ณ สนามบินนานาชาติเมืองเทียนจิน ประเทศจีน
ผ่านไปสองวัน หลังจากที่ลี่เหยาเหยาได้รับสายจากหวังซินหยาง ต้องยอมรับเลยว่าในตอนแรกเธอรู้สึกกดดันมาก เพราะออโรร่าถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว อีกฝ่ายเข้าวงการมาก่อนเธอเพียงสองปี แต่กลับมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกตั้งแต่ปีแรก
อีกทั้งความสามารถของออโรร่าไม่ได้จำกัดเพียงแค่วงการเพลง ในวงการแสดงเธอก็จัดเป็นดาราอันดับต้นๆของโลก มีภาพยนตร์หลายเรื่องของฮอลลีวูดที่เธอเป็นนางเอก และในทุกปี รางวัลออสการ์สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมยังเป็นของเธอเสมอ
แม้จะมีข่าวลือหนาหูว่าสาเหตุความโด่งดังของออโรร่า มาจากขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลัง แต่หลังจากที่เคยได้ร่วมงานกันมาสามครั้ง ตัวลี่เหยาเหยาเองก็ยังต้องยอมรับในความสามารถของอีกฝ่ายจริงๆ
ดังนั้นเมื่อจัดการธุระทั้งหมดเรียบร้อย เธอจึงรีบเดินทางกลับมาทันที เพื่อเตรียมตัวสำหรับงานจัดแสดงเครื่องประดับในอีกสามวันข้างหน้า
หลังจากที่รับกระเป๋าสัมภาระมาแล้ว เธอจึงเดินออกมาด้านนอก เพื่อมองหาคนของตระกูลที่รออยู่ ในครั้งนี้เธอกลับมาเพียงคนเดียว ไม่ได้ให้ทีมงานติดตามมาด้วย เพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจ
ด้วยอำนาจของตระกูลลี่ในเมืองเทียนจินเวลานี้ การปกปิดข่าวสารทำได้อย่างง่ายดาย เครื่องบินที่เธอนั่งมาก็เป็นเครื่องบินส่วนตัว เพียงแค่หมวกกับแว่นกันแดดก็พอจะอำพรางตัวตนได้สบาย
ตอนนี้เธอกำลังมองหาลี่ฉุย ซึ่งเป็นคนที่จะมารับเธอในวันนี้
จนผ่านไป 5 นาที
‘ หรือว่าลี่ฉุยยังมาไม่ถึง…แต่ปกติแล้วเขาจะต้องมารอก่อนล่วงหน้าทุกครั้งนี่นา ’
ในขณะที่เธอกำลังจะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมา ก็ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอจากทางด้านข้าง
นั่นทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที…
‘ เขามาได้ยังไง…หรือว่ามารับฉันงั้นเหรอ ’
แม้ว่าเธอจะรู้สึกตกใจในตอนแรก แต่มุมปากกลับยกขึ้น เกิดเป็นรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ ขอโทษด้วย…ฉันมาสายไปหน่อย เธอรอนานไหม ”
ชายหนุ่มคนนั้นก็คือ จ้าวเทียนนั่นเอง เขารู้จากคนตระกูลลี่ว่าเธอจะกลับมาวันนี้ จึงเสนอตัวออกมารับเอง หลายวันที่ไม่เจอกัน ทำให้เขารู้สึกคิดถึงเธอมาก
การที่จ้าวเทียนยืนอยู่กับลี่เหยาเหยา มันได้ดึงดูดความสนใจจากคนอื่นๆที่ยืนอยู่บริเวณนั้นทันที เพราะถึงแม้ลี่เหยาเหยาจะปิดบังใบหน้าบางส่วนไว้ แต่ด้วยรูปร่างอันงดงามและออร่าซูเปอร์สตาร์ ที่เธอปล่อยออกมาโดยไม่รู้ตัว นั่นก็ทำให้กลายเป็นจุดเด่นอย่างมาก
และเมื่อรวมกับจ้าวเทียนที่มีส่วนสูงเกือบ 190 เซนติเมตร ใบหน้าหล่อเหลา แถมยังมีร่างกายที่บึกบึนยิ่งกว่านายแบบ มันก็ได้ดึงดูดสายตาของทุกคนในทันที
“ ฉันถ่ายรูปพวกเขาไว้แล้ว ” “ ว้าว…หนุ่มหล่อคนนั้นเท่จังเลย ”
“ นั่นพวกดาราหรือเปล่า ” “ จะว่าไปสาวสวยคนนั้นก็ดูคุ้นๆนะ ”
!!
“ พวกเรารีบออกจากตรงนี้กันเถอะ…ส่งกระเป๋ามาให้ฉันสิ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าแปลกๆ เขาไม่ค่อยชินกับอะไรแบบนี้เท่าไหร่
ทุกคนมองเขาเหมือนเป็นของหายาก ซึ่งแตกต่างจากแววตาของพวกลูกน้อง ที่มองเขาด้วยความเคารพยำเกรง
หลังจากที่รับกระเป๋ามาแล้ว เขาก็รีบพาลี่เหยาเหยาเดินหลบไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ลี่เหยาเหยาหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ ถ้านายสนใจจะเข้าวงการ…ต้องบอกฉันนะ รับรองเลยว่าไม่ถึงปีจะต้องโด่งดังแน่นอน ฉันจะช่วยผลักดันนายเอง คิกคิก ” ลี่เหยาเหยาพูดหยอกอย่างร่าเริง
“ เอ่อ…ฉันคิดว่ามันคงไม่เหมาะกับฉันหรอก แค่ในตอนนี้ฉันก็มีภารกิจมากมายจนหาเวลาว่างไม่ค่อยได้แล้ว ” ทุกวันนี้นอกจากที่จ้าวเทียนจะต้องฝึกฝนกองกำลังแล้ว
เขายังต้องไปประชุมวางแผนเกี่ยวกับหน่วยงานใหม่ที่จัดตั้งขึ้นอีกด้วย โชคดีที่เรื่องหลอมโอสถให้ต้วนมู่เฉียนนั้น เสร็จไปแล้วเรียบร้อย ทำให้พอมีเวลาในการฝึกฝนตัวเองบ้าง
ส่วนเรื่องกฎหมายควบคุมพวกปีศาจที่อาศัยอยู่ในประเทศนั้น กำลังคืบหน้าอย่างรวดเร็ว พวกหน่วยรบพิเศษที่ส่งออกไป ล้วนแล้วแต่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งคงเป็นเพราะเรื่องที่หลินเซียวหวู เสนอมาเมื่อสองวันก่อน
“ ผู้บัญชาการครับ…ผมขอเสนอให้พวกเราติดโลโก้ของท่านบรรพชนตระกูลหลินซูซินเอาไว้ ผมเชื่อว่าสมาชิกทุกคนที่ออกทำภารกิจ จะไม่พบอุปสรรคอีกต่อไป ”
ในตอนแรกที่จ้าวเทียนได้ยิน เขาถึงกับอึ้งไปหลายวินาที แต่เมื่อนึกถึงวีรกรรมทั้งหมดของศิษย์พี่หญิงก็พอเข้าใจได้
สุดท้ายแล้ว…
หลังจากที่ศิษย์พี่หญิงอนุญาตด้วยท่าทางเซ็งๆ ชุดเครื่องแบบใหม่ของหน่วยรบพิเศษก็ได้เกิดขึ้น มันเป็นชุดสีดำแบบหน่วยสวาท แต่จะมีโลโก้รูปตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอยู่ตรงต้นแขนขวา ดูเป็นจุดเด่นมาก
จากรายงานที่ได้รับมา ไม่ว่าปีศาจตนไหนที่ได้เห็นโลโก้นี้ จะแสดงท่าทีหวาดกลัวและยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี ไม่กล้าขัดขืนเลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน