ภายในห้องรับรองขนาดใหญ่ที่ถูกจัดเตรียมไว้ ตอนนี้จ้าวเทียนกำลังรอผลการเจรจาตกลงจากกงไป๋ฮวา
ที่ใช้คำว่าเจรจาตกลง ก็เพราะจ้าวเทียนมองออก ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก เรื่องที่ส่งตัวกงเสี่ยวเหมยกลับมาไม่ได้
หมายความว่าจะต้องรออีกเป็นเดือน กว่าประตูสำนักโบราณจะเปิด ซึ่งในระหว่างนี้ ชีวิตของกงเสี่ยวเหมยย่อมตกอยู่ในมือของฝั่งตรงข้าม
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถบีบบังคับอีกฝ่ายมากเกินไป ส่วนการลงมือของจ้าวเทียนเป็นการแสดงพลังข่มขู่ให้พวกของยายซุนหวาดกลัว จะได้พูดคุยกันได้โดยง่าย
ซึ่งในระหว่างที่รอ…
เขาก็ฝึกฝนไปด้วย เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
เพราะพลังของจ้าวเทียนในตอนนี้ มันได้ถึงขีดจำกัดของเซียนขั้นสูงแล้ว การที่เขาจะไปสู่ระดับต่อไป มันต้องใช้การสั่งสมพลังอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่สามารถอาศัยทรัพยากรช่วยได้เหมือนเมื่อก่อน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เพราะร่างกายของเขาได้ดูดซึมทั้งโอสถและเลือดมังกรเข้าไป ทำให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เส้นชีพจรจิตวิญญาณและความตระหนักรู้ กลับพัฒนาตามขอบเขตพลังไม่ทัน
ซึ่งมันจะทำให้พื้นฐานของเขาไม่มั่นคง เป็นผลเสียต่อเส้นทางในอนาคต…
‘ เส้นทางฝึกตน…ต้องก้าวไปทีละขั้นอย่างมั่นคง ท่านอาจารย์เองก็คงเล็งเห็นในจุดนี้ เลยไม่ได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวมากนัก ’
วิถีเซียนที่เขาฝึกฝนในชาตินี้ แตกต่างจากเส้นทางเดิมในสมัยที่เขาอยู่บนสวรรค์ ดังนั้นเขาต้องบ่มเพาะอย่างระมัดระวัง
ปัจจุบัน เมล็ดพันธุ์สุริยันในร่างของจ้าวเทียนได้เติบโตขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก อีกเพียงไม่นานมันก็จะเข้าสู่การกลั่นหลอมตัวเอง เพื่อยกระดับเป็นโลกภายในที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้เขาบรรลุขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา
หลังจากนั้น เมื่อสั่งสมพลังให้โลกภายในที่ไม่สมบูรณ์มากพอ ตัวเขาจะต้องท้าทายทัณฑ์สายฟ้า และทำลายประตูเซียนเพื่อให้โลกภายในของเขาได้ดูดซึมพลังของสวรรค์
เมื่อถึงเวลานั้น โลกภายในของจ้าวเทียนจึงจะเติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์ และกลายเป็นโลกที่แท้จริง ที่สามารถก่อกำเนิด ฟ้า ดิน มนุษย์ ในตัวของมันเอง
‘ ตอนนี้ฉันอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นสูง…แต่เมื่อตอนที่โซเฟียมอบพรศักดิ์สิทธ์ให้ พลังของฉันก็พุ่งขึ้นไปอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นสูงสุด ’
‘ ในตอนนั้น…ฉันสามารถต่อสู้กับผู้มีพลังระดับ S ได้สบาย แล้วถ้าฉันบรรลุขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาล่ะ ’
เมื่อคิดไปถึงตรงนี้ จ้าวเทียนก็ถอนหายใจออกมา เพราะมันคงต้องใช้เวลาอีกซักพักกว่าเขาจะไปถึงขั้นนั้น
‘ จากที่ฉันคาดการณ์เอาไว้…อีกประมาณเจ็ดวัน คงจะไปถึงขอบเขตเซียนขั้นสูงสุด ส่วนขั้นต่อไปนั้น คงต้องใช้เวลาอีกนาน ’
‘ ตอนนี้เลือดมังกรปกติแทบจะไม่มีผลกับฉันแล้ว…ส่วนเลือดแก่นแท้ที่ท่านอาจารย์มอบให้ ฉันจะใช้มันหลังจากที่บรรลุครึ่งก้าวเซียนนภาแล้ว ’
‘ เพื่อใช้…ทะลวงขอบเขตเซียนนภาในคราวเดียว ’
สถานการณ์ของจ้าวเทียนนั้นแตกต่างจากเหยียนซืออู่ เหตุผลที่เมื่อเหยียนซืออู่หลอมรวมเลือดมังกร แล้วบรรลุขอบเขตครึ่งก้าวเซียนภา
ที่เป็นแบบนั้น ก็เพราะเขาสั่งสมการฝึกตนในขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดมาหลายปีแล้ว เมื่อได้รับการกระตุ้นจากเลือดมังกรจึงมีความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด
สามสิบนาทีผ่านไป
กงไป๋ฮวาได้พายายซุนเข้ามาพบจ้าวเทียน ซึ่งตอนนี้สีหน้าของยายซุนไม่ค่อยดีนัก เธอไม่มีความมั่นใจและถือดีแบบในตอนแรก
เมื่อเห็นทุกคนเดินมานั่งเรียบร้อยแล้ว
“ ผู้อาวุโส…พาเธอมาทำไมเหรอ หรือมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเขาได้ปล่อยให้ตระกูลกงไปจัดการกันเองแล้ว แค่บอกรายละเอียดให้เขารับรู้ก็พอ
‘ หรือฉันลงมือเบาไป…อีกฝ่ายเลยยังไม่รู้สถานะของตัวเอง ’
“ ยายซุน…มีบางอย่างต้องการจะถามเธอ ” กงไป๋ฮวา พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ ถามผม… ” จ้าวเทียนมองไปที่ยายซุนด้วยความสงสัย ตัวเขาเป็นแค่คนนอก จะมาสนใจเรื่องของเขาทำไม
“ คุณ…เป็นคนของผู้อาวุโสต้วนมู่เหรอ ” ยายซุนถามด้วยสีหน้าจริงจัง
จ้าวเทียนฟังแล้วก็นิ่งเงียบ เขาหันไปมองกงไป๋ฮวาด้วยความสงสัย เพราะเรื่องนี้มีคนรู้ไม่มากนัก
“ ฉันเป็นคนบอกเอง… ” กงไป๋ฮวาตอบเสียงเบา เธอรู้ว่ามันไม่ค่อยดีนัก เพราะเรื่องนี้ไม่สมควรให้คนอื่นรู้
จ้าวเทียนพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจบางอย่าง แล้วหยิบตราผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษออกมาให้ยายซุนดู
“ นี่…มันใช่จริงๆ ” ยายซุนที่เห็นตราของจ้าวเทียน ก็มีแววตาเคร่งเครียดสั่นไหว จากนั้นก็ถอนหายใจยาว
“ พายายซุนออกไปพักก่อน…ฉันมีเรื่องต้องคุยต่อ ” กงไป๋ฮวาหันไปบอกผู้คุ้มกันที่รออยู่ด้านข้าง
หลังจากรอให้ยายซุนออกไปแล้ว ในห้องตอนนี้ก็เหลือเพียงจ้าวเทียนกับกงไป๋ฮวาและกงซือลู่เท่านั้น
“ ยายซุนหัวแข็งมาก…เธอยอมตายไม่ยอมผิดกฎ ฉันเลยต้องอ้างชื่อของผู้อาวุโสต้วนมู่ไป เธอถึงจะยอมอ่อนให้ ” กงไป๋ฮวาอธิบายให้จ้าวเทียนฟัง
“ ไม่เป็นไรครับ…ถึงยังไงพอประตูสำนักโบราณเปิด พวกเขาก็รู้อยู่ดี ” จ้าวเทียนตอบแบบไม่ใส่ใจนัก
หน้าที่ของหน่วยพิเศษ ก็คือควบคุมและลงโทษพวกที่มาจากสำนักโบราณอยู่แล้ว อย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องรู้เข้าซักวัน
จากนั้นกงไป๋ฮวาก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้จ้าวเทียนฟัง
กลายเป็นว่า แท้จริงแล้วหมู่บ้านแห่งนี้คือ ตระกูลสาขาของตระกูลกงแห่งสำนักสุสานโบราณ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีหน้าที่คัดเลือกหญิงสาวที่มีพรสวรรค์ส่งไปที่สำนัก เพื่อช่วยตระกูลกงรักษาอำนาจของผู้นำเอาไว้
เนื่องเพราะสำนักสุสานโบราณรับแต่ศิษย์ผู้หญิงเท่านั้น ภายในสำนักไม่มีผู้ชายอยู่เลย ดังนั้นจึงไม่มีการให้กำเนิดทายาท ทำให้ประชากรของสำนักลดลงเรื่อยๆ
ดังนั้นเพื่อไม่ให้สำนักต้องล่มสลาย ตระกูลกงจึงสร้างสาขาขึ้นบนโลกภายนอก แล้วให้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ สร้างครอบครัวให้กำเนิดบุตร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน