เวลาหกโมงเช้า เป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นสู่ขอบฟ้า
จ้าวเทียนกำลังผ่อนลมหายใจลงช้าๆ …
พลังงานความร้อนกับสิ่งสกปรก ถูกขับออกมาผ่านทางรูขุมขนตรงผิวหนัง
ตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตผู้เชี่ยวชาญระดับสูงแล้ว
เพื่อที่จะไปสู่ขั้นต่อไป ก็คงต้องหาทรัพยากรฝึกฝนเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งมันคงต้องใช้เงินเยอะกว่าตอนเปิดจุดลมปราณแน่นอน
“ ฉันคิดว่า…ยาเม็ดหยวนตันที่ฉันทำคงจะขายได้ราคาดีอยู่นะ”
“ ไว้พรุ่งนี้หลังจากรักษาปู่ลี่เรียบร้อยแล้ว…ค่อยหาโอกาสพูดคุยเรื่องนี้กับทางตระกูลลี่ดู”
กระบวนการหลอมเม็ดยาหยวนตันของเขานั้น ต้องใช้การควบคุมที่แม่นยำมาก
สำหรับคนอื่นต่อให้รู้ส่วนผสม ก็ใช่ว่าจะทำแบบเขาได้ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเคล็ดวิชาปราณหมื่นตะวันด้วย
ผู้ฝึกเคล็ดวิชานี้จะมีพลังปราณหยางบริสุทธิ์ มันจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกตกค้างในขั้นตอนการหลอมทั้งหมด ทำให้เม็ดยาที่ออกมามีประสิทธิภาพเหนือกว่าปกติ
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็รอทานอาหารเช้าพร้อมกับน้องสาว
วันนี้เขาต้องไปดูน้องสาวทำการแสดงในงานดนตรีของโรงเรียน ระหว่างที่กำลังรอน้องสาวตื่น เขาก็ได้หยิบบัตรทองของผู้เฒ่าตระกูลหวังออกมาดู
“ ฉันคิดว่า…หม่าจิ้งอาจจะเป็นไส้ศึกที่ตระกูลจ้าวส่งมาแฝงตัวอยู่ในตระกูลหวัง ”
“ หรืออีกความเป็นไปได้ก็คือ…ทั้งสองตระกูลนั้นร่วมมือกันอยู่ เรื่องนี้คงต้องลองตรวจสอบดูอีกครั้ง ”
แปดโมงเช้าหน้าโรงเรียนมัธยมมู่หยาง
จ้าวหยูเหมยกำลังเดินกอดแขนพี่ชายของเธออย่างมีความสุข เป็นเวลานานหลายเดือนแล้วที่พี่ชายไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ
ตั้งแต่ที่พ่อและแม่เสียไป เธอก็แทบจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด
ตอนนั้นเธอรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวมาก แต่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว พี่ชายสัญญาว่าจะปกป้องดูแลเธอ
เธอเชื่อว่าพวกเราจะต้องกลับไปเป็นครอบครัวที่มีความสุขเหมือนดังเดิม
“ จำไว้ถ้ามีคนมารังแก น้องต้องบอกพี่นะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ มีพี่อยู่…ใครจะกล้ามารังแกหนูได้ละคะ ” เธอยิ้มหวานตอบพี่ชายด้วยน้ำเสียงเอาใจ
“ อย่าลืมที่พี่บอกก็แล้วกัน ” จ้าวเทียนอมยิ้มเล็กน้อย เขาใช้มือลูบหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู
“ แต่พี่คะ…วันไหนที่พี่ไม่อยู่บ้าน หนูเหงามากเลย ” เธอพูดด้วยสีหน้าเศร้าเล็กน้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว แววตาของจ้าวเทียนก็เปลี่ยนไปทันที
ใช่แล้วตอนนี้ครอบครัวเราเหลือเพียงแค่สองคน…
ในอนาคตเวลาที่เขาต้องออกไปทำธุระข้างนอก น้องสาวเขาก็ต้องอยู่คนเดียว…
“ เสี่ยวเหมย…พี่ ” จ้าวเทียนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี
แววตาเขาเจือปนไปด้วยความรู้สึกผิด
“ เพราะฉะนั้นพี่ต้องรีบหาพี่สะใภ้มาอยู่ด้วยกันได้แล้ว…หนูจะได้ไม่เหงาไง อิอิ ” เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าทะเล้น แล้วมองพี่ชายด้วยความขบขัน
ที่จริงแล้วเธอไม่อยากให้พี่ชายต้องจมอยู่กับเรื่องราวความรักในอดีต เธออยากให้พี่ชายมีชีวิตใหม่ที่มีความสุข
“ ล้อพี่เหรอ…ยัยตัวแสบ ” จ้าวเทียนยิ้มขึ้นด้วยความอบอุ่น นี่สินะคือความรู้สึกของครอบครัวที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานเกือบแสนปี
ทั้งคู่เดินเข้าประตูโรงเรียน มองไปเห็นสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ที่มีคนยืนอยู่มากมายเพราะวันนี้มีงานนิทรรศการดนตรี บุคคลภายนอกจึงมาเข้าร่วมชมงานได้
“ พี่ดูผู้หญิงคนนั้นสิคะ…เธอต้องสวยมากแน่เลย ” จ้าวหยูเหมยชี้ให้พี่ชายเธอมองตรงไปยังผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอสวมหมวกปีกกว้างใส่แว่นกันแดดสีดำ อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาว
แม้จะมองเห็นใบหน้าเธอไม่ชัด แต่ก็มั่นใจได้เลยว่าเธอต้องงดงามมากอย่างแน่นอน ตัวเธอเหมือนมีออร่าบางอย่างเปล่งประกายออกมา
ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้…
“ ทำไมฉันรู้สึก เหมือนเคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อน ” จ้าวเทียนพึมพำออกมาเบาๆ ตัวเขาตอนนี้มีความทรงจำแบบผ่านตาครั้งเดียวไม่ลืมเลือน
ไม่ได้มีแต่พวกจ้าวเทียนที่ให้ความสนใจผู้หญิงคนนั้น แต่ยังมีนักเรียนและผู้ปกครองอีกหลายคน ที่หยุดยืนแอบมองเธออยู่ไกลๆ
“ เป็นบรรยากาศที่น่าคิดถึงจริงๆ ” เธอพูดขึ้นเบาๆ ด้วยความคิดถึง
ที่จริงแล้ว หญิงสาวที่พวกจ้าวเทียนกำลังมองอยู่ ก็คือนักร้องหญิงซุปเปอร์สตาร์ ลี่เหยาเหยา
ซึ่งเธอเองก็เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนมัธยมมู่หยางแห่งนี้
เมื่อมีโอกาสหยุดงานกลับมาที่เมืองเกิด เธอจึงออกมาผ่อนคลายความเครียดด้วยการรำลึกถึงความทรงจำในอดีต สมัยที่เธอยังเป็นแค่เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง
ตั้งแต่ที่เธอโด่งดังมีชื่อเสียงก็มีสิ่งหนึ่งที่ต้องสูญเสียไป นั่นคือ อิสระ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็มีแต่คนคอยจับตามอง แม้แต่เวลาที่จะใช้ชีวิตกับครอบครัวยังแทบไม่มี
เธอชอบความรู้สึกตอนนี้ที่ได้เป็นคนธรรมดา ยืนรับแสงแดดอ่อนๆและสายลมที่เย็นสบาย จนรู้สึกได้ถึงความเป็นอิสระ
“ โฮ่งๆๆ! ”
สุนัขขนาดใหญ่ตัวเท่าเสือ 2 ตัววิ่งหลุดออกมา พวกมันแสดงท่าทางดุร้ายขู่คำรามจนเธอตกใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน