สถานการณ์ของอ๋าวเฟิงในตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย พลังทั้งหมดก็ถูกผนึกเอาไว้ ถึงตอนนี้ต่อให้ต้องการเรียกร่างจริงมาก็ยังทำไม่ได้เลย
‘ ไม่นะ…เลือดแก่นแท้ที่ฉันสะสมมาหลายล้านปี ’
แววตาสิ้นหวังของเขามองไปยังหลินซินเยว่อย่างน่าสงสาร เลือดแก่นแท้นั้นสำคัญกับมังกรมากจริงๆ หากโดนเอาไปถึงสองขวด นั่นเท่ากับที่เขาบำเพ็ญมาสองล้านปีเลยทีเดียว
ถ้าจะให้บอกอย่างละเอียด เลือดแก่นแท้ของอ๋าวเฟิงคงจะมีประมาณ 70 ขวด
ในขณะที่มีดสั้นคมกริบกำลังจะแตะโดนแขนของเขา มันก็ได้หยุดลงเสียก่อน จากนั้นหลินซินเยว่ก็พูดขึ้นด้วยแววตาจริงใจ
“ ผู้อาวุโส…คุณยังมีร่างแยกมังกรอีก 8 ตัวไม่ใช่เหรอ ”
!!
เมื่อได้ยินแบบนั้นนัยน์ตาของอ๋าวเฟิงก็หดเล็กลง
‘ ใช่แล้ว…ถ้าอีกฝ่ายต้องการเลือดแก่นแท้ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นของฉันก็ได้นี่ ’
สีหน้าของเขาเริ่มผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด เหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำได้เจอกับขอนไม้ที่ลอยอยู่
จริงสินะ เขายังมีสหายอีก 8 ตัวนี่นา…
ณ เทือกเขาคุนหลุน
ลึกลงไปในบ่อน้ำโบราณ ตรงโพรงใต้ดินขนาดใหญ่ที่จ้าวเทียนพบหญ้าโลหิตมังกร
ชายหนุ่มชุดดำที่มีสีหน้าเย็นชา กำลังนั่งสมาธิอยู่ที่สิ่งที่คล้ายกับเสาหินขนาดใหญ่ ออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวเขามีแต่ความดำมืดอันชั่วร้าย ดุจพญามารในตำนาน ที่ผ่านการฆ่าฟันมามากมายจนเลือดไหลนองปฐพี
เขาคนนี้มีชื่อว่าอ๋าวเถียน คือร่างจำแลงของมังกรมารอเวจี ที่จ้าวเทียนเคยพบเมื่อครึ่งเดือนก่อน ซึ่งเป็นผู้ที่ต่อสู้กับอ๋าวเฟิงจนโดนผนึกเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้
วิ้งง
!!
“ หืม…ไอ้แก่นั่นได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอ ” มุมปากเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย ดูเหมือนโอกาสในการแก้แค้นจะมาถึงไวกว่าที่คิด
เดี๋ยวก่อน…
ถ้าเป็นกับดักล่ะ…
ทันใดนั้น เขาก็เกิดลังเลขึ้นมา ในบรรดาร่างแยกมังกรทั้ง 9 ตัว อ๋าวเฟิงกับเขาถือเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด การที่อีกฝ่ายขอความช่วยเหลือจากตัวเขา ก็สามารถเข้าใจได้
แต่เหตุการณ์ในอดีตที่เขาหลงกลอีกฝ่ายจนต้องถูกผนึกเอาไว้ ก็ยังคอยย้ำเตือนให้ไม่กล้าตัดสินใจอย่างประมาท
“ ฉันขอดูสถานการณ์ก่อนก็แล้วกัน ” เขากัดปลายลิ้นตัวเองแล้วพ่นเลือดออกมาด้านหน้า
ฟูวว
เลือดพวกนั้นได้รวมตัวกันกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับกระจกใสสีแดง จากนั้นมันก็ได้ปรากฏภาพการต่อสู้ขึ้น
“ ศัตรูมี 1 คน…เป็นขอบเขตเทพโลกาขั้น 5 และยังมีไข่มุกมังกรด้วยงั้นเหรอ ” ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
ตอนนี้เขาใช้เคล็ดวิชาเชื่อมโยงโลหิต สามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆผ่านทางสายตาของอ๋าวเฟิง
ไข่มุกมังกรเป็นสมบัติอันล้ำค่าของเผ่าพันธุ์ มันเป็นประโยชน์ต่อมังกรทุกสายพันธุ์ ทั้งในด้านการฝึกฝน และเขายังสามารถใช้ของสิ่งนี้จัดการกับอ๋าวเฟิงและกลืนกินร่างแยกตัวอื่นได้ด้วย
“ อยู่กันที่สุสานดวงดาวงั้นเหรอ...ดีเลย ฉันจะได้ลงมือได้เต็มที่ ”
วูป!
พลังของร่างจำแลงอ๋าวเถียนค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะข้อจำกัดของโลกใบนี้ทำให้พวกเขาใช้ร่างจริงต่อสู้ไม่ได้ เวลาส่วนใหญ่จึงมักเคลื่อนไหวกันด้วยร่างจำแลง
แม้ว่าตอนนี้เขาจะถูกอ๋าวเฟิงผนึกไว้อยู่ แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนใช้เคล็ดวิชาเรียกตัวเขาไปเองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
บูมมม!
“ เทพโลกาขั้น 7 คงพอแล้ว…หากมากกว่านี้เลือดแก่นแท้ของฉันคงไม่เหลือแน่ ” การจะทำให้ร่างจำแลงรับพลังได้มากขึ้น ต้องใช้เลือดแก่นแท้จากร่างหลัก ซึ่งเขาไม่สามารถถ่ายคืนให้ร่างหลักได้
นั่นหมายความว่า ร่างจำแลงเทพโลกาขั้น 7 ร่างนี้ จะไม่สามารถเคลื่อนไหวในโลกได้อีกต่อไป แต่มันก็คุ้มค่า ถ้าได้มุกมังกรกับดูดกลืนร่างจำแลงของอ๋าวเฟิง
“ ได้เวลาแล้ว ”
ครืนนนฟุ่บ!
อ๋าวเถียนได้ตอบรับการเรียกของพันธสัญญาวิญญาณ ทำให้ร่างของเขาเคลื่อนย้ายออกไปในพริบตา
ณ สุสานดวงดาว
“ หืม…มาแล้วรึ ด้วยพลังเทพโลกาขั้น 7 แบบนี้ ฉันรู้เลยว่าแกคิดอะไรอยู่ ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยท่าทางเหนื่อยใจ พวกเขาต่างก็เกิดมาจากดวงวิญญาณดวงเดียวกัน แต่ทำไมถึงจ้องจะทำร้ายกันตลอด
เหตุการณ์เมื่อ 5 ปีก่อนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวเลยรึไง…
หลิวจงเสียนที่ได้รับสัญญาณจากอ๋าวเทียน ก็แสร้งโจมตีใส่เต็มแรง ทำให้อ๋าวเฟิงกระเด็นไปตรงซากดวงดาวขนาดใหญ่ที่ถูกจัดเตรียมไว้
ตูมม!
แรงปะทะอันรุนแรงทำให้อวกาศรอบๆสั่นสะเทือน ตำแหน่งที่อ๋าวเฟิงนอนอยู่เกิดเป็นหลุมลึกกว้างหลายร้อยเมตร
ในขณะที่หลิวจงเสียนจะพุ่งเข้าใส่อีกครั้งดวงแสงสีดำก็ปรากฏขึ้นขวางหน้าเขาเอาไว้
วูป!
หลังจากดวงแสงสีดำสลายไป ร่างของชายหนุ่มชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นมาแทน ดวงตาสีแดงดุจโลหิตของเขากวาดมอง พื้นที่รอบๆอย่างใจเย็น
หากมีอะไรผิดสังเกตเขาก็สามารถหลบหนีได้ทันที…
“ เอ๋…สภาพของแกดูไม่ได้เลยนะ ” อ๋าวเถียนพูดขึ้นอย่างล้อเลียน เมื่อเห็นอ๋าวเฟิงนอนสิ้นสภาพอยู่บนซากดวงดาว
“ รีบช่วยฉันจัดการศัตรู…แล้วฉันจะปลดผนึกบนโลกให้ ตอนนี้ฉันถูกมุกมังกรผนึกเอาไว้ ทำให้เรียกพลังจากร่างแท้จริงมาไม่ได้ ” อ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยเสียงจริงจัง
“ ได้เลย…ฉันจัดการเอง ” อ๋าวเถียนมีสีหน้ายินดีขึ้นทันที ในตอนแรกเขายังนึกระแวงอยู่บ้าง ว่าอ๋าวเฟิงพ่ายแพ้ง่ายเกินไป
แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามใช้พลังของมุกมังกร ก็สามารถเข้าใจได้…
“ แกนอนดูอยู่ตรงนั้นก็แล้วกัน…ไม่นานหรอก ฮ่าฮา ” อ๋าวเถียนหัวเราะขึ้นเสียงดัง เขาโบกมือไปทางซากดวงดาวด้านหลัง
ครืนน
เขตอาคมอเวจีทมิฬปรากฏขึ้น ผนึกอ๋าวเฟิงเอาไว้บนซากดาวแห่งนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน