บทที่26 ใครมีคุณสมบัติพอที่ให้ฉันทักทาย – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมยุทธ์กบฏโลก
ตอนนี้ของ จอมยุทธ์กบฏโลก โดย เหมยปาเหย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่26 ใครมีคุณสมบัติพอที่ให้ฉันทักทาย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่26 ใครมีคุณสมบัติพอที่ให้ฉันทักทาย
“ฉู่เทียนเจียง คุณ...คุณเอาสองแสน ถือว่าเป็นการขู่เข็ญไหม”
หลังจากที่ไอ้หัวเขียวที่เดินกะเผลกและกลัวจนฉี่จะราดอุ้มคนขึ้นรถแล้วจากไป ใจของฮัวจิ่นถิง
รู้สึกกังวลรู้สึกว่าสิ่งที่ฉู่เทียนเจียงทำนั้นดูไม่เหมาะสม
“ขู่เข็ญ? พวกเขาแค่ปริปากพูดก็ขอตั้งล้านห้า ที่รักคุณวางใจได้เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ผมนั้นควร
กลุ้มใจ เงินสองแสนหลังจากที่ตกแต่งห้องทำงานเสร็จเงินที่เหลือก็แจกจ่ายให้กับอาหงและ
บรรดาพนักงานที่ได้รับความหวาดผวาแบบนี้มีประโยชน์กับเธอที่เพิ่งมาดำรงตำแหน่งใหม่อย่าง
แน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฮัวจิ่นถิงก็มีความเห็นส่วนตัวแต่ก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เอางั้นก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงความปลอดภัยของคุณคือที่หนึ่งเมื่อเกิดเหตุอันตรายต้องรีบถอย
ออกมา ฉันไม่อยากให้อีอีเสียพ่อไปในพริบตา”
ฉู่เทียนเจียงพยักหน้าพลางยิ้มร้ายออกมา
“อืม ว่าแต่ที่รัก ตอนที่ผมกำลังต่อสู้อยู่ คุณ......ตะโกนเรียกผมว่าสามีใช่ไหม?”
ทันใดนั้นใบหน้าของฮัวจิ่นถิงก็แดงระเรื่อและเธอก็ถอยหนีด้วยประโยคเบาๆ นั่น
“คุณฟังผิดแล้ว หึ!”
ฉู่เทียนเจียงที่กำลังลูบคางรู้สึกว่านี่แหละคือชีวิต
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ณ บาร์ในเมืองหนิง
“ลูกพี่ ทั้งหมดที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง ไอ้ฉู่เทียนเจียงมันเก่งมากจริงๆ พวกเราสิบกว่าคนต่างก็
ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันคุณดูสิตอนนี้พวกพ้องของเรายังนอนอยู่ในโรงพยาบาลหลายคนเลย”
ไอ้หัวเขียวเพิ่งพูดจบก็ถูกฉงจื่อเตะล้มลงกับพื้น
“แม่งเอ๊ย ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ก็แค่เพิ่งออกจากกรมกำลังบ้าคลั่ง ไอ้แม่ย้อยคนสิบกว่าคนยังเก็บมันไม่ได้?”
พูดถึงตรงนี้ ฉงจื่อก็กระชากคอเสื้อของไอ้หัวเขียวและยกขึ้น
“ไอ้แซ่ฉู่พูดจริงเหรอว่า พรุ่งนี้สี่โมงเย็นเขาจะมาที่บาร์เพื่อเอาค่าชดใช้สองแสนหยวน?”
“ใช่แล้วลูกพี่ เขายังบอกอีกว่าถ้าไม่เตรียมเงินไว้ ไม่แน่อาจจะอันตรายถึงชีวิต”
สายตาของฉงจื่อมีความเยือกเย็นเคลื่อนผ่านเล็กน้อย
“ดี! ดีมาก ฉันฉงจื่อผู้แฝงตัวอยู่ดินแดนนี้มานานหลายปีนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าสั่งให้ฉันเตรียม
เงินเอาไว้ ดี พรุ่งนี้ฉันจะทำให้มันมาแล้วไม่มีชีวิตกลับไปได้อีก”
ในช่วงพลบค่ำ ณ โรงแรมซื่อจี้ในเมืองหนิง ฉู่เทียนเจียงและฮัวจิ่นถิงขับรถมาถึงที่นี่โดยตรง
เพราะพ่อตาโทรเรียกให้มาร่วมมื้อค่ำด้วยกันที่นี่ ทุกคนจำเป็นต้องมา
“ที่รักเอาเป็นว่าผมไม่ตามขึ้นไปด้วยแล้วกัน ผมรีบกลับไปเล่นกับอีอีน่ะ มื้อค่ำที่บ้านอารองมี
อะไรให้น่าเข้าร่วม ยังไงก็หักหน้ากันไปแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เทียนเจียง ฮัวจิ่นถิงก็ถอนหายใจ
“ฉันรู้ดี แต่วันนี้คุณปู่เข้าร่วมด้วยอีกอย่างในใจของคุณปู่ฮัวรุ่ยรุ่ยก็อยู่อันดับสูงมาตลอด เธอหา
คู่รักทำไมคุณปู่จะไม่มาช่วยคัดกรองละ ดังนั้นการที่เรามาที่นี่ไม่เกี่ยวกับอารองแต่เป็นคุณปู่”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮัวจิ่นถิงก็นึกอะไรบางอย่างออกและรีบพูด
“จริงด้วย เทียนเจียงคุณขึ้นไปห้ามวู่วามเด็ดขาด พ่อสงสัยว่าครอบครัวอารองมีความคิดปองร้าย
อีกอย่างทะเลาะกันจนแทบมองหน้ากันไม่ติดแต่ก็ยังเชิญพวกเราไปร่วมมื้อค่ำด้วย ต้องมาด้วย
ความคิดไม่ดีแน่ๆ เพราะเหตุนี้จึงไม่พาอีอีมาและให้แม่ดูแลอยู่ที่บ้าน คุณควบคุมอารมณ์รุนแรง
ของคุณด้วยห้ามยั่วโมโหคุณปู่ ไม่เช่นนั้นครอบครัวของเราไม่มีอันจะกินแล้ว”
“ดูสถานการณ์ก่อน พวกเขาไม่ยั่วโมโหผมก็พอแล้ว”
ฉู่เทียนเจียงกล่าวอย่างผิวเผิน เขาต้องการเล่นคนพวกนี้ให้ค่อยๆ ตายไป อารมณ์ดีก็ไว้หน้า
อารมณ์เสียก็ตบให้ตายในฝ่ามือเดียว
ด้วยท่าทีที่กำกวมเช่นนี้ฮัวจิ่นถิงจึงกระทืบด้วยความโกรธและรีบตามไป
“คุณชายส่วนผสมที่ท่านขอมาพร้อมแล้ว เมื่อแขกมาถึงก็สามารถเริ่มได้เลย”
ล็อบบี้ชั้นที่หนึ่งของโรงแรมซื่อจี้ ประตูลิฟต์เปิดออกเฉินเสี่ยวเฟิงที่ปิดผ้าพันแผลไว้ครึ่งหน้าได้
ฮัวจื้อหย่วนและยังมีภรรยาชื่ออู๋ฮัวฮัวพวกเขาล้วนเป็นคนที่ทำให้ฉู่เทียนเจียงจำไปตลอดชีวิต
เพราะกลั่นแกล้งเขาไว้ไม่น้อย
“คุณปู่ ลุงใหญ่.....”
ฮัวจิ่นถิงกล่าวทักทายแต่ฉู่เทียนเจียงกลับมองข้ามและไปนั่งข้างๆพ่อตาฮัว ฮัวเหวินฮุย
“ฉู่เทียนเจียง! ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ ปากถูกปิดด้วยกาวเหรอ? ไม่รู้จักถามคน?”
อาสะใภ้สองหลินเหมยเริ่มต่อต้าน สายตาเต็มไปด้วยความชิงชัง
“ในนี้ยกเว้นพ่อของผมมีใครมีค่าให้ผมทักทาย และก็มีแค่อาโกวที่ทำให้ผมสามารถเรียกได้ แต่
น่าเสียดายที่บางคนมักขจัดเธอ เธออยากมาร่วมสังสรรค์งานเลี้ยงของตระกูล ก็ไม่อยากให้เธอมาเข้าร่วม”
ฉู่เทียนเจียงพูดไม่ผิดเลยสักนิด ฮัวอานไท่นั้นเห็นความสำคัญของผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ไม่งั้นคงไม่บังคับให้ฮัวจิ่นถิงให้หาลูกเขย ดังนั้นอาโกวของฮัวจิ่นถิง พูดในอีกแง่เขาลำบากกว่าพ่อตาอีก
กวน! ไม่ใช่แค่กวนธรรมดา แม้แต่ท่านผู้ใหญ่ฮัวอานไท่ก็ขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆ พูดขึ้น
“เข้ากรมไปสี่ปีไร้ประโยชน์ไม่เปลี่ยน แค่อ้าปากพูดก็กวนตีนไม่น้อย”
สองมือข้างกำปั้น ฉู่เทียนเจียงกระตุกมุมปากพลางมองไปที่ท่านผู้ใหญ่
“ฮ่าๆ ขอบคุณสำหรับคำชมครับท่านผู้ใหญ่ แต่ว่าที่ผมอยากขอบคุณมากที่สุดก็คือท่านที่เอ็นดู
ลูกสาวของผม ผมจะจดจำตลอดไป”
สถานการณ์ดูไม่ดีอย่างมาก ฮัวเหวินฮุยจึงรีบสะกิดฉู่เทียนเจียงจากนั้นมองไปรอบๆ พลางยิ้ม
“พ่อฉู่เทียนเจียงเพิ่งจะกลับมายังปรับตัวไม่ค่อยได้ท่านอย่าถือสาเลย
เดี๋ยวกลับไปผมไปจัดการมันให้”
ฮัวอานไท่หยิบน้ำชาขึ้นมาไม่ได้พูดอะไรอีก เขามีตัวตนแบบไหนต้องหาเรื่องคนที่เด็กกว่า
ตลอดเหรอ? มีคนสอนการเป็นคนแก่ฉู่เทียนเจียงอยู่แล้ว
ว่าแล้วฮัวรุ่ยรุ่ยที่นั่งเฉียงเอ่ยปากพูด
“ถิงถิง ฉันจำได้ว่าสองปีก่อนเธอเคยเลี้ยงหมาตัวหนึ่ง มันไปไล่กัดคนอื่นมั่วซั่ว
จนถูกคนตีตายถูกไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก