ตอน บทที่27 เอาไปให้หมากิน จาก จอมยุทธ์กบฏโลก – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่27 เอาไปให้หมากิน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จอมยุทธ์กบฏโลก ที่เขียนโดย เหมยปาเหย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่27 เอาไปให้หมากิน
สิ่งที่ฮัวรุ่ยรุ่ยพูด เป็นการตีวัวกระทบคราดแต่ทุกคนที่นั่งอยู่ในนี้ต่างได้ยินหมดและรู้ดีว่า
มันหมายถึงอะไร
ฮัวจิ่นถิงที่ค่อนข้างโมโหกำลังจะโต้กลับ แต่พอคิดก็พูดไม่ออกถ้าโต้กลับไปเท่ากับว่าเป็น
ฝ่ายเสียเปรียบ
“พอได้แล้ว บริกรเสิร์ฟอาหารเลย”
ฮัวฝู้โก๋โบกมือถือเป็นสัญลักษณ์ให้เริ่มเสิร์ฟ ฮัวว่านถงเอ่ยปากพูด
“เอ่อฮัวจิ่นถิง....”
“ฮัวว่านถง ฮัวจิ่นถิงเป็นชื่อที่คุณเรียกได้เหรอ?”
คำพูดถูกขัดด้วยฉู่เทียนเจียง อารมณ์ฮัวว่านถงเกือบระเบิดออกมาโชคดีที่ทนไว้ได้
และพูดอย่างเย็นชา
“งั้นคุณหมายความว่า?”
ฉู่เทียนเจียงยิ้มอ่อน
“ฮัวฝู้โก๋สั่งอาหารน้อยหน่อย คนของเราไม่ค่อยเยอะไม่งั้นสิ้นเปลือง”
ปึง!
ทันใดนั้นฮัวว่านถงก็ตบโต๊ะละลุกขึ้นและชี้ไปที่ฉู่เทียนเจียงพลางพูดเสียงดังออกมา
“ฉู่เทียนเจียงแกหมายความว่าไง? ชื่อพ่อฉันเป็นชื่อที่แกควรเรียกเหรอ?”
“น่าสนใจ คุณเรียกชื่อภรรยาของผม ทำไมผมจะเรียกชื่อพ่อคุณไม่ได้”
ท้ายสุดเพราะประโยคเดียวของท่านผู้ใหญ่ฮัวอานไท่ทำให้สถานการณ์สงบลง
“ว่านถงนั่งลง หาเรื่องกับตัวไร้ประโยชน์เพื่ออะไร”
การรับรู้ของท่านผู้ใหญ่ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ฮัวจิ่นถิงออกหน้าช่วยสามีของเธอ
ทั้งๆที่ฉู่เทียนเจียงออกมาจากกรมแล้วและทั้งคนก็เปลี่ยนไปแล้ว
“คุณปู่ เทียนเจียงกลับจากกรมเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ในอนาคตท่านจะเห็นเอง”
ฮัวว่านถงที่เพิ่งนั่งลงหัวเราะออกมา
“ฮัว.....พี่ถิงถิงพูดถึงกรมฮ่าๆ พวกลุงใหญ่รู้จักหมดแล้วคนนั้นคือเจียงหลงแฟนของพี่สาวผม
เคยอยู่ในกรมแต่ตอนนี้เกษียณแล้ว”
พยักหน้าถือว่าทักทายกันแล้ว เจียงหลงมองไปทางฉู่เทียนเจียง
“ฉู่เทียนเจียงใช่รึเปล่าได้ยินมาจากว่านถงแล้ว พวกเราก็ถือว่ามีพรมลิขิตต่อกันนะ
ผมอยู่เซาเทิร์นแลนด์มาห้าปีคุณละ?”
“นอร์ทเทิร์นแลนด์”
สองคำง่ายๆที่พูดออกมา เจียงหลงเริ่มสัมผัสถึงความหยิ่งผยองของฉู่เทียนเจียง
แต่ก็ยังพูดไปยิ้มไป
“นอร์ทเทิร์นแลนด์นี่เอง ที่นั่นเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดคุณสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้
ถือว่าโชคดีมากๆแล้ว ได้ข่าวมาว่าคุณปฏิบัติภารกิจที่ไม่เลวมาหลายครั้ง
ได้ยศอะไรมาบ้างไหม?”
“เทพสงครามเลี่ยนหยู้”
ก็ยังเป็นคำง่ายๆ แต่ว่ากลายเป็นสี่คำ ท่าทีของฉู่เทียนเจียงทำเอาเจียงหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในชีวิตนี้ของเขาไม่เคยเจอใครที่กวนส้นตีนได้ขนาดนี้
เหมือนกับว่าคุยกันเสร็จแล้วฮัวว่านถงจึงถามขึ้น
“พี่เขย ไอ้เทพสงครามเลี่ยนหยู้อะไรของฉู่เทียนเจียงเนี่ยเป็นตำแหน่งอะไรครับ”
เจียงหลงส่ายหัว
“ขออภัย ฉันคือราชาแห่งรบที่โง่เขลาในเซาเทิร์นแลนด์ที่เกษียณไปแล้ว
ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีเรื่องนี้มาก่อน”
ทันใดนั้น ฮัวว่านถงก็หัวเราะออกมา
“ฉู่เทียนเจียง แกบอกแกรักศักดิ์ศรีก็ไม่น่าถึงขั้นนี้หรอกมั้ง ทหารหัวเกรียนกลับมาก็พอแล้ว
หลอกพวกเราแล้วได้อะไรขึ้นมา? ตอนนี้ถูกพี่เขยของฉันเปิดเผยแล้วละสิ หน้าด้านจริงๆ เลย”
“นั่นสินะบางคนก็เป็นคนที่มีความสามารถต่ำ คนไร้ประโยชน์ยังไงก็เป็นคนไร้ประโยชน์อยู่
วันยังค่ำ”
หลินเหมยช่วยพูดอีกแรงทั้งบ้านต่างถือว่าชอบพูดเยาะเย้ยถากถาง
ลูกคนโตฮัวจื้อหย่วนและภรรยาของเขาอู๋ฮัวฮัวต่างจิบน้ำชาไม่ได้อยากเข้าร่วมด่าเลย
ไม่ใช่ว่าฮัวจื้อหย่วนเป็นคนใจดีแต่เป็นเพราะว่าเขารังเกียจที่จะคุยกับฉู่เทียนเจียงที่เป็นคน
ไร้ประโยชน์ในสายตาแม้แต่คำเดียว แบบนั้นถือว่าเป็นการดูถูกแบบหนึ่ง
แค่เห็นท่าทีของท่านผู้ใหญ่ก็รู้แล้ว ฉู่เทียนเจียงถูกโจมตีขนาดนี้เขากลับไม่พูดอะไรสักคำ
เพื่อความเป็นธรรม
“พอได้แล้ว!”
จู่ๆ ฮัวเหวินฮุยก็ระเบิดอารมณ์ออกมา
“พี่รองถ้าพวกพี่เรียกพวกผมมาเพื่อดูถูกลูกเขยของผม งั้นขอโทษทีตอนนี้พวกเราไปได้แล้ว
ใช่ไหม”
ในโรงอิฐดีกว่าแกที่ผู้ชายแข็งแรง”
ฉู่เทียนเจียงขมวดคิ้วไม้ตายนี้อดไม่ได้ที่จะต้องบอกว่าขิงแก่ก็ยังเผ็ดได้ใจ พวกฮัวฝู้โก๋พวกนี้
เดินเกมเก่งมากเพิ่งเดินเกมไปขั้นแรกก็รู้เลยว่าขั้นต่อไปต้องเดินยังไง
เมื่อนึกถึงจุดนี้อดไม่ได้ที่จะมองไปทางเจียงหลงที่กำลังหัวเราะลับหลัง ไม่วางมาดใดๆ
และทำตัวเหมือนคนดี
ถ้าเกิดว่าฉู่เทียนเจียงไม่เคยคิดสงสัยฮัวฝู้โก๋ทั้งบ้านละก็งั้นการปรากฏตัวของเจียงหลง
เป็นไปได้อย่างมากราชาแห่งรบที่เกษียณทั้งคนถ้าจะหาสารพิษแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“มีสิทธิ์อะไร! คุณปู่นี่มันไม่ยุติธรรม!”
ฮัวจิ่นถิงที่ไม่ค่อยกล้าเชื่อถกเถียงด้วยเหตุผลแต่กลับถูกฮัวเหวินฮุยกดให้นั่งลง
เขาในตอนนี้ดูเหมือนแก่เฒ่าลงหลายปี
“พ่อ พรุ่งนี้ผมไปเปลี่ยนตำแหน่งกับน้องสี่ท่านไว้ใจได้”
ในตอนนี้ ฮัวเหวินฮุยรู้ว่าเขาไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป
“เทียนเจียง ถิงถิงเรากลับกันเถอะ”
ในขณะที่บริกรกำลังเสิร์ฟอาหาร ฮัวว่านถงกินไปคำนึงและพูดอย่างอวดดี
“อาสามไปดีมาดีนะ เสียดายอาหารในโต๊ะนี้เลย”
ทันใดนั้นฮัวฝู้โก๋ก็ขมวดคิ้วและโบกมือเรียกบริกร
“นี่มันอะไรเนี่ย อาหารพวกนี้ผมไม่ได้สั่ง”
เขาก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์กว้างขวาง อาหารที่เสิร์ฟอยู่บนโต๊ะเป็นอาหารที่หรูหราทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นกุ้งมังกรหรือปูและยังมีอย่างอื่นอีกมีมูลค่าประมาณเจ็ดแปดหมื่นหยวน
ฮัวฝู้โก๋มีเงินก็จริงแต่ก็ไม่เคยกินข้าวมื้อนึงแพงหูฉี่ขนาดนี้มาก่อน รวยขนาดนั้นเลยเหรอ
ราวกับว่ารอคอยมันนานแล้ว มีคนเดินเข้ามาจากประตูดูจากการแต่งตัวแล้วเป็นผู้จัดการ
“ทุกท่านเชิญตามสบาย นี่คือสิ่งที่เจ้านายของเรามอบให้แก่ฉู่เทียนเจียงเดี๋ยวมีไวน์ลาฟิตอีก
หกขวดตามมาอีก”
ฉู่เทียนเจียง? ชั่วขณะทุกสายตามองไปที่ฉู่เทียนเจียงอย่างเหลือเชื่อ
แม้ว่าไม่รู้ว่าให้มอบให้แต่ฉู่เทียนเจียงก็ลุกยืนขึ้นพลางพูดด้วยรอยยิ้ม
“ห่อทั้งหมดเลยผมจะเอากลับบ้าน ตอนนี้”
พูดจบเหมือนนึกอะไรออกจึงชี้ไปทางจานที่ฮัวว่านถงกินไป ฉู่เทียนเจียงขมวดคิ้วพลางพูด
“จานนี้โดนมลพิษไปละ เอาไปให้หมากิน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก