จอมยุทธ์กบฏโลก นิยาย บท 28

สรุปบท บทที่28 คนชั้นต่ำอย่างแก: จอมยุทธ์กบฏโลก

สรุปเนื้อหา บทที่28 คนชั้นต่ำอย่างแก – จอมยุทธ์กบฏโลก โดย เหมยปาเหย

บท บทที่28 คนชั้นต่ำอย่างแก ของ จอมยุทธ์กบฏโลก ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เหมยปาเหย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่28 คนชั้นต่ำอย่างแก

หลังจากที่ฉู่เทียนเจียงพูดจบฮัวว่านถงก็เขวี้ยงตะเกียบทิ้งและลุกขึ้นพลางชี้ไปที่ฉู่เทียนเจียง

และตะคอก

“แกว่าใครเป็นหมา?”

ทันใดนั้นฉู่เทียนเจียงก็จับนิ้วของฮัวว่านถงที่เกือบชี้โดนจมูกเอาไว้

“ฮัวว่านถงเป็นคนต้องหัดมีมารยาทบ้าง อย่าสาดคำหยาบเรี่ยราดเข้าใจไหม?

ไม่งั้นฉันเจอแกครั้งนึงตบแกครั้งนึง”

ฮัวว่านถงเจ็บจนกัดฟัน ในขณะเดียวกันก็มีมือวางไว้บนบ่าของฉู่เทียนเจียง

“น้องชายเป็นคนต้องถ่อมตัวเหนือฟ้ายังมีฟ้านะ”

เมื่อเห็นว่าเป็นเจียงหลงทั้งโต๊ะอาหารก็ไม่มีใครส่งเสียงเลย แม้แต่ท่านผู้ใหญ่ฮัวอานไท่

ยังฟังคำแนะนำของฮัวฝู้โก๋เจียงหลงที่จะเป็นลูกเขยในอนาคตไม่ง่ายเลย ราชาแห่งรบ

ในเซาเทิร์นแลนด์ที่เกษียณแล้วจัดการฉู่เทียนเจียงก็น่าจะเกินพอแล้ว

ไม่สินี่มันคือการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

เมื่อปล่อยฮัวว่านถง ฉู่เทียนเจียงก็ค่อยๆ เอามือของเจียงหลงออกแล้วขมวดคิ้วพลางพูด

“ใครเป็นน้องชายแก แกมีสิทธิ์เหรอ?”

ในขณะนี้เจียงหลงหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆแน่จริงนิ งั้นพวกเรามีโอกาสค่อยพบกันใหม่”

เมื่อออกจากโรงแรมซื่อจี้แล้วขึ้นรถอาวดี้ ฮัวเหวินฮุยก็ระเบิดออกมา

“ฮัวฝู้โก๋! แกไม่สมควรเป็นพี่น้องกับฉัน!”

โรงอิฐถูกยึดไปหมายความว่าอะไร หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีรายรับแล้วยังไงละ

ตระกูลฮัวของพวกเขาถือว่าทำงานให้กับท่านผู้ใหญ่ จะทำธุรกิจเองก็ไม่ได้การอนุญาต

อย่างแน่นอน เมื่อสูญเสียไปทั้งหมดก็เท่ากับว่าไม่เหลืออะไรแล้ว

“พ่อ ท่านอย่าโมโหไปฉันไม่เชื่อหรอกว่าจากคุณปู่ไปเราจะใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก”

ฉู่เทียนเจียงที่นั่งฝั่งคนขับยิ้มพลางพูด

“พ่อท่านวางใจได้สักวันไม่ช้าก็เร็วพวกคุณปู่จะต้องเสียใจภายหลังแน่ ว่าแต่พ่อท่านเสียดาย

โรงอิฐเหรอ?”

ฮัวเหวินฮุยถอนหายใจละยิ้ม

“มีอะไรน่าเสียดายในเมื่อมันไม่มีแล้ว แต่ว่าปู่แกสามารถให้ฉันทำงานที่โรงอิฐก็ถือว่า

รักกันมากพอแล้ว เฮ้อกลับบ้านเถอะค่อยคุยกัน”

ฉู่เทียนเจียงพยักหน้า

“ในเมื่อพ่อท่านเสียดายโรงอิฐงั้นพวกเราเปิดร้านใหม่ก็พอแล้วมั้ย ผมรับรองภายใน

หนึ่งเดือนโรงอิฐของฝั่งท่านผู้ใหญ่ล้มละลายแน่”

ฮัวจิ่นถิงที่นั่งอยู่ด้านหลังทนไม่ไหวรู้สึกว่าหลังจากที่ฉู่เทียนเจียงกลับมาชอบพูดคำใหญ่คำโต

“คุณเบาๆ หน่อยคิดว่ากำลังเล่นเกมสร้างบ้านเหรอ? คุณปู่ลงทุนไปหลายล้านกับโรงอิฐนั้น

คุณคิดว่าอยากเปิดก็เปิดได้เหรอ?“

“พวกคุณก็คิดในแง่ลบเกินไป”

ว่าพลางฉู่เทียนเจียงก็จัดทรงผมของตัวเอง และพูดต่ออย่างไม่แยแส

“ยังจำเจ้านายของร้านอาหารจู๋ยุ่นได้มั้ยที่ชื่อเหลียนเฉิง? เขาติดหนี้ผม เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเชียวนะ

จะชดเชยด้วยอาหารมื้อเดียวได้อย่างไร ผมจะส่งข้อความถึงเขาตอนนี้และพยายามให้เขา

ทำสิ่งต่างๆให้ลุล่วงในวันพรุ่งนี้”

เมื่อได้ยินแบบนี้สายตาของฮัวเหวินฮุยก็ประกาย ฮัวจิ่นถิงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะแล้ว

ถามอย่างเขินๆ

“มัน....มันจะสำเร็จเหรอ? ยังไงก็หลายล้านนะเจ้านายเหลียนจะตอบตกลงเหรอ?”

“เรื่องนี้พวกคุณก็อย่าสนใจเลย”

ช่วงเที่ยงของวันที่สอง ฮัวเหวินฮุยได้กลับมาก่อนที่อาหารเที่ยงเสร็จ

“พ่อเปลี่ยนตำแหน่งกับอาโกวเสร็จแล้วเหรอคะ?”

คำถามของฮัวจิ่นถิงทำเอาฮัวเหวินฮุยขำ

“เฮ้อพ่ออย่างฉันสู้อาโกวของลูกไม่ได้เลย เธอและอาเขยของลูกตอนนี้กำลังทำธุรกิจเล็กๆ

แม้ว่าพวกเขาจะทำเงินได้ไม่มากแต่ทั้งครอบครัวก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินอยู่เลยเธอไม่อยาก

ยุ่งเกี่ยวธุรกิจใดๆจากตระกูลฮัว ดังนั้นพ่อจึงไปบ้านคุณปู่ลูกมาและบอกกับท่านผู้ใหญ่ว่า

“โรงอิฐอยากให้ใครก็ให้ไปเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉู่เทียนเจียงก็ยิ้มออกมา

“ความสัมพันธ์ดีแต่อาโกวไม่อยากยุ่งงั้นเราก็สามารถทำได้อย่างสบายใจ

พ่อรู้มั้ยว่าโรงอิฐเฟิงทงอยู่ที่ไหน?”

“ท่านนายพล เหลียนเฉิงเป็นเพื่อนบ้านของผมในตอนนั้น ถ้าไม่มีท่านผมก็คงไม่สามารถที่จะทำให้

เขามาถึงจุดนี้ภายในเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปี ท่านให้เขาพูดอะไรเขาก็ไม่มีวันคัดค้านและเชื่อใจได้สุดๆ”

จิบชาเสร็จฉู่เทียนเจียงเตรียมที่จะจากไป ตอนนี้ยกเว้นแค่เล่นพวกท่านผู้ใหญ่ให้ตาย

เวลาที่เหลือเขาอยากใช้มันกับลูกสาว

และในตอนนี้เหมือนกับว่าในใจของเหลียนเฉิงมีอะไรที่สับสนจึงเอ่ยปากพูด

“ท่านนายพล ยังมีอีกเรื่องที่ผมไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรพูด พี่หม่าเคยบอกผมว่าห้ามปิดบังอะไรท่าน ดังนั้นผม....”

ฉู่เทียนเจียงยิ้ม เห็นได้จากการแสดงออกของหม่าเหลียง เขาก็ไม่รู้ว่า เหลียนเฉิงกำลังจะพูดอะไร

“พูดมาสิ ไม่ปิดบังน่ะถูกแล้ว”

“ฮัวเมิ่งหยวนน้าสาวของท่านเมื่อวานไม่รู้เอาเบอร์ของผมมาจากไหน เธอให้ผมโอนเงินให้

เธอหนึ่งแสนบอกว่าถือว่าท่านเป็นคนยืม ผม......คิดว่าเธอเป็นน้าของท่านจึงโอนเงินไปแล้ว”

พูดจบหัวใจของเหลียนเฉิงก็เต้นแรงมาก เงินหนึ่งแสนสำหรับเขามันเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย

แต่เมื่อหม่าเหลียงบอกว่าห้ามปิดบัง ดังนั้นตอนนี้ตื่นตระหนกตกใจอย่างมากไม่รู้ว่าพูดออกไป

จะเกิดปฏิกิริยายังไง

หลังจากไตร่ตรองสักพักฉู่เทียนเจียงก็ค่อยๆ ลุกขึ้นและกล่าวก่อนที่จะออกไป

“ฉันรู้แล้ว นายทำได้ดีมากที่ไม่หลอกลวง”

เมื่อกลับมาถึงบ้านฉู่เทียนเจียงก็ได้เข้าบ้านไปและเห็นว่าฮัวเมิ่งหยวนกลับมาแล้ว

กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกและเล่นกับอีอี

ภาพอบอุ่นนี้ทำให้เขายกเลิกความคิดที่จะบอกภรรยาเรื่องเงินแสน

หลังจากเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็เห็นอีอีที่ถือถังขนาดใหญ่เพื่อที่จะแกล้งฮัวเมิ่งหยวน ทันใดนั้นก็เสีย

การทรงตัวและล้มลงไปด้านหน้า

ฮัวเมิ่งหยวนตอบสนองช้าไปนิดนึง ในขณะที่สองมือยื่นไปประคองอีอีได้ล้มลงใน

อ้อมกอดของเธอ

จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องออกมา

“กรี๊ด! หน้าของฉัน!”

ผลักอีอีออก ฮัวเมิ่งหยวนใช้มือขวาไปเช็ดหน้า เมื่อเห็นรอยแดงบนนิ้วเธอสีหน้าดูบิดเบี้ยว

“หน้าของฉันสกปรกแล้ว! ไอ้คนชั้นต่ำอย่างแก แก.....แกกล้าดียังไง!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก