บทที่ 31 มีใครอยากพูดอีก – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมยุทธ์กบฏโลก
ตอนนี้ของ จอมยุทธ์กบฏโลก โดย เหมยปาเหย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 31 มีใครอยากพูดอีก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 31 มีใครอยากพูดอีก
“พ่อ เกิดเรื่องขึ้นที่โรงอิฐซิงฮุย พ่อรู้เรื่องนี้ไหม?”
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ฮัวว่านถงเห็นว่าพ่อกำลังเล่นกับเล่อเล่อ จึงเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากคลับออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ได้ยินเขาพูดกันมาบ้าง เรื่องของบ้านคุณลุงใหญ่ไม่เกี่ยวกับพวกเรา”
ฮัวฝู้โก๋เล่นกับเล่อเล่อต่อ เมื่อเขาพูดจบ ก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
“ทางหนีทีไล่ที่พี่เขยแกวางไว้ เขาได้บอกแกไหมว่าจะทำอะไรต่อ?”
ฮัวว่านถงยิ้ม
“แน่นอน เรื่องที่ฉู่เทียนเจียงปล่อยรถถังให้เข้าไปที่จู๋ยุ่น ตามที่พี่เขยบอก ไม่นานทีมสอบสวนจะมาจัดการเขา เพียงแค่เขาตัดสินว่าผิด ชีวิตที่เหลือของฉู่เทียนเจียงจะต้องอยู่ในเรือนจำที่เคร่งครัดที่สุดแห่งหัวเซี่ย”
“งั้นก็ดี ไอ้สวะอย่างฉู่เทียนเจียง กล้าที่จะโผล่หน้ามาให้เราเห็นซ้ำๆ น่าเบื่อจริงๆ”
แต่ทว่าตอนนี้ ฉู่เทียนเจียงกำลังนั่งอยู่ที่บ้านของเฉินหว่าน
เมื่อกลับถึงบ้าน ฮัวจิ่นถิงบอกว่าอีอีไปเล่นกับหลินเฉินที่บ้านของเฉินหว่าน เรื่องของฉัวเมิ่งหยวนที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ฉู่เทียนเจียงจะวางใจได้อย่างไร หลังจากที่เข้ามาถึงเห็นว่าเด็กทั้งสองเล่นกันอย่างสนุกสนาน เขาทำได้เพียงนั่งรออยู่บนโซฟา
“อีอีเราขึ้นไปบนบ้านไหม เมื่อวานมีคุณปู่คนหนึ่งมาบ้านฉัน เขาให้ของเล่นฉันเยอะแยะเลย”
ตอนนี้หลินเฉินกระโดดโลดเต้นขึ้นมา เมื่อได้ยินดังนั้นอีอีก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก จึงรีบวิ่งขึ้นไปข้างบนกับหลินเฉิน
“ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยพวกเขาเล่นเถอะ”
เมื่อเห็นฉู่เทียนเจียงจะตามไป เฉินหว่านเหนื่อยใจเล็กน้อย เธอจึงยื่นแอปเปิลไปให้เขา
“เมื่อวานเฉินเจียงเหอมาที่นี่ เขาอยากพาฉันกลับไปอยู่ตระกูลเฉิน ฉันกำลังคิดอยู่”
ฉู่เทียนเจียงลูบแอปเปิลที่อยู่ในมือและยิ้มไม่พูดอะไร เขาไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของครอบครัวคนอื่น
ขณะนั้นมีเสียงกริ่งดังขึ้น เฉินหว่านเดินเข้าไปดูตรงกริ่งประตูอัตโนมัติที่สามารถเห็นหน้าได้ เธอเห็นใบหน้าของคนแปลกหน้า เธอจึงถามอย่างสงสัย
“พวกคุณมาหาใครคะ?”
ไม่รู้ทำไมเธอรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เพราะช่วงนี้เธอเจอคนแปลกหน้าสามคนที่มีสีหน้าร้ายกาจ เธอไม่ได้คิดแค่ด้านร้าย แต่สัญชาตญาณบอกว่าพวกเขาไม่ใช่คนดีอะไร
“นี่บ้านของหวังฉางหนิงใช่ไหม เปิดประตู”
หวังฉางหนิงงั้นเหรอ หัวใจของเฉินหว่านกระตุกวูบ ชื่อสามีของเธอที่ติดหนี้พนันเมื่อสามปีก่อนถูกเอ่ยออกมา เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
“ฉันไม่รู้จักเขา พวกคุณไปเถอะ”
หลังจากวางสายกริ่งอัตโนมัติ เฉินหว่านเดินได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ ประตูก็เกิดเสียงตึงๆๆ แรงที่ดังออกมาจากประตูทำให้เธอตกใจ
เมื่อมองผ่านตาแมวที่ประตู ทั้งสามคนกระโดดข้ามรั้วของสนามและบุกเข้ามา
“นังโสเภณี! เปิดประตูเดี๋ยวนี้ได้ยินไหม!”
เธอไม่มีเวลามาพูดอะไรอีก เธอรีบวิ่งไปหยิบมือถือที่ห้องนั่งเล่น เฉินหว่านโทรหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่กลับไม่มีใครรับ ฉู่เทียนเจียงเดินไปที่ประตูทีละก้าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ไม่ใช่ว่าจะออกหน้าช่วยเฉินหว่าน แต่เพราะสามคนนี้เคาะประตูเสียงดังน่ารำคาญและอาจจะรบกวนลูกสาวที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน นี่เป็นสิ่งที่ฉู่เทียนเจียงยอมไม่ได้
“เปิด......”
เขาเปิดประตูอย่างแรง ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าสบถและยิ้มออกมา
“นี่สิถึงจะถูก....”
ตึง!
ใครจะไปรู้ว่าฉู่เทียนเจียงจะยกเท้าถีบชายคนนั้นจนกระเด็นออกไป แถมยังกระเด็นออกไปตรงสนามข้างนอก
“มีใครอยากพูดอีกไหม?”
เขามองด้วยสายตาเย็นชา ชายร่างใหญ่ละสายตาจากคนที่กระเด็นออกไปเมื่อครู่ ทั้งสองกลืนน้ำลายลงคอ และรีบถอยหลังกรูด
“แหะๆ เป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ”
แรงถีบนี้น่ากลัวเกินไป ขนาดพวกเขาทั้งสองเป็นคนที่แข็งแรงมาก และสามารถสะสางเรื่องมาไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง แต่ทว่าตอนนี้พวกเขากลับไม่กล้าพูดอะไร
“คุณตา”
อีอีเรียกอย่างออดอ้อน ตาหลานเล่นด้วยกัน หลิวหลานกำลังเตรียมอาหารค่ำ ฮัวเหวินฮุยที่กำลังเปิดการ์ตูนให้อีอีดู พูดขึ้นมาว่า
“เทียนเจียง ดูเหมือนว่าเจ้านายเหลียนเฉิงไม่เพียงแค่ซื้อโรงไฟฟ้าเฟิงทง แต่ยังสานความสัมพันธ์ทั้งหมดอีกด้วยรู้ไหมว่าทั้งบ่ายวันนี้ฉันมัวแต่เซ็นสัญญากับบริษัทต่างๆ พอเซ็นถึงบริษัทสุดท้ายฉันรู้สึกว่ามือขวาชาเล็กน้อย”
ฮัวจิ่นถิงที่อยู่อีกด้านตะลึง
“จริงเหรอ? พ่องั้นหมายความว่าโรงไฟฟ้าเฟิงทงของเรา ไม่ต้องกังวลเรื่องออเดอร์แล้วใช่ไหม”
“ใช่สิ และฉันเห็นว่าออเดอร์บางส่วนมาจากโรงไฟฟ้าซิงฮุยของปู่ลูก เหอะๆ ถือว่าเป็นการเอาคืนอย่างหนึ่งก็แล้วกัน”
พูดถึงตรงนี้ฮัวเหวินฮุยตบขาของฉู่เทียนเจียง จากนั้นจึงพูดและยิ้มออกมา
“ไปกันเถอะ เมื่อกี้ฉันบอกให้แม่ของแกทำกับข้าวเอาไว้ เรามาดื่มกัน”
“ครับ”
ฉู่เทียนเจียงพูดออกมา เขาเพิ่งจะลุกขึ้นยืน จู่ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของหม่าเหลียง นานๆ ทีเขาจะโทรมา
เขาเดินมาคุยโทรศัพท์อีกด้าน พร้อมกับเสียงของหม่าเหลียงที่ดังออกมา
“นายท่าน เบื้องบนส่งข่าวมา ตำแหน่งเทพสงครามจะประกาศหลังจากสามเดือน ชื่อเสียงของคุณสูงส่งมาก”
ในฐานะหนึ่งในสามของผู้ถูกเลือกให้เป็นเทพสงคราม ฉู่เทียนเจียงไม่สนใจชื่อเสียงประเภทนี้แม้แต่น้อย เขาไม่ได้ตั้งใจจะเข้าร่วมการแข่งขันในตอนแรก แต่เขาไม่สามารถหลบเลี่ยงคำสั่งของหัวหน้าอาวุโสได้ เขาจึงทำได้เพียงรับปากไปก่อน
“นายโทรมาเพราะเรื่องนี้เหรอ”
หม่าเหลียงจะไม่รู้นิสัยของฉู่เทียนเจียงได้อย่างไร แน่นอนว่าการที่เขาโทรมาไม่ใช่แค่เรื่องน่าเบื่อพวกนี้
“ตอนนี้ผู้มีอำนาจหลายคนเริ่มต่อแถวเข้ามาเพื่อเดิมพัน อีกอย่างพวกเขารู้ ช่วยเหลือกันในยามยากลำบากดีกว่าทำสิ่งที่สวยงามอยู่แล้วให้สวยงามยิ่งขึ้น ผู้นำจู้ซื่อกรุ๊ปติดต่อมาหาผม เพื่อจะวางแผนเปิดบริษัทย่อยในเมืองหนิงเพื่อสร้างเมืองภายในเมือง พูดง่ายๆ ก็คืออยากช่วยสร้างบ้านเกิดของนายท่าน
ฉู่เทียนเจียงแสยะยิ้มอย่างไม่พอใจ และกำลังจะวางสาย จู่ๆ เขาก็ยกมือขึ้นมาลูบหน้า
ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าจู้ซื่อกรุ๊ปจะทำอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยสินะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก