เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดมหาสงครามที่ทำให้โลกทิพย์ทั้งหมดสั่นสะเทือน เป็นศึกสงครามที่เกิดขึ้นเพราะอุดมการณ์ที่ไม่ตรงกัน ของสองขั้วอำนาจใหญ่แห่งเก้าท้องฟ้า
ซึ่งสงครามครั้งนี้ ได้ดึงเอาโลกทิพย์อื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จนแม้แต่แดนสวรรค์ยังต้องส่งคนลงมาจับตาดู
ฝ่ายแรกมีผู้นำคือโลกแห่งแสงสว่าง ที่มีโลกทิพย์อีกสี่ใบเข้าร่วมด้วย ยืนยันอุดมการณ์ที่จะกำจัดความชั่วร้ายทั้งปวง
ฝ่ายที่สองมีผู้นำคือโลกแห่งมาร ซึ่งมีโลกแห่งสัตว์อสูรเป็นแนวร่วมเพียงหนึ่งเดียว พวกเขาประกาศที่จะกำจัดฝ่ายแสงสว่างจนถึงที่สุด
ส่วนโลกแห่งวิญญาณ กับโลกแห่งภูตินั้นเป็นกลางไม่เลือกฝ่ายใด เพราะพวกเขาได้กันตัวเองออกจากความขัดแย้งทั้งปวงมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ในสงครามครั้งนั้น หากวัดกันเพียงจำนวนไพร่พลอย่างเดียว ฝ่ายโลกแห่งแสงสว่างนั้นได้เปรียบเป็นอย่างมาก แต่ในการต่อสู้จริงๆมันกลับไม่เป็นแบบนั้น
เพียงเริ่มสงครามได้ไม่นาน กองทัพพันธมิตรของฝ่ายแสงสว่างก็พ่ายแพ้ติดต่อกันหลายครั้งทำให้แนวร่วมทั้งสี่สูญเสียขวัญและกำลังใจเป็นอย่างมาก
สาเหตุแห่งความพ่ายแพ้ของทัพพันธมิตรเกิดจาก…พิษมารอเวจี
ผู้ที่โดนพิษชนิดนี้เข้าไปจะสูญเสียพลังอย่างรวดเร็ว และทุกข์ทรมานจนดับสูญ ต่อให้สร้างกายทิพย์ขึ้นมาใหม่อีกซักกี่ครั้ง หรือจะใช้วิธีจุติเพื่อถือกำเนิดใหม่ก็ไม่มีผล
ซึ่งมีหนทางรักษาเพียงอย่างเดียว ก็คือพรศักดิ์สิทธิ์ของโลกแห่งแสงเท่านั้น และคนที่จะใช้พรศักดิ์สิทธิ์ได้ในโลกแห่งแสงก็มีเพียงไม่กี่พันคน
เมื่อเทียบกับจำนวนกองทัพพันธมิตรที่มีจำนวนหลายสิบล้านแล้ว ยังไงก็ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง
สุดท้ายสงครามในครั้งนั้นก็ยืดเยื้อไปเกือบพันปี จนกระทั่งจักรพรรดิแห่งโลกมารได้ถูกลอบสังหาร ฝ่ายแสงสว่างจึงได้รับชัยชนะในที่สุด
ณ บ้านพักตากอากาศของตระกูลเดชา
บนเตียงขนาดใหญ่ที่เกรียงไกรได้จัดเตรียมไว้ให้ เฉินจิ้งนอนหมดสติด้วยอาการทุกข์ทรมาน ตอนนี้จ้าวเทียนกำลังใช้พลังของเขาคอยประคองอาการเอาไว้
“ บอส…อาการของอาจิ้งเป็นยังไงบ้าง ” โจวเฟยถามขึ้นด้วยความกังวล ด้านข้างเขามีสมาชิกทีมผู้หญิงที่ไม่ได้ออกไปสู้อยู่ด้วยสองคน
“ …. ” จ้าวเทียนไม่ได้ตอบอะไร เพราะในตอนนี้เขาเองก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน
‘ หรือว่าความพยายามทั้งหมดของฉัน…จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการทำนายได้เลยเหรอ ’
สมัยที่เขายังเป็นมหาเทพปกครองแดนสวรรค์ ได้อ่านบันทึกเกี่ยวกับมหาสงครามในอดีตของโลกทิพย์เก้าท้องฟ้า ทำให้รู้ข้อมูลของพิษมารอเวจีดี
‘ มีแต่ต้องขอความช่วยเหลือจากโซเฟียเท่านั้น…แต่อาการของอาจิ้งในตอนนี้ น่าจะทนได้อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ’
‘ กว่าฉันจะพาเขาไปพบโซเฟียได้…มันก็คงสายไปแล้ว ’
ก่อนหน้านี้จ้าวเทียนได้โทรหาออโรร่าแล้ว เธอบอกว่าโซเฟียอยู่บนเครื่องบินที่กำลังเดินทางไปประเทศจีน ซึ่งกว่าจะมาถึงก็คงใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง
หมับ!
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆได้จับขากางเกงของจ้าวเทียนเอาไว้แน่น
“ คุณอาคะ…พี่เฉินจิ้งจะไม่ตายใช่ไหม ” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาของเธอไหลออกมาเป็นสาย
เด็กหญิงตัวน้อย เงยหน้ามองมาที่จ้าวเทียนด้วยแววตาคาดหวัง…
“ ฉัน… ” ตอนนี้จ้าวเทียนรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ เมื่อมองทุกคนที่อยู่รอบตัว พวกเขาก็มีแววตาแบบเดียวกันหมด
พวกเขาเชื่อมั่นว่าจ้าวเทียนจะต้องช่วยเฉินจิ้งได้…
โดยเฉพาะหญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่ในกองกำลังของจ้าวเทียน สำหรับพวกเธอแล้วจ้าวเทียนเปรียบเหมือนเทพเจ้า ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้
นี่คือความเชื่อมั่นของกองกำลังทุกคน…
“ มะลิ…อย่าไปกวนคุณอาสิ มาหาพ่อดีกว่า ” เกรียงไกรได้เข้ามาอุ้มลูกสาวกลับไป เขากลัวเธอจะไปทำให้จ้าวเทียนไม่พอใจ
‘ เพียงแค่ชายหนุ่มคนนี้โบกมือเบาๆ…ทรงยุทธถึงกับหนีอย่างไม่คิดชีวิต ฉันไม่กล้าเป็นศัตรูกับเขาเด็ดขาด ’
“ พวกคุณทุกคนออกไปก่อน…ฉันจะเริ่มรักษาแล้ว ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้คนที่อยู่รอบๆมีสีหน้าโล่งใจทันที พวกเขารีบพากันออกไปอย่างรวดเร็ว
เพราะทุกคนรู้ดี…การที่จ้าวเทียนบอกว่าจะเริ่มรักษา นั่นก็หมายถึงเขาพบวิธีแล้ว เฉินจิ้งยังมีความหวังอยู่
เมื่อไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องแล้ว จ้าวเทียนก็หยิบขวดหยกออกมาจากแหวนมิติ มันคือเลือดมังกรที่เขาได้มาจากอ๋าวเฟิง ตอนนี้พวกมันไม่จำเป็นสำหรับเขาแล้ว เพราะเขามีเลือดแก่นแท้ที่ท่านอาจารย์มอบให้
‘ คงมีแต่ต้องพึ่งพาพลังของเลือดมังกรเท่านั้น…ฉันหวังว่าเฉินจิ้งจะทนไหวนะ ’
วิ้ง!
เพียงแค่จ้าวเทียนสัมผัสนิ้วไปที่หน้าผากของเฉินจิ้ง มันก็มีแสงสีขาวเปล่งประกายออกมา ทำให้เขาค่อยๆลืมตาขึ้น
“ บอส…ผม ”
“ อย่าเพิ่งพูดอะไร…ฟังสิ่งที่ฉันจะบอกให้ดีๆ ตอนนี้ตัวนายถูกพิษร้ายที่แทบจะไม่มีทางรักษา และชีวิตของนายอาจจะอยู่ได้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ”
“ ผลของพิษจะทำให้นายสูญเสียพลังชีวิตเรื่อยๆจนตาย แต่ด้วยเลือดมังกรในขวดนี้ มันจะมอบพลังชีวิตมหาศาลให้นาย ฉันต้องการให้นายใช้พลังของมันต่อสู้กับพิษในร่าง ”
“ ซึ่งขั้นตอนนี้…มันจะเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก และไม่รู้ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ซึ่งนายต้องประคองสติไว้ตลอดเวลา ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด เพราะเมื่อไหร่ที่นายหมดสติ ทุกอย่างเป็นอันจบกัน ”
เมื่อจ้าวเทียนอธิบายจบ เขาก็รอเฉินจิ้งตัดสินใจอย่างเงียบๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง
“ เจนนี่ตายแล้ว…ทุกคนก็ด้วย ” เฉินจิ้งพูดออกมาด้วยใบหน้าสิ้นหวัง
!!
“ เฉินจิ้ง…นายจะยอมแพ้จริงๆเหรอ จำไม่ได้เหรอว่านายยังต้องทำงานให้ฉันอีก 10 ปีนะ ” จ้าวเทียนพูดเสียงจริงจัง
“ แต่ผม…คนพิการอย่างผม คงไม่มีค่าพอจะติดตามบอสหรอกครับ ” เฉินจิ้งยกแขนข้างที่ขาดขึ้นมา ทั้งน้ำเสียงและแววตาของเขา ได้สูญเสียความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสิ้นเชิง
เฮ้ออ
“ ถ้านั่นเป็นความต้องการของนาย…ฉันก็คงทำอะไรไม่ได้ ” จ้าวเทียนถอนหายใจ แล้ววางขวดหยกลงบนโต๊ะ
“ นายรู้ไหม…วิญญาณของผู้ที่ถูกเผ่ามารกลืนกิน จะถูกกักขังไว้ในร่างของพวกมัน ต้องทนทุกข์ทรมานไม่ได้ไปผุดไปเกิดตลอดกาล ”
“ แบบนี้ดีแล้วจริงๆเหรอ ” จ้าวเทียนถามต่อด้วยแววตาเฉียบคม
กึก!
ร่างของเฉินจิ้งสั่นสะท้านอย่างแรง นัยน์ตาของเขาหดเล็กลง ลมหายใจเริ่มหนักหน่วงขึ้น
‘ ดูเหมือนมันจะได้ผล…แต่มันยังไม่พอ ’
จ้าวเทียนต้องการปลุกความคิดต่อสู้ในตัวเฉินจิ้งขึ้นมา การที่เฉินจิ้งจะเอาชนะพิษมารอเวจีได้นั้น จะต้องมีเจตจำนงอันแรงกล้า ถึงจะควบคุมเลือดมังกรได้
“ นายรู้ไหม…มีสถานที่หนึ่ง สามารถสร้างกายเนื้อให้กับดวงวิญญาณ เพื่อชุบชีวิตคนขึ้นมาอีกครั้ง ขอเพียงนายเก็บรักษาดวงวิญญาณของพวกเขาเอาไว้ ก็มีความหวังที่จะได้พบกันอีกครั้ง ”
“ เรื่องจริงเหรอครับ…บอส ” เฉินจิ้งถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ ฉันรับประกัน…เพียงแต่ถ้านายต้องการจะไปสถานที่แห่งนั้น ขั้นแรกนายจะต้องบรรลุขอบเขตเซียนนภาให้ได้ก่อน ”
“ นั่นมัน…ผมจะมีโอกาสงั้นเหรอ ” เฉินจิ้งเสียงอ่อนลงอีกครั้ง เขารู้ความสามารถของตัวเองดี ในสองพันปีที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน แล้วคนธรรมดาอย่างเขาจะมีหวังเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน