บทที่26 ใครมีคุณสมบัติพอที่ให้ฉันทักทาย
“ฉู่เทียนเจียง คุณ...คุณเอาสองแสน ถือว่าเป็นการขู่เข็ญไหม”
หลังจากที่ไอ้หัวเขียวที่เดินกะเผลกและกลัวจนฉี่จะราดอุ้มคนขึ้นรถแล้วจากไป ใจของฮัวจิ่นถิง
รู้สึกกังวลรู้สึกว่าสิ่งที่ฉู่เทียนเจียงทำนั้นดูไม่เหมาะสม
“ขู่เข็ญ? พวกเขาแค่ปริปากพูดก็ขอตั้งล้านห้า ที่รักคุณวางใจได้เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ผมนั้นควร
กลุ้มใจ เงินสองแสนหลังจากที่ตกแต่งห้องทำงานเสร็จเงินที่เหลือก็แจกจ่ายให้กับอาหงและ
บรรดาพนักงานที่ได้รับความหวาดผวาแบบนี้มีประโยชน์กับเธอที่เพิ่งมาดำรงตำแหน่งใหม่อย่าง
แน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฮัวจิ่นถิงก็มีความเห็นส่วนตัวแต่ก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เอางั้นก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงความปลอดภัยของคุณคือที่หนึ่งเมื่อเกิดเหตุอันตรายต้องรีบถอย
ออกมา ฉันไม่อยากให้อีอีเสียพ่อไปในพริบตา”
ฉู่เทียนเจียงพยักหน้าพลางยิ้มร้ายออกมา
“อืม ว่าแต่ที่รัก ตอนที่ผมกำลังต่อสู้อยู่ คุณ......ตะโกนเรียกผมว่าสามีใช่ไหม?”
ทันใดนั้นใบหน้าของฮัวจิ่นถิงก็แดงระเรื่อและเธอก็ถอยหนีด้วยประโยคเบาๆ นั่น
“คุณฟังผิดแล้ว หึ!”
ฉู่เทียนเจียงที่กำลังลูบคางรู้สึกว่านี่แหละคือชีวิต
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ณ บาร์ในเมืองหนิง
“ลูกพี่ ทั้งหมดที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง ไอ้ฉู่เทียนเจียงมันเก่งมากจริงๆ พวกเราสิบกว่าคนต่างก็
ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันคุณดูสิตอนนี้พวกพ้องของเรายังนอนอยู่ในโรงพยาบาลหลายคนเลย”
ไอ้หัวเขียวเพิ่งพูดจบก็ถูกฉงจื่อเตะล้มลงกับพื้น
“แม่งเอ๊ย ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ก็แค่เพิ่งออกจากกรมกำลังบ้าคลั่ง ไอ้แม่ย้อยคนสิบกว่าคนยังเก็บมันไม่ได้?”
พูดถึงตรงนี้ ฉงจื่อก็กระชากคอเสื้อของไอ้หัวเขียวและยกขึ้น
“ไอ้แซ่ฉู่พูดจริงเหรอว่า พรุ่งนี้สี่โมงเย็นเขาจะมาที่บาร์เพื่อเอาค่าชดใช้สองแสนหยวน?”
“ใช่แล้วลูกพี่ เขายังบอกอีกว่าถ้าไม่เตรียมเงินไว้ ไม่แน่อาจจะอันตรายถึงชีวิต”
สายตาของฉงจื่อมีความเยือกเย็นเคลื่อนผ่านเล็กน้อย
“ดี! ดีมาก ฉันฉงจื่อผู้แฝงตัวอยู่ดินแดนนี้มานานหลายปีนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าสั่งให้ฉันเตรียม
เงินเอาไว้ ดี พรุ่งนี้ฉันจะทำให้มันมาแล้วไม่มีชีวิตกลับไปได้อีก”
ในช่วงพลบค่ำ ณ โรงแรมซื่อจี้ในเมืองหนิง ฉู่เทียนเจียงและฮัวจิ่นถิงขับรถมาถึงที่นี่โดยตรง
เพราะพ่อตาโทรเรียกให้มาร่วมมื้อค่ำด้วยกันที่นี่ ทุกคนจำเป็นต้องมา
“ที่รักเอาเป็นว่าผมไม่ตามขึ้นไปด้วยแล้วกัน ผมรีบกลับไปเล่นกับอีอีน่ะ มื้อค่ำที่บ้านอารองมี
อะไรให้น่าเข้าร่วม ยังไงก็หักหน้ากันไปแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เทียนเจียง ฮัวจิ่นถิงก็ถอนหายใจ
“ฉันรู้ดี แต่วันนี้คุณปู่เข้าร่วมด้วยอีกอย่างในใจของคุณปู่ฮัวรุ่ยรุ่ยก็อยู่อันดับสูงมาตลอด เธอหา
คู่รักทำไมคุณปู่จะไม่มาช่วยคัดกรองละ ดังนั้นการที่เรามาที่นี่ไม่เกี่ยวกับอารองแต่เป็นคุณปู่”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮัวจิ่นถิงก็นึกอะไรบางอย่างออกและรีบพูด
“จริงด้วย เทียนเจียงคุณขึ้นไปห้ามวู่วามเด็ดขาด พ่อสงสัยว่าครอบครัวอารองมีความคิดปองร้าย
อีกอย่างทะเลาะกันจนแทบมองหน้ากันไม่ติดแต่ก็ยังเชิญพวกเราไปร่วมมื้อค่ำด้วย ต้องมาด้วย
ความคิดไม่ดีแน่ๆ เพราะเหตุนี้จึงไม่พาอีอีมาและให้แม่ดูแลอยู่ที่บ้าน คุณควบคุมอารมณ์รุนแรง
ของคุณด้วยห้ามยั่วโมโหคุณปู่ ไม่เช่นนั้นครอบครัวของเราไม่มีอันจะกินแล้ว”
“ดูสถานการณ์ก่อน พวกเขาไม่ยั่วโมโหผมก็พอแล้ว”
ฉู่เทียนเจียงกล่าวอย่างผิวเผิน เขาต้องการเล่นคนพวกนี้ให้ค่อยๆ ตายไป อารมณ์ดีก็ไว้หน้า
อารมณ์เสียก็ตบให้ตายในฝ่ามือเดียว
ด้วยท่าทีที่กำกวมเช่นนี้ฮัวจิ่นถิงจึงกระทืบด้วยความโกรธและรีบตามไป
“คุณชายส่วนผสมที่ท่านขอมาพร้อมแล้ว เมื่อแขกมาถึงก็สามารถเริ่มได้เลย”
ล็อบบี้ชั้นที่หนึ่งของโรงแรมซื่อจี้ ประตูลิฟต์เปิดออกเฉินเสี่ยวเฟิงที่ปิดผ้าพันแผลไว้ครึ่งหน้าได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก