อั่ก!
ร่างกายเฉินจิ้งสั่นสะท้านเล็กน้อย ตัวเขาเอนล้มลงไปทางด้านข้างอย่างแรง ใบหน้าที่บวมช้ำมองไปที่จ้าวเทียนด้วยความเศร้าสร้อย
“ พี่จ้าว…ผมไม่ไหวแล้ว ”
“ ฝากที่เหลือด้วย…แอ่ก! ” หลังจากทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ เขาก็แกล้งสลบทันที
…
จ้าวเทียนมองการแสดงของเฉินจิ้งแบบพูดไม่ออก
น้องชายถ้านายจะแกล้งตายก็อย่าดึงฉันเข้าไปเกี่ยว ฉันแค่ต้องการรอชมเรื่องสนุก นายเข้าใจไหม
ในห้องตอนนี้คนที่มองออกว่าเฉินจิ้งแกล้งสลบ มีเพียงจ้าวเทียนกับเปาเจียงเท่านั้น
บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
พวกนายน้อยหลี่ ตอนนี้เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว ซุยลี่เหยากับเพื่อนผู้หญิงอีกสามคน ก็มองไปที่ร่างของเฉินจิ้ง ที่นอนหมดสติอยู่อย่างตกตะลึง
ไม่มีใครสนใจคำพูดสุดท้ายของเฉินจิ้งมากนัก ทุกคนก็รู้ว่าจ้าวเทียนเป็นแค่เศษสวะที่อ่อนแอ จะไปปกป้องใครได้
“ เฉินจิ้ง!.. พี่ขอโทษพี่ไม่ควรให้เธอสู้เลย ” ซุยลี่เหยาวิ่งไปดึงเฉินจิ้งมากอดไว้ด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเมื่อเห็นใบหน้าที่บวมช้ำของเฉินจิ้ง น้ำตาเธอก็ไหลออกมาเป็นสาย
ยังไงเฉินจิ้งก็ถือเป็นคนในครอบครัว เธอยังเคยอุ้มเขาด้วยซ้ำตอนที่เขาพึ่งเกิด แม่ของเขาก็เป็นน้องสาวแท้ๆของพ่อเธอ ทำให้สองครอบครัวสนิทกันมาก
คิ้วของเฉินจิ้งกระตุกเล็กน้อย แม้เขาจะหลับตาอยู่แต่หูก็ไม่ได้หนวก เมื่อรู้สึกได้ว่าซุยลี่เหยาร้องไห้ ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อย แต่หากเขาฟื้นขึ้นมาตอนนี้ มันก็คงไม่ดีกับตัวเอง จึงตัดสินใจเสแสร้งให้ถึงที่สุด
ตอนนี้พวกเปาเจียงกับพี่เว่ยกำลังยืนมองด้วยสีหน้ามึนงงว่าควรจะทำอะไรต่อไป
จะให้ไปสู้กับจ้าวเทียนก็คงไม่ดี…
จะจัดการพวกนายน้อยหลี่ เมื่อคิดถึงคำพูดสุดท้ายของเฉินจิ้ง ก็เลยไม่กล้า…
แค่กๆ
จ้าวเทียนแกล้งไอเล็กน้อย เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวหนึ่ง หยิบเหล้าขึ้นมาแล้วเทใส่แก้ว สายตาเขามองไปยังการแสดง ตรงเวทีด้านล่างอย่างสนใจ
!!
เปาเจียงกับพี่เว่ยหันมามองหน้ากันเอง พวกเขาทั้งสองต่างเป็นคนฉลาด ทำให้เข้าใจความหมายของจ้าวเทียนได้
ทั้งคู่มีรอยยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปมองพวกนายน้อยหลี่ด้วยสายตาเย็นชา
“ จับพวกมันทั้งหมดมานั่งคุกเข่าตรงนี้ ” พี่เว่ยออกคำสั่งทันที เขาชี้ไปที่พวกนายน้อยหลี่ กับเพื่อนหญิงของซุยลี่เหยาทั้งสามคน
“ ได้เลยลูกพี่ ” พวกนักเลงที่นอนอยู่ ตอนนี้ได้พากันพยุงตัวลุกขึ้นมา ได้เวลาสำหรับเรื่องสนุกๆแล้ว พวกเขาจะพลาดได้อย่างไร
ยกเว้นจ้าวเทียน กับซุยลี่เหยาที่ดูแลเฉินจิ้งอยู่ ทุกคนต่างถูกคุมตัวไปนั่งคุกเข่าอีกด้านหน้าทันที
“ ยัยนี่…ไม่ได้ยินพี่เว่ยสั่งเหรอ ” ชายคนหนึ่งพยายามที่จะจับไปที่ หน้าอกของกงเสี่ยวเหมยด้วยสีหน้าลามก
เปรี้ยง!
แก้วน้ำใบหนึ่งพุ่งใส่หัวของชายคนนั้นอย่างแรง จนมันล้มลงไปบนพื้น
“ แกทำอะไรวะ” “ ฆ่ามันเลยมั้ยลูกพี่ ” “ จัดการมันเลย ” พวกนักเลงที่เหลือพยายามจะมาแก้แค้นให้เพื่อน
“ หยุด!...ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ทำไป อย่าหาเรื่อง ” พี่เว่ยตะโกนสั่งเสียงดัง เขามองไปที่จ้าวเทียนด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย
“ พี่เสี่ยวเหมย…มานั่งดื่มกับผมตรงนี้สิ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาหยิบแก้วใบใหม่ขึ้นมาเทเหล้าใส่ไปอีกครั้ง
กงเสี่ยวเหมยได้มองมาที่จ้าวเทียนด้วยความขอบคุณ ตัวเธอเป็นเพียงนักสู้ระดับ4เท่านั้น คงไม่สามารถต่อสู้กับคนเยอะขนาดนี้ได้ แถมวันนี้เธอดันใส่กระโปรงยาวมาอีกด้วย ทำให้ไม่สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก
ซุนลี่เหยามองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสับสน ทำไมพี่เว่ยถึงดูเกรงใจจ้าวเทียนขนาดนี้ แม้แต่พวกนายน้อยหลี่ กับผู้หญิงที่เหลือก็ยังคิดสงสัยในเรื่องเดียวกัน
หรือว่า พวกมันเป็นพวกเดียวกัน…
“ จ้าวเทียน…ให้พวกมันถอยออกไปเดี๋ยวนี้นะ พวกแกมันพวกเดียวกันใช่ไหม ” นายน้อยหลี่หันไปตะโกนใส่จ้าวเทียน
“ ใช่ๆ…แกแค้นที่พวกเราด่าแกใช่ไหม ถึงไปเรียกพวกมันมาแก้แค้น ” สาวผมสั้นพูดเสียงดังด้วยความโกรธ เข้าใจอะไรได้ในทันที ตอนนี้พวกที่คุกเข่าอยู่จึงรุมด่าจ้าวเทียนเสียงดัง
“ ไอสวะนั่นมันจ้างพวกแกมาเท่าไหร่…ฉันให้แกได้มากกว่า10เท่าเลยนะ พวกแกไม่รู้เหรอครอบครัวมันล้มละล้ายไปแล้ว ตอนนี้มันไม่มีเงินซักแดงเดียว จะไปทำตามคำสั่งมันทำไม ” นายน้อยหลี่ยื่นข้อเสนอขึ้น เขามองไปที่พี่เว่ยอย่างมีความหวัง
เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้กงเสี่ยวเหมยถอนหายใจออกมายาวๆ พวกเพื่อนเธอยังคงทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก็เห็นๆกันอยู่ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเพราะนายน้อยหลี่กับหยางจงไปทำร้ายคนอื่นก่อน พออีกฝ่ายยกพวกมาเอาคืนแล้วสู้ไม่ได้ กลับโยนความผิดให้จ้าวเทียนซะอย่างนั้น
ถ้าพวกเขาคิดถึงคำพูดสุดท้ายของเฉินจิ้งซักนิด ก็น่าจะคิดได้ว่าคนที่จะสามารถช่วยทุกคนได้ก็คือจ้าวเทียน แต่ตอนนี้พวกเธอกลับมารุมด่าเขาซะเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน