“แล้วท่านรองเจ้าเมืองก็ไม่นึกห้ามปรามเลยหรือ?”
ครั้นสร้างที่พักม้าเสร็จ พวกขุนหมื่นในนั้นก็ตระเวนไปตามหมู่บ้านใกล้เคียง จับไก่ คว้าห่าน ถอนผัก เด็ดแตง เอากันตามใจชอบ แล้วยังกล้าอ้างว่าเป็นการงานหลวงอีกด้วย
ที่ชั่วร้ายที่สุดก็คือ บางคราวพวกเขาไม่เตรียมหญ้าให้ม้า ก็ปล่อยให้ม้าไปเล็มเอาตามไร่นาของชาวบ้าน ชาวบ้านก็ได้แต่โกรธอยู่ในใจ มิกล้าเอ่ยอันใดออกมา”
กู้เหมยตั่วเอ่ยด้วยความเดือดดาล “แล้วท่านเจ้าเมืองไม่รู้เห็นเรื่องพวกนี้หรือ?”
“ท่านเจ้าเมืองคนก่อนก็ใช่ว่าจะดีอะไร ส่วนท่านเจ้าเมืองคนใหม่พึ่งมารับตำแหน่ง ยังไม่ทันรู้เรื่องราวให้ถ่องแท้ ถึงรู้ขึ้นมา ก็ยังมีท่านรองเจ้าเมืองคอยปกป้องอยู่ดี สุดท้ายคนที่ต้องเสียเปรียบก็ไม่พ้นชาวบ้านนั่นล่ะ”
“ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน หมายความว่า หากข้าซื้อที่ผืนนั้นแล้วปลูกเรือนลงไป พวกเขาก็จะหันไปเลือกที่อื่นเพื่อตั้งที่พักม้าใช่หรือไม่?”
ขอให้เพื่อนร่วมทางตาย แต่ข้าอย่าได้ตายเลย
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วเจ้าจะซื้อหรือไม่เล่า? ถ้าเจ้าซื้อที่ข้า ข้าก็จักจัดให้มากหน่อย เจ้าก็ไปปลูกเรือนตรงกลางที่ดินเสีย ทั้งสองข้างก็จะเหลือไม่พอให้เขาตั้งที่พักม้าแล้ว ฮ่าๆ”
ที่ปลูกเรือนของชาวบ้านทั่วไป ก็มักมีราว ๆ หนึ่งหมู่ แม้แต่บางเรือน ยังมีไม่ถึงหนึ่งหมู่ด้วยซ้ำ
แท้จริงแล้วตาเฒ่านี่คิดแผนการเช่นนี้ไว้แต่แรก ก็มิเลวเลย เป็นคนหนึ่งที่คิดอ่านเพื่อชาวบ้านแท้ ๆ
ท่านรองเจ้าเมืองโก้วผู้นี้ ก็มิใช่คนดี ปล่อยปละญาติพี่น้องให้กระทำความชั่วโดยไม่ห้ามปราม แถมตระกูลกู้ยังเกือบได้เกี่ยวดองกับพวกเขาด้วย
“ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านไม่ต้องจัดที่เพิ่มให้ข้าหรอก ที่ผืนนั้นข้าซื้อไว้หมดเลย”
“ทั้งผืนเลยหรือ? ตั๋วตั่ว ที่ผืนนั้นมีตั้งสามสิบเอ็ดหมู่เชียวนะ เจ้าจะซื้อหมดจริงหรือ? แล้วเจ้ามีเงินถึงเพียงนั้นหรือ?”
“หากจะซื้อทั้งผืน ต้องใช้เงินสักเท่าใดหรือ ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน?”
“ซื้อเยอะ ข้าก็จะคิดถูกหน่อย เอาเป็นสี่ส่วนครึ่งต่อหนึ่งหมู่เถอะ ที่ดินสามสิบเอ็ดหมู่ เอิ่ม...” ตาเฒ่าก็คิดคำนวณในใจเงียบๆ
“ท่านปู่ สามสิบหมู่ก็เท่ากับสิบสามตำลึงครึ่ง แล้วบวกอีกสี่ส่วนครึ่ง รวมแล้วก็สิบสามตำลึงเก้าส่วนครึ่ง ใช่หรือไม่ล่ะ ท่านปู่?”
“โถ ตั๋วตั่ว นี่ล่ะหนา สมกับเป็นเด็กเรียนหนังสือจริง ๆ เก่งนัก คิดได้ถูกต้องไม่มีผิด เอาเถิด เจ้าให้สิบสามตำลึงครึ่งก็พอแล้ว”
“ท่านปู่ ข้าให้ท่านสิบเจ็ดตำลึง ท่านลำบากหน่อย รีบไปว่าที่ว่าการอำเภอจัดการเรื่องโฉนดให้ทีนะ ขอเป็นโฉนดแดงด้วย
ในเมื่อเกรงว่าพวกนั้นจะมาตั้งที่พักม้า เราก็ยิ่งควรรีบจัดการโฉนดให้ไวเท่าไรยิ่งดี วันนี้ท่านไปทำเรื่องโฉนด พรุ่งนี้ข้าจะลงมือปลูกเรือนทันที
ตอนท่านไปที่ว่าการอำเภอเพื่อทำโฉนดแดง ก็แอบให้คนทำเรื่องสักสองตำลึง แล้วให้เขาขยับวันทำโฉนดให้เร็วขึ้น มาเขียนว่าเป็นวันเดียวกับวันที่ข้าตัดญาติ ส่วนอีกตำลึงครึ่งนั้น ข้าขอมอบให้เป็นค่าน้ำเมาให้ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านเถิด”
โฉนดแดงนั้นอยู่ในความคุ้มครองของทางการ แต่ต้องเสียเงินค่าดำเนินเรื่อง ส่วนโฉนดขาว ก็แค่ชาวบ้านเขียนสัญญากันเอง มีคนจัดการและพยานลงชื่อไว้ ใช้ได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นทางการเท่าโฉนดแดง
พอได้ยินว่ายังมีค่าน้ำเมาให้ตนเอง ตาเฒ่าก็หัวเราะออกมาอย่างยินดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จากสาวบ้านนา สู่ฮูหยินจอมพยัคฆ์