บทที่ 33 รับนายท่านกลับบ้าน
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉู่เทียนเจียงแสยะยิ้มออกมา
“อะไรกัน ยังไม่ทันสอบสวนก็จะส่งผมเข้าเรือนจำแล้วอย่างนั้นเหรอ และยังเป็นเรือนจำโจ้งเซินที่โหดเหี้ยมในเขตแดนบูรพาอีกด้วย น่าสนใจดีนิ”
“อย่าคิดไปเอง สอบสวนน่ะมันต้องสอบสวนอยู่แล้ว แต่ในกรณีของคุณ แปดสิบเปอร์เซ็นต์คงต้องอยู่ที่นั่น คงจะเป็นที่อื่นไปไม่ได้แล้ว”
สำนักงานของทีมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ที่อาคารสามชั้นขนาดเล็กบนเนินเขา ให้ความรู้สึกเหมือนฉู่เทียนเจียงไปโรงอิฐ
เมื่อเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง มีชายหนุ่มคนหนึ่งรออยู่ในนั้นแล้ว
เพิ่งจะนั่งชายหนุ่มก็เปิดปากพูดออกมาว่า
“ฉู่เทียนเจียงนำรถถังไปใช้โดยพลการ เราได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว โทษจำคุกในเรือนจำโจ้งเซินเขตแดนบูรพาสามปี”
ปึง!
เสียงประทับดังขึ้น เหมือนทุกอย่างจะสิ้นสุดลงและไม่มีโอกาสแก้ไขอะไรได้อีก
“อะไรกัน คุณไม่ตรวจสอบดูเหรอว่าผมอยู่ระดับไหนในนอร์ทเทิร์นแลนด์ และไม่ตรวจสอบดูเหรอว่ารถถังคันนั้นปลดประจำการแล้วหรือยัง”
ชายหนุ่มที่กำลังจะลุกขึ้นยืน เมื่อได้ยินฉู่เทียนเจียงพูดแบบนี้ จึงพูดอย่างเย็นชาว่า
“ผมจำเป็นต้องรู้เหรอ ผมเป็นหัวหน้าทีมสอบสวนคดีพิเศษของทีมสี่ในเมืองหนิง ถ้าสอบสวนใครสักคนยังต้องคิดตำแหน่งของเขา ผมไม่เหนื่อยตายเหรอ”
พี่หงไห่มาสั่งการเองยังต้องตรวจสอบอีกเหรอ ช่างน่าขำเสียจริง
ขณะนั้นมีคนๆ หนึ่งรีบวิ่งเข้ามาจนหายไม่ไม่ทัน
“หัว.....หัวหน้าเหลียงลานของเราถูกคนล้อมรอบเอาไว้ หัวหน้าทีมอื่นออกไปกันหมดแล้ว คุณก็รีบหน่อยเถอะ”
อะไรนะ เหลียงเหวินเกือบโกรธจนแทบจะหัวเราะออกมา ที่นี่คือที่ไหนกันมีคนบังอาจมาล้อมอย่างนั้นเหรอ กล้าดียังไงถึงเหิมเกริมขนาดนี้
“ไป ออกไปดูสักหน่อย พวกนายเฝ้าเขาเอาไว้ก่อน รอฉันกลับมาค่อยส่งไปเรือนจำโจ้งเซินแห่งเขตแดนบูรพา”
“ครับ”
ที่ลานมีคนนับร้อยยืนอยู่โดยไม่ขยับไปไหน และไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกถึงความกระหายเลือดแผ่ซ่านไปทั่วลาน
ผู้คนนับร้อยคนเหล่านี้ มียี่สิบคนเข้าแถวอย่างเรียบร้อย สายตาของพวกเขามีความน่ากลัวแฝงอยู่
เมื่อมองไปที่คนเหล่านี้ก็ล้วนประหลาดใจ ออร่าแบบนี้เคยไปสนามรบมาแล้วแน่นอน เผชิญหน้ากับคนพวกนี้ พวกเขาไม่กลัวสิแปลก
“พวกแกเป็นลูกน้องใคร รู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน”
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงเหลียงเหวินที่ออกมาและเริ่มเอะอะโวยวาย ท่าทีของเขายโสโอหังเป็นอย่างมาก และทำเอาหัวหน้าทีมคนอื่นๆ ต่างขมวดคิ้ว
คนนับร้อยถูกฝึกมาอย่างดี โดนข่มขู่ด้วยคำขู่ไม่กี่คำก็จะกลัวอย่างนั้นเหรอ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจเขา เหลียงเหวินหัวเสียอย่างมาก เขารู้สึกเสียหน้าจึงโบกมือไปมาและพูดว่า
“ฟังไว้ให้ดี ภายในหนึ่งนาทีให้สลายตัว นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย”
ในตอนที่เหลียงเหวินกำลังค่อยๆ ลดมือลงเพื่อเตรียมส่งสัญญาณ มีร่างใหญ่ร่างหนึ่งพุ่งออกมาทางตึกใหญ่เป็นชายวัยกลางคนตัวเตี้ย แม้จะเตี้ยแต่แข็งแกร่งมาก
คนๆ นี้เป็นหัวหน้าทีมใหญ่ของทีมสอบสวนคดีพิเศษในเมืองหนิง มีฉายาว่ายานก่าน แต่ว่าที่นี่มีใครกล้าหรือมีสิทธิ์เรียกฉายาของหัวหน้าทีมใหญ่
“ยานก่าน”
แต่ทว่าตอนนี้มีคนเรียกฉายาของเขาออกมาแล้ว เป็นคนที่ยืนอยู่แถวหน้าตรงของคนนับร้อยที่กำลังยืนอยู่
พวกลูกน้องบ้าไปแล้ว คนๆนี้เป็นใครถึงกล้าเรียกฉายาของหัวหน้าทีมใหญ่ รนหาที่ตายชัดๆ
เรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้น เห็นหัวหน้าทีมใหญ่ของพวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ อีกทั้งยังยิ้มออกมาก่อนจะพูดว่า
“หม่าเหลียง นายพาพวกพ้องนับร้อยมา คงไม่ใช่ว่าจะมาดื่มชากับฉันหรอกนะ”
ใช่แล้วคนที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดคือหม่าเหลียง เขามองยานก่านอย่างจริงจัง และเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ไม่ใช่ เรามารับนายท่านกลับบ้าน”
มารับนายท่านกลับบ้านอย่างนั้นเหรอ คนอื่นๆ เหงื่อแตกพลั่ก ยานก่านตัวสั่นและถอยหลังหนึ่งก้าว เขาพูดอย่างตะกุกตะกักว่า
“นาย....นายจะบอกว่า....เขาอยู่ที่นี่เหรอ”
น้ำเสียงของยานก่านตะกุกตะกัก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าฉู่เทียนเจียงเทพสงครามเลี่ยนหยู้หนึ่งในสามของผู้ถูกเลือกให้เป็นเทพสงครามแห่งหัวเซี่ย ผู้ดูแลนอร์ทเทิร์นแลนด์และผู้ที่ไม่มีใครกล้าละเมิดจะอยู่ที่นี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก