ย้อนกลับไปประมาณสามสิบนาที
หลังจากที่ไป๋ซู่เจินแยกตัวออกไปได้ไม่นาน บรรยากาศบนเรือดำน้ำก็ทวีความกดดันขึ้น เนื่องมาจากออร่าที่จ้าวเทียนปลดปล่อยออกมา ทำให้พวกลูกน้องของทรงยุทธแทบจะหายใจไม่ออก
“ สมกับเป็นผู้สืบทอดของต้วนมู่เฉียน…อยู่ในสถานการณ์ที่ตกเป็นรองแบบนี้ แกยังทนนิ่งได้อีกเหรอ ” ทรงยุทธถามขึ้นอย่างสนใจ
“ ตกเป็นรองงั้นเหรอ…แกเอาความมั่นใจมาจากไหน ” จ้าวเทียนยิ้มออกมาเล็กน้อย เหมือนสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาเป็นเพียงเรื่องตลก
“ เหอะ…ทั้งที่รู้ว่าฉันวางกับดักเอาไว้ แต่ก็ยังเลือกที่จะมา หรือแกคิดว่าลูกน้องไม่กี่คนของแกในงานจัดแสดงนั่น จะสามารถป้องกันคนของฉันได้ ”
“ อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย…ตอนนี้มันสายไปแล้วที่จะหยุดแผนการของฉัน เอาอย่างนี้ไหม พวกเรามาร่วมมือกัน แล้วฉันจะแบ่งผลประโยชน์ให้แก 30% ” ทรงยุทธเสนอเงื่อนไขอย่างใจกว้าง
“ หยุดพูดไร้สาระเถอะ…บอกจุดประสงค์ของแกมา ”
“ จะเอาแบบนั้นก็ได้…ฉันต้องการให้แกอยู่นิ่งๆตรงนี้ จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบ ฉันขอสาบานต่อองค์เทพมารเลยว่า จะปล่อยพวกเขาแน่นอน ” ทรงยุทธพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
สำหรับเผ่ามารแล้ว คำสาบานต่อองค์เทพมารนั้นห้ามฝ่าฝืน ไม่อย่างนั้นจะถูกเทพมารกลืนกินวิญญาณไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
เมื่อได้ยินแบบนั้นจ้าวเทียนก็หยุดคิดครู่หนึ่ง เรื่ององค์เทพมารเขาก็เคยได้ยินมาตอนที่เป็นมหาเทพ เมื่อไหร่ที่เผ่ามารอ้างถึงชื่อองค์เทพมารมันจะไม่ผิดคำพูด
‘ เรื่องที่งานแสดงเครื่องประดับไม่น่าเป็นห่วง…เพราะฉันได้มอบแผ่นค่ายกลคุ้มกันให้เหยาเหยาแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากเทพธิดาซวนเฉวียน น่าจะป้องกันทุกคนในโรงแรมได้ ’
‘ ส่วนพวกกองกำลังหลักของศัตรู…ก็ให้ซูต๋าจี่ดึงเข้าไปในโลกมายา พวกที่เหลือก็ให้หน่วยพิเศษเก็บกวาดอีกที ’
‘ ตอนนี้ที่น่าเป็นห่วงที่สุด ก็คงเป็นทางด้านนี้ ’
เมื่อมองไปยังครอบครัวของลุงซุย ที่ถูกลูกน้องฝ่ายตรงข้ามจ่ออาวุธไว้ที่ศีรษะ จ้าวเทียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความกังวล
ที่จริงก่อนจะมาเขาได้วางแผนเอาไว้แล้ว คือการใช้แหวนเขตแดนเพื่อป้องกันพวกลุงซุย จากนั้นก็ค่อยจัดการพวกศัตรูทั้งหมด
เพียงแต่ตอนนี้ เขายังหาจังหวะไม่ได้เลย เพราะอีกฝ่ายระวังตัวมาก หากเผยพิรุธออกไปเพียงนิดเดียว พวกมันคงเชือดไก่ให้ลิงดูแน่นอน เพราะยังไงก็มีตัวประกันถึงสี่คน
‘ ช่างเถอะ…รับเงื่อนไขของพวกมันไปก่อนก็แล้วกัน ’
ทันใดนั้น…
ตูมมม!
!!
จ้าวเทียนกับทรงยุทธหันไปมองทิศทางหนึ่งพร้อมกัน จากนั้นแววตาของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เพราะทั้งคู่ได้ใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบแล้ว
“ บัดซบ…คนของซีลด์ ” ทรงยุทธตะโกนขึ้นด้วยความโมโห เขารู้นิสัยของไอ้พวกชอบฉวยโอกาสนี้ดี
ปัง!ๆๆ
ลูกน้องของทรงยุทธสองคนชักปืนออกมากราดยิงเพื่อนที่อยู่ข้างๆ แล้วหลบหนีออกไป ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
เฟี้ยวว!ๆๆๆ
ลูกธนูสี่ดอกพุ่งใส่พวกที่จับตัวประกันอย่างแม่นยำ ซึ่งได้เปิดโอกาสให้จ้าวเทียนกับโม่ซินหยานทันที
เปรี้ยง!ๆๆ ผลั่กๆๆ
พวกลูกน้องทรงยุทธที่เหลือกระเด็นออกไปในพริบตา ตอนนี้ครอบครัวของลุงซุยได้ถูกช่วยเหลือแล้ว
“ แหวนเขตแดน…เปิด! ”
โดมครึ่งวงกลมโปร่งใสปรากฏขึ้นปกคลุมพวกจ้าวเทียนทั้งหมดเอาไว้ มันมีขนาดประมาณสิบเมตร พอให้พวกเขาอยู่กันได้แบบไม่แออัด
“ ลุงเป็นยังไงบ้างครับ…พวกมันทำอะไรลุงรึเปล่า ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
เคล็ดวิชาของเขาตรวจสอบได้แค่บาดแผลร่างกายเท่านั้น แต่พวกเผ่ามารมันมีวิธีชั่วร้ายมากมายในการเล่นงานศัตรู
ครืนน!
เขายกนิ้วทีเดียว กุญแจมือทั้งหมดก็ถูกเพลิงสีทองเผาจนกลายเป็นฝุ่น
หลังจากที่พวกลุงซุยเป็นอิสระแล้ว ก็ได้มองมาที่จ้าวเทียนด้วยความขอบคุณ พวกเขาได้ยินเรื่องทุกอย่างทั้งหมด หากไม่ใช่จ้าวเทียนมาช่วย ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรบ้าง
“ พวกมันไม่ได้ทำอะไรนะ…ตั้งแต่ถูกจับมาก็ไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำ ” ลุงซุยตอบด้วยใบหน้าจริงจัง เขารู้ความสำคัญของเรื่องนี้ดี
จ้าวเทียนได้ยินแบบนี้ก็โล่งอก แต่เพื่อความไม่ประมาท เขาจึงส่งพลังเข้าไปตรวจตอบร่างกายของทุกคนอย่างละเอียด
‘ ไม่มีอะไรจริงด้วย…แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว ’
ในตอนที่สายตาของจ้าวเทียนกวาดมานั้น ซุยหลิงได้แต่ยืนก้มหน้าด้วยความละอายใจ หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้น เธอก็กลับมาอยู่ที่บ้านตามเดิม
ที่ผ่านมา เมื่อได้มีเวลาคิดทบทวนตัวเอง เธอก็ได้แต่นึกเสียใจที่ตัวเองหลงเดินทางผิด แล้วทำร้ายคนที่รักเธออย่างจริงใจ
‘ ฉันรู้ว่ามันคงไม่มีความหมายอะไร…แต่ฉันอยากขอโทษเขาอย่างจริงใจซักครั้ง ’
ฝ่ายทรงยุทธตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เมื่อมองจากลูกธนูที่โจมตีเข้ามา ก็พอจะรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร
‘ ตอนนี้ฉันคงโดนซีลด์หมายหัวแล้ว…เลยส่งนักฆ่าอย่างฮอว์กอายมา ยิ่งถ้าดูจากการที่ไม่สามารถหาตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ มันจะต้องใช้ยานบินล่องหนแน่นอน ’
‘ แต่ดูไปแล้ว…จ้าวเทียนก็คงโดนหมายหัวเหมือนกัน อีกฝ่ายคงรอให้พวกเราสู้กัน แล้วค่อยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สินะ ’
“ เพลิงสุริยัน! ”
!!
เปรี้ยง! ตูมม
คลื่นเปลวเพลิงสีทองระเบิดเข้าใส่ทรงยุทธ จนเขากระเด็นไปไกล แขนซ้ายที่เขายกขึ้นกันไว้ โดนเผาจนไหม้เกรียม
“ เดี๋ยวก่อน…อย่าหลงกลพวกซีลด์ มันต้องการให้เราสู้กัน แล้วรอฉวยโอกาสนะ ” ทรงยุทธพูดขึ้นด้วยความเกรงกลัว
“ พี่ซินหยาน…จัดการอีกคนเลยครับ ” จ้าวเทียนไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขาต้องการจบการต่อสู้ให้ไวที่สุด เพื่อที่จะได้ไปช่วยไป๋ซู่เจินต่อ ส่วนเรื่องที่ซีลด์ยื่นมือเข้ามายุ่งนั้นไว้จัดการทีหลัง
“ ตกลง ”
ครืนนน!
หมอกพิษสีดำระเบิดออกมา จากนั้นร่างกายของโม่ซินหยานก็เปลี่ยนไป กรงเล็บอันแหลมคม ปีกมังกร และหางแมงป่องสีดำ
นี่คือ ร่างครึ่งอสูร
“ เงาจันทรา! ”
ร่างของโม่ซินหยาน หายไปโผล่ที่ด้านหลังของทรงนัสในพริบตา จากนั้นร่างของเธอก็เหลือเพียงภาพติดตาเท่านั้น
ฉัวะๆๆๆๆๆ
กรงเล็บแหลมคม ที่เต็มไปด้วยพิษร้ายโจมตีใส่ทรงนัสอย่างถี่รัว หากไม่ใช่เพราะเขาทิ้งความเป็นมนุษย์ไปแล้วเปลี่ยนเป็นมาร ก็คงต้องจบชีวิตลงแล้ว
อ้ากกกก
ทรงนัสคำรามด้วยความโกรธ หลังจากนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน