“ หืม…แย่ละสิ ” จ้าวเทียนพึ่งจะรู้สึกตัว
ตอนนี้ ตัวเองนั่งกุมข้อเท้าของหญิงสาวตรงหน้ามานานหลายนาทีแล้ว ผู้คนรอบตัวบางคนหยิบมือถือมาถ่ายรูปและชี้มาทางเขา แล้วซุปซิบกันเองด้วยความสนุกสนาน
เขามัวแต่มุ่งความสนใจไปที่เมล็ดพันธุ์แห่งทวยเทพ จนลืมสิ่งต่างๆรอบตัว…
“ ผมต้องขอโทษจริงๆครับ ” หลังจากพูดออกไป เขาก็รีบปล่อยมือออก แล้วถามขึ้น
“ เป็นยังไงบ้างครับ ยังเจ็บอยู่ไหม ”
“ ไม่รู้สึกเจ็บแล้วค่ะ…คุณทำได้ยังไงกัน ” อันที่จริงเธอหายเจ็บตั้งนานแล้ว
แต่เพราะคลื่นความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากมือของชายคนนี้ ทำให้เธอรู้สึกสบายจนลังเลที่จะบอกเขา
ทั้งสองคนสบตากันแล้วต่างก็ยิ้มให้กัน แต่ความคิดในหัวนั้นแตกต่างกันสิ้นเชิง จ้าวเทียนนั้นยังคงคิดถึงแต่เรื่องของเมล็ดพันธุ์แห่งทวยเทพ มันจะมีส่วนช่วยต่อตัวเขาอย่างมาก
“ โอ้ยย…พี่ชายสนใจหนูหน่อย ” จ้าวหยูเหมยร้องขึ้นด้วยความแง่งอน ทั้งสองคนยืนคุยกันไม่สนใจเธอเลย
“ อืม…เมื่อกี้เธอบอกว่าใกล้ถึงเวลาขึ้นแสดงแล้วใช่ไหม เรารีบไปกันเถอะ ” จ้าวเทียนหยุดมองลี่เหยาเหยาเล็กน้อย
เขากำลังคิดว่าจะคุยกับเธอเรื่องเมล็ดพันธุ์ดีหรือไม่
เขาไม่ได้เป็นห่วงว่าจะมีคนอื่นมาช่วงชิงไปจากเธอได้ เพราะคนที่รับรู้ได้ถึงเมล็ดพันธ์แห่งทวยเทพจะต้องฝึกวิชาของเทพสวรรค์โบราณ
ซึ่งมันก็หาได้ยากในแดนสวรรค์ อย่าว่าแต่ในโลกมนุษย์เลย
ตั้งแต่ที่เมล็ดพันธุ์ได้ดูดซับปราณของเขาไปฟื้นฟูตัวเอง ก็เหมือนมีการเชื่อมโยงบางอย่างกับตัวเขา ซึ่งสามารถสัมผัสถึงที่อยู่ของกันและกันได้
จ้าวหยูเหมย เห็นพี่ชายของเธอแสดงท่าทีสนใจหญิงสาวคนนี้อย่างน่าหมั่นไส้ เธอจึงคิดช่วยเหลือพี่ชายซักเล็กน้อย
“ พี่สาวคะ…พี่มาเที่ยวชมงานนิทรรศการดนตรีหรือเปล่า ” จ้าวหยูเหมยถามขึ้นอย่างร่าเริง เธอตีเนียนดึงแขนลี่เหยาเหยาให้เดินตามไปด้วยกัน
“ ใช่จ๊ะ…พอดีพี่พึ่งกลับมาพักผ่อนที่บ้านเกิด เลยออกมาเดินเล่น ” เธอตอบ
“ ถ้างั้น…พี่จะมาดูการแสดงของหนูไหม วันนี้พี่ชายก็มาให้กำลังใจหนูด้วย ถ้าพี่มาด้วยกันหนูจะดีใจมากเลย ” จ้าวหยูเหมยกอดแขนลี่เหยาเหยาออดอ้อนอย่างน่ารัก
“ คือพี่…ตกลงจ๊ะ” เธอเกิดความลังเลเล็กน้อย
อันที่จริงเธอไม่อยากไปที่ที่มีคนอยู่เยอะๆ แต่เมื่อมองไปที่เด็กสาวคนนี้ เธอก็ปฏิเสธไม่ลง
จ้าวหยูเหมยเหมือนมีบรรยากาศทำให้คนที่อยู่รอบๆรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมได้โดยง่าย อีกเหตุผลหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะว่าเธอยังอยากมีเวลาใกล้ชิดพี่ชายของเด็กสาวคนนี้นานอีกซักหน่อย
“ หนูชื่อจ้าวหยูเหมย…พี่สาวชื่ออะไรคะ” จ้าวหยูเหมยได้ถามขึ้น เธอแอบยักคิ้วให้พี่ชายเล็กน้อย
“ พี่…พี่ชื่อลี่เหยา ” เธอลังเลที่จะบอกชื่อจริง แต่ก็ไม่อยากโกหกจึงตอบไปแบบนั้นแทน
“ งั้นหนูเรียกว่าพี่สาวลี่นะคะ ส่วนพี่ชายของหนูชื่อว่าจ้าวเทียน ” จ้าวหยูเหมยถือโอกาสแนะนำตัวพี่ชาย
!!
“ จ้าวเทียนเหรอ…คงไม่ใช่ว่า ” ตอนนี้เธอรู้สึกแปลกใจจริงๆ ไม่คิดว่าจะได้เจอกับเขาที่นี่
ชายคนนี่คือคนที่จะรักษาปู่ของเธอในวันพรุ่งนี้…
“ ทำไมเหรอคะ…พี่สาวรู้จักพี่ชายหนูมาก่อนเหรอ ” จ้าวหยูเหมยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ เปล่าจ๊ะ…เราพึ่งเจอกันครั้งแรก ” เธอตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม
ตอนแรกเธอคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอชายคนนี้อีก แต่ดูแล้วคงจะไม่ใช่แบบนั้น
มันเป็นเพียงแค่ความบังเอิญ หรือโชคชะตากันแน่นะ…
ทั้งสามเดินไปด้วยกัน จนถึงอาคารโถงประชุมขนาดใหญ่ ที่สามารถจุคนได้นับพันคน ที่นี่คือที่จัดการแสดงดนตรีในครั้งนี้
เมื่อมาถึงแล้วจ้าวหยูเหมยก็ขอแยกตัวออกไป เพื่อเตรียมการแสดง
ส่วนจ้าวเทียนก็ได้พาลี่เหยาเหยามาที่นั่งตรงแถวหน้า ที่ถูกเตรียมไว้ให้ครอบครัวของนักเรียนที่ได้ขึ้นแสดง
การแสดงของนักเรียนได้ผ่านมาเรื่อยๆ งานนี้เปิดโอกาสให้ชมรมต่างๆที่เกี่ยวกับดนตรีได้มาแข่งขันกัน โดยมีผู้มีชื่อเสียงจากวงการดนตรีในสาขาต่างๆมาเป็นกรรมการตัดสิน
“ การแสดงของเสี่ยวเหมยอยู่ถัดไปจากวงนี้ ” จ้าวเทียนได้หันไปบอก ลี่เหยาเหยา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา 1 ชั่วโมงพวกเขาได้คุยกันอย่างถูกคอ ด้วยประสบการณ์ชีวิตเกือบแสนปี แม้ว่าจ้าวเทียนจะไม่ได้สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องดนตรีมาก่อน
แต่เขาเคยเป็นมหาเทพปกครองแดนสวรรค์มานาน ได้รับชมการการแสดงดนตรีของเหล่านางฟ้าสวรรค์มาแล้วหลายครั้ง
ซึ่งมันเหนือกว่าดนตรีที่มีในโลกมนุษย์มากนัก ทำให้เขาสามารถแลกเปลี่ยนมุมมองและวิสัยทัศน์กับลี่เหยาเหยาได้อย่างเท่าเทียม
ตอนนี้ลี่เหยาเหยาได้พูดคุยกับจ้าวเทียนอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีอาการเขินอายเหมือนตอนแรก
“ การแสดงถัดไปของชมรมดนตรีสากลในเพลง For Love ครับ ”
พิธีกรชายที่ยืนอยู่บนเวที ได้ประกาศออกมา
“ แปลกนะ…นี่มันบทเพลงที่เสี่ยวเหมยจะขึ้นไปเล่นไม่ใช่เหรอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความสงสัย
ตอนที่พวกเขา 3 คนเดินมาด้วยกัน น้องสาวได้บอกรายละเอียดเกี่ยวการแสดงของชมรมเธอให้พวกเขาฟังหมดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน