนพุ่งเข้ามาทางฉู่เทียนเจียงทันที มือขวาควงไม้เบสบอล เล็งไปที่ขาของฉู่เทียนเจียง
พวกเขาทั้งหมดเป็นพวกทะเลาะวิวาทที่ต่อสู้บ่อย ปฏิกิริยาของคนธรรมดาได้ถูกคิดไว้แล้ว ดังนั้นในสายตาของพวกเขามีแค่ร่ำไห้ และจากนั้น ฉู่เทียนเจียงก็จะล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดแน่นอน
“โอ๊ย!”
เสียงโอดครวญตามมาเหมือนนัดไว้ แต่ทุกคนกลับอึ้งกันไปสักพัก เพราะเสียงร้องนั้นไม่ใช่ฉู่เทียนเจียง แต่เป็นคนที่ถือไม้เบสบอล
เห็นเพียงแค่แขนที่ควงไม้เบสบอล ถูกฉู่เทียนเจียงจับไว้ด้วยมือเดียว เหมือนคีมเหล็กยังไงอย่างงั้น ขยับไม่ได้เลยสักนิด
ฮัวจิ่นถิงไม่คิดว่าตัวเองจะมีสามีที่มีนิสัยรุนแรงหน่อยๆ ไม่ใช่แค่ต่อยเป็นธรรมดา และคนที่มีอาวุธก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลยด้วยซ้ำ
ส่วนอาหงและพนักงานเก่าสองสามคนถึงกับอ้าปากค้าง ความสามารถในการจัดการอย่างสงบของ ฉู่เทียนเจียงก็ทำให้พวกเขาประทับใจตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว วันนี้อีกสนามนึง ถือเป็นการบ่งบอกที่สมบูรณ์และได้พิชิตใจพวกเขาไปแล้ว
“แก……แกอย่าเข้ามา ถ้าเข้ามาอีก ฉัน……ฉันจะ……”
“คุกเข่า”
มือขวาของไอ้หัวเขียวที่ถือมีดยังคงสั่นสะบัดไม่หยุด จู่ ๆ ฉู่เทียนเจียงก็ตะโกนออกมาเสียงดัง แล้วไอ้หัวเขียวก็คุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรง จิตวิญญาณนั้นก็สลายทันที
“ไว้ชีวิตเถอะ พี่ ผมผิดไปแล้ว พี่ ขอให้พี่ไว้ชีวิตด้วยเถอะ”
พยุงอาหงขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วฉู่เทียนเจียงถึงได้มองไปที่ ไอ้หัวเขียวแล้วพูด
“บอกมาสิ ใครส่งพวกแกมา ครอบครัวของคนตายทั้งสามคน คงไม่รู้จักคนชั่วๆ ในสังคมอย่างพวกแกหรอก”
“ครับๆ ผมพูดแล้ว เป็นลูกพี่ฉงจื่อที่ให้พวกเรามาก่อเรื่องที่โรงงานอิฐครับ เรื่องอื่นนั้นผมไม่รู้จริงๆ ”
ตบไปที่หน้าของไอ้หัวเขียว แล้วฉู่เทียนเจียงก็มองไปที่อาหงแล้วถาม
“อาหง ห้องปฏิบัติงานของเราปรับปรุงใหม่ ของใช้พวกนั้นต้องใช้เงินทั้งหมดเท่าไหร่หรอครับ”
อาหงก็ถือว่าสงบลงหน่อยแล้ว พิจารณาดูอีกที แล้วก็พูดขึ้น
“หมื่นนึงก็พอแล้วล่ะ”
พยักหน้า ฉู่เทียนเจียงตบไปทีนึงบนหน้าของคนผมสีเขียว ฟันหลายซี่นั้นปลิวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ตบนี้ เพื่อเอาคืนให้อาหง”
“ฟังให้ดี ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยความสูญเสียทางจิตใจให้กับพนักงานของเรา และค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงห้องปฏิบัติการใหม่ ให้หัวหน้าของพวกแกเตรียมเงินไว้สองแสน เดี๋ยวฉันหาเวลาไปเอา”
ไม่แปลกที่หน้านั้นจะเจ็บปวดอย่างเร่าร้อน แล้วไอ้หัวเขียวก็หน้าตาอึ้งทึ่งไปหมด
เท่า……เท่าไหร่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก