เหตุผลที่โลกมนุษย์ถูกจัดว่าเป็นโลกวัตถุระดับต่ำ ก็เพราะพวกเราอาศัยอยู่ในโลก 3 มิติ ที่มองเห็นเพียง กว้าง ยาว และสูงเท่านั้น
ยกตัวอย่างคือ ถ้าเอากระดาษแผ่นหนึ่งแทนโลก 2 มิติ ที่มีเพียงกว้างและยาว พวกเราที่อยู่ในโลก 3 มิติ เมื่อมองโลก 2 มิติ จะเห็นเป็นพื้นเรียบๆ
ถ้าวาดจุดสองจุดไว้ตรงมุมแต่ละด้าน แล้วขีดเส้นตรงระหว่างจุดทั้งสองเพื่อวัดระยะ สมมุติว่าวัดได้ 20 cm เราก็จะเข้าใจได้ว่า จากจุดนี้เดินทางเป็นเส้นตรงไปยังอีกจุดหนึ่งมีระยะทางเท่ากับ 20 cm
แต่ในโลก 3 มิติของเรา สามารถพับกระดาษที่เป็นตัวแทนของโลก 2 มิติเข้าหากัน เพื่อให้จุดทั้งสองมาซ้อนทับกันจนระยะห่างระหว่างจุดทั้งสองกลายเป็น 0 ได้
นี่คือพลังของพวกเราที่อยู่ในมิติที่สูงกว่า สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมิติที่ 2 ก็เหมือนมดที่กำลังเดินอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น เราอยากจะทำอะไรกับมันยังไงก็ได้ มดตัวนั้นก็ทำได้เพียงแค่เดินไปเดินมาอยู่ในการควบคุมของเรา
ในโลก 3 มิติ ก็สามารถบิดโค้งงอได้เช่นกัน สำหรับสิ่งมีชีวิตในมิติระดับสูงพวกเราก็ไม่ต่างไปจากมด
สิ่งที่หลินซินเยว่ได้ทำไป ก็คือการใช้เขตอาคมที่ถูกเตรียมไว้ บิดโค้งมิติให้ห้องลับของเธอไปซ้อนทับกับสถานที่อีกแห่งหนึ่ง
วูปป
หลังจากแสงสว่างอันเจิดจ้าหายไป
สายตาของอ๋าวเฟิงก็กวาดดูทุกสิ่งรอบๆตัวอย่างระมัดระวัง ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าได้พลาดท่าให้กับอีกฝ่ายเพราะความประมาท ตัวเขามั่นใจในพลังของตัวเองมากเกินไป
“ ย้ายฉันมาที่สุสานดวงดาวแบบนี้…เธอต้องการอะไร ” อ๋าวเฟิงถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
สุสานดวงดาวคือพื้นที่ชายขอบของจักรวาล เต็มไปด้วยเศษซากดวงดาวที่ตายแล้ว มันอยู่ห่างจากโลกหลายล้านปีแสง ถ้าหากเดินทางแบบธรรมดา ก็ไม่รู้ว่าจะต้องตายเกิดไปอีกกี่ชาติจึงจะมาถึง
แต่สำหรับหลินซินเยว่ เธอลำบากเพียงแค่ยกมือเท่านั้น
“ ฉันเพียงต้องการจะพูดคุยกับคุณเท่านั้น…ด้วยร่างที่แท้จริง ” หลินซินเยว่ตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม
!!
“ ร่างจริง…หรือว่าเธอ ” อ๋าวเฟิงมีสีหน้าตกใจ
ครืนนน
เพล้ง!
มิติด้านหลังถูกฉีกกระชากออกกลายเป็นช่องว่างสีดำ
ชายหนุ่มสองคนได้ก้าวออกมาอย่างช้าๆ
คนแรกมีรูปร่างใหญ่โตสูงเกือบ 3 เมตร กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งของเขามีขนาดใหญ่ยิ่งกว่านักเพาะกายระดับโลก เครื่องแต่งกายของเขาเป็นชุดเกราะสีดำคล้ายแม่ทัพยุคโบราณ
ส่วนคนที่สองกลับแตกต่างจากคนแรกมาก เขาเป็นชายหนุ่มชุดเขียวหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างของเขาค่อนข้างผอมบาง เหมือนคุณชายเจ้าสำราญในตระกูลชั้นสูง
“ เทพโลกาขั้น 5 สองคน ” อ๋าวเฟิงพูดออกมาด้วยสีหน้าหนักใจ
และก่อนที่ช่องว่างมิติจะซ่อมแซมตัวเองและยุบตัวลงอย่างช้าๆ ฝ่ามือสีขาวเนียนก็ได้ยื่นออกมาและหยุดมันเอาไว้
หญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตางดงามก้าวออกมาเป็นคนสุดท้าย เธอมีหน้าตาเหมือนกับหลินซินเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างอ๋าวเฟิงไม่มีผิด แม้แต่ชุดที่สวมอยู่ก็ยังเป็นแบบเดียวกัน
แต่พลังที่เธอปล่อยออกมานั้น แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“ เทพโลกาขั้น 9! ”
สีหน้าของอ๋าวเฟิงตอนนี้ย่ำแย่เป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าพื้นที่รอบด้านถูกผนึกไว้ทั้งหมด แม้แต่จะหนีไปช่องว่างแห่งกาลเวลาก็ยังทำไม่ได้
“ ขอแนะนำให้คุณรู้จัก…ชายหนุ่มทั้งสองคนนี้คือศิษย์หลักของฉันเอง ” หลินซินเยว่ที่เป็นร่างแท้จริงพูดขึ้นด้วยท่าทีสุภาพ
“ คารวะผู้อาวุโส…ฉันชื่อคังหลิน ” ชายหนุ่มชุดเขียวแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม
“ ฉัน…หลิวจงเสียน ” ชายร่างใหญ่พูดขึ้นอย่างเฉยชา สีหน้าท่าทางของเขาดูสุขุม ซึ่งบ่งบอกได้ว่าเป็นคนที่กระทำมากกว่าใช้คำพูด
“ ฉันรู้ว่า…ถ้าหากต่อสู้กันบนโลก คุณย่อมสามารถดึงพลังจากร่างที่แท้จริงมาได้อย่างไม่จำกัด ต่อให้พ่ายแพ้ก็ยังปลดผนึกร่างมังกรมาสู้แทนได้ ”
“ ร่างจำแลงของฉันมีพลังเพียงเทพโลกาขั้นแรกเท่านั้น ย่อมไม่อาจต่อสู้กับคุณได้อยู่แล้ว ดังนั้นฉันก็เลยเปลี่ยนสถานที่นิดหน่อย เพื่อให้ร่างแท้จริงของฉันข้ามมาได้” หลินซินเยว่อธิบายช้าๆอย่างใจเย็น
จากที่จ้าวเทียนบอกมา อ๋าวเฟิงเป็นถึงเทพมังกรที่ถือกำเนิดก่อนจักรวาล แม้ว่าจะต้องถือกำเนิดใหม่ แต่พลังที่ผ่านการบ่มเพาะมาหลายล้านปีนั้น ไม่สามารถดูถูกได้
“ แล้วถ้าฉันปลดผนึกพลังที่แท้จริง แล้วเรียกร่างแยกทั้ง 9 มาล่ะ…เธอจะทำอย่างไร ” อ๋าวเฟิงถามเสียงเย็นชา
หากเขาต้องการจะสู้จริงๆ ก็สามารถเรียกร่างแยกทั้ง 9 ที่มีพลังขีดสุดของเทพโลกามาได้ทุกเมื่อ แม้ว่าการทำแบบนั้นจะทำให้ภารกิจอันยาวนานของเขาต้องล้มเหลวก็ตามที
“ คุณสามารถ…ลองดูได้ ” หลินซินเยว่พูดขึ้นอย่างไม่ไยดี เธอพยักหน้าเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้ทำตามแผน
ลูกศิษย์ทั้งสองคนและร่างจำแลงของหลินซินเยว่ ได้หยิบไข่มุกสีทองออกมา จากนั้นก็ถ่ายเทพลังเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน