“ติงเผิง ข้าต้องการขายสัตว์ป่า ควรไปขายที่ไหนดี?”
“ข้าขอดูหน่อยว่าเจ้ามีอะไรบ้าง โอ้ ไก่ป่า กระต่ายป่า กวางหนึ่งตัว และแพะภูเขาอีกหนึ่งตัว”
ติงเผิงตรวจดูกวางตัวนั้นอย่างละเอียด ก่อนจะแยกมันออกมาแล้วจัดเก็บไว้ต่างหาก จากนั้นลากรถไป โดยมีพี่น้องของกู้เหมยตั่วและกลุ่มเด็กขอทานเดินตามหลังมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง
เมื่อเดินผ่านไปสองถนน ก็มาถึงโรงหมอแห่งหนึ่ง ติงเผิงถามลูกมือในร้านก่อนจะพบกับหมอเฒ่าคนหนึ่ง
“ท่านผู้เฒ่าหวา ท่านช่วยดูเจ้ากวางตัวนี้หน่อย รับซื้อหรือไม่?”
“มีกวางหรือ นี่เป็นของหายากเลยทีเดียว ข้าขอดูหน่อย”
ท่านผู้เฒ่าหวาดีใจมาก รีบเดินออกมาดู เมื่อเห็นกวางบนรถ “ไม่เลวๆ ยกเข้ามาเลย ข้ารับซื้อ”
กู้เหมยตั่วเดินตามท่านผู้เฒ่าหวาเข้าไปในโรงหมอ แล้วถามว่า “ท่านผู้เฒ่าหวา ในเมื่อท่านรับซื้อกวาง ท่านทำผลิตภัณฑ์อย่างครีมรกกวางด้วยหรือไม่?”
ท่านผู้เฒ่าหวารู้สึกประหลาดใจยิ่งนักที่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งกลับรู้จักครีมรกกวาง
“ฮ่าๆ สิ่งที่เจ้าพูดถึง ข้ามีอยู่จริงๆ”
กู้เหมยตั่วรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง “ข้าแค่ถามดูเฉยๆ ถามเฉยๆ เท่านั้น”
ท่านผู้เฒ่าหวาหัวเราะเบาๆ อย่างเข้าใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ท่านผู้เฒ่าหวากล่าวกับติงเผิงว่า “กวางตัวนี้ข้าจะให้สิบตำลึง และสมุนไพรนี้ข้าจะให้ห้าสิบตำลึง รวมทั้งหมดหกสิบตำลึง”
“ตกลง ขอบคุณท่านผู้เฒ่าหวา ที่นี่มีสัตว์ป่าอยู่สองสามตัว ท่านเอาไปสองตัวไว้กินเถอะ”
ตอนที่ท่านผู้เฒ่าหวาดูกวาง เขาสังเกตเห็นสัตว์ป่าเหล่านี้อยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำถามของติงเผิง เขาจึงตอบว่า
“เอาไก่ป่าหนึ่งตัวกับกระต่ายป่าหนึ่งตัวให้ข้าก็แล้วกัน”
“ได้เลย” ติงเผิงตอบอย่างร่าเริงก่อนจะหยิบไก่และกระต่ายให้เขา จากนั้นก็เรียกกู้เหมยตั่วและคนอื่นๆ ออกไปจากโรงหมอ
กู้ชุนหยวนกระซิบกับกู้เหมยตั่วว่า “ตั๋วตั่ว ไก่กับกระต่ายไม่ได้เก็บเงินนะ”
กู้เหมยตั่วพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงว่ารับรู้แล้ว
ติงเผิงเหลือบมองพี่น้องทั้งสองคน แต่ไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินต่อไป
พวกเขามาถึงหน้าภัตตาคารแห่งหนึ่ง ติงเผิงเรียกเสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่ง เสี่ยวเอ้อร์เข้าไปข้างใน สักพักก็พาคนที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อครัวออกมา
ติงเผิงเดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านพ่อครัว ลองดูสัตว์ป่าของเราหน่อย รับรองว่าสดใหม่แน่นอน”
พ่อครัวคนนั้นไม่ได้พูดอะไร เขาเดินเข้ามาดูสัตว์ป่าบนรถด้วยท่าทีตั้งใจ คำนวณในใจเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“ของทั้งหมดนี้ ข้าจะให้พวกเจ้าห้าตำลึง”
“ตกลง ขอบคุณท่านพ่อครัว ข้าจะช่วยท่านขนเข้าไป”
พ่อครัวคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับเข้าไปข้างใน
ติงเผิงกับกู้ชุนหยวนช่วยกันขนของเข้าไป หลังจากรอสักพัก เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งก็ออกมาและส่งเงินห้าตำลึงให้เขา ติงเผิงรับเงินมา เก็บใส่รถ แล้วลากรถไปยังที่เงียบสงบแห่งหนึ่งก่อนจะหยุดพัก
ติงเผิงส่งเงินหกสิบห้าตำลึงให้กู้เหมยตั่ว นางรับมาอย่างสบายๆ แล้วถามติงเผิงว่า “เจ้าพอมีช่องทางขายสมุนไพรหรือไม่?”
“วางใจเถอะ ขอแค่มีของ ข้าก็ขายให้เจ้าได้ แม้ข้าไม่มีช่องทาง ข้าก็จะหาคนมาช่วยเอง”
กู้เหมยตั่วพยักหน้าด้วยความดีใจ
นางหยิบเงินห้าตำลึงออกมาแล้วยื่นให้ติงเผิง “นี่ไม่ใช่ของตอบแทนอะไรหรอก ถือว่าเป็นการช่วยเหลือกันในฐานะสหาย รับไว้เถอะ”
ติงเผิงหัวเราะเบาๆ “เป็นสหายหรือ? ได้ สหาย” แล้วก็เก็บเงินใส่กระเป๋าที่แขนเสื้อ
กู้เหมยตั่วอยากเลี้ยงอาหารพวกเขา แต่ติงเผิงบอกว่าจะกลับไปเลี้ยงพวกเขาเอง กู้เหมยตั่วจึงถามต่อว่า
“ครั้งหน้าถ้าข้ามาอีก จะตามหาเจ้าได้อย่างไร?”
จะมาอีกหรือ? ติงเผิงคิดในใจ หรือว่าครอบครัวของพวกเขามีนายพรานอยู่?
“ในละแวกนี้ แค่ถามเด็กคนไหนก็หาข้าเจอแล้ว”
“ได้ ข้ายังต้องไปซื้อของอีก ไว้เจอกันครั้งหน้า อ้อ? อย่าลืมซื้อลูกกวาดให้เสี่ยวเหลียงจื่อด้วยนะ”
“ไม่มีทางลืมหรอกน่า”
ระหว่างทางกลับ กู้ชุนหยวนถามกู้เหมยตั่วว่า “ตั๋วตั่ว ทำไมถึงไม่เก็บเงินค่าไก่ป่ากับกระต่ายป่าเล่า?”
กู้เหมยตั่วคิดว่าควรพูดคุยกับพี่รองให้เข้าใจ เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น ในอนาคตเขาจะไม่สามารถรับผิดชอบงานด้วยตัวเองได้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จากสาวบ้านนา สู่ฮูหยินจอมพยัคฆ์