คฤหาสน์หลักตระกูลจ้าว เมืองปักกิ่ง
ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น ที่จ้าวเทียนโค่นล้มอำนาจของจ้าวหงเลี่ยง ตระกูลจ้าวทั้งหมดก็ได้อยู่ในความดูแลของจ้าวเย่ซง โดยมีจ้าวหนิงเซียนขึ้นเป็นผู้อาวุโสสูงสุด
ส่วนกิจการทุกอย่างของตระกูล ก็ถูกโอนย้ายจากขั้วอำนาจเก่าไปให้คนสนิทของผู้นำตระกูลคนใหม่ ด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลภายใต้การจัดการของจ้าวเทียน
ภายในห้องรับรองด้านใน จ้าวเทียนนั่งจิบชารออย่างใจเย็น บนโต๊ะด้านขวาของเขา มีเอกสารชุดหนึ่งวางอยู่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ซุนเฉินได้มาจากการสอบสวนอดีตผู้นำตระกูลจ้าว
“ ขอโทษที่ให้รอนะ…น้องเทียน ” จ้าวเย่ซงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาเดินเข้ามาพร้อมกับพ่อของตัวเองที่นั่งอยู่บนรถเข็น
ลุงใหญ่ของจ้าวเทียนมีชื่อว่าจ้าวเว่ยฟง เขามีโครงหน้าสี่เหลี่ยมดูหนักแน่นมั่นคง แม้สีหน้าจะดูอิดโรยไปบ้าง เนื่องจากได้รับบาดเจ็บอยู่ในอาการโคม่านานเกือบครึ่งปี แต่ก็ยังคงมีสง่าราศีของผู้มีอำนาจระดับสูงอยู่
หลังจากได้รับการรักษาจากจ้าวเทียน ตอนนี้ร่างกายของจ้าวเว่ยฟง นับว่าฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เวลาเพียงสิบกว่าวันก็ลุกจากเตียงได้แล้ว คาดว่าอีกเพียงครึ่งเดือนก็น่าจะสามารถกลับมาเดินเองได้
“ ไม่เป็นไรครับ…ผมต่างหากที่มาโดยไม่ได้บอกก่อน ” จ้าวเทียนตอบกลับอย่างสุภาพ จากนั้นก็เดินเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าของจ้าวเว่ยฟงที่นั่งอยู่บนรถเข็น
“ ลุงใหญ่…ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้มาเยี่ยมลุงเลย ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด
ตอนที่เขารักษาลุงใหญ่ในตอนแรก อีกฝ่ายก็อยู่ในอาการหมดสติมาตลอด เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาได้เมื่ออาทิตย์ก่อน แต่เพราะภารกิจที่มากมายของจ้าวเทียน ทำให้ตัวเขาเองก็หลงลืมไป ว่ายังมีคนเฝ้ารอที่จะพบหน้าอยู่
“ ไม่เป็นไรหรอก…ตอนนี้หลานก็มาแล้วนี่ไง เราไม่ได้เจอกันสิบกว่าปี หลานโตขึ้นมากเลยนะ ” จ้าวเว่ยฟงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แต่พอผ่านไปซักพักน้ำตาของเขาก็ไหลออกมาเป็นสาย
!!
“ ลุงใหญ่… ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยความตกใจ
“ ไม่มีอะไรหรอก…ลุงแค่ดีใจมากไปหน่อย หลานหน้าเหมือนพ่อมากเลยนะ ” จ้าวเว่ยฟงพูดออกมาเบาๆ สายตาที่เขามองจ้าวเทียน ได้ซ้อนทับกับภาพน้องชายของตัวเอง ทำให้เขาเก็บอารมณ์ไม่อยู่
ต้องบอกเลยว่า จ้าวเว่ยฟงเหมือนตกอยู่ในความฝันอันยาวนานตลอดเวลาหกเดือนที่ผ่านมา จากนั้นก็ตื่นขึ้นมาพบกับความจริงอันแสนโหดร้าย จนเขาตั้งตัวไม่ทัน
น้องรองที่เขาสนิทสนมเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ…
น้องสามที่เขาไว้ใจ กลับเป็นคนวางแผนทำร้ายเขา…
แม้แต่บรรพชนเซียนของตระกูลที่เขาเคารพนับถือมาโดยตลอด กลับมีส่วนรู้เห็นด้วยทุกอย่าง ถึงแม้ว่าเรื่องทุกอย่างได้ถูกแก้ไขด้วยฝีมือของจ้าวเทียนไปแล้ว
แต่หัวใจของจ้าวเว่ยฟง…กลับรู้สึกว่างเปล่า
ตัวเขาในตอนนี้ เหมือนกับได้สูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไป โดยที่ไม่มีโอกาสเรียกมันกลับคืน
“ พ่อครับ… ” จ้าวเย่ซงเรียกออกมาเบาๆ เพื่อให้อีกฝ่ายได้สติ
ตัวเขารับรู้ถึงความเจ็บปวดของจ้าวเว่ยฟงดี เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาอีกซักพัก กว่าที่พ่อของเขาจะลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
“ ฉันไม่เป็นไร…ดูเหมือนฉันจะแก่แล้วจริงๆ เรื่องแค่นี้ดันทำให้พวกเธอเป็นห่วงเสียได้ ” จ้าวเว่ยฟงถอนหายใจเบาๆ เขาเช็ดคราบน้ำตาเล็กน้อย ก่อนจะหันมาพูดคุยกับจ้าวเทียนอย่างสนิทสนม
ซึ่งจ้าวเทียนเองก็ได้เล่าเรื่องราวต่างๆที่เขาพบเจอมาให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง นอกจากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความลับของแดนสวรรค์และสำนักท่านอาจารย์แล้ว ที่เหลือก็ได้ถูกเขาเล่าจนหมด
ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง หลังจากที่พูดคุยกันมาพอประมาณ จ้าวเทียนจึงส่งเอกสารที่เตรียมมาให้จ้าวเว่ยฟงอ่าน ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไปดูอย่างสนใจ
แต่ทว่า…
เมื่อมาถึงเอกสารแผ่นสุดท้าย แววตาของจ้าวเว่ยฟงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
“ พ่อ…เกิดอะไรขึ้น ” จ้าวเย่ซงถามขึ้นอย่างสงสัย ในตอนแรกทุกคนยังคุยกับแบบสบายใจอยู่เลย แต่ทำไมเมื่ออ่านเอกสารแผ่นนี้ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไป
‘ มันก็แค่…คำสารภาพผิดของอาสามไม่ใช่เหรอ ’
“ แกลองอ่านดูสิ ” จ้าวเว่ยฟงส่งเอกสารหน้าสุดท้ายให้ ซึ่งจ้าวเย่ซงก็รับไปอ่านทันที
หลังจากนั้น…
“ นี่…เรื่องจริงงั้นเหรอ ” เขาหันไปถามจ้าวเทียนด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“ จริงครับ…ก่อนจะมาที่นี่ ผมได้ส่งคนไปตรวจสอบข้อมูลที่โรงพยาบาลแล้ว เคยมีการตรวจดีเอ็นเอของจ้าวหยุนปิงจริง แต่ถูกเก็บเป็นความลับ ”
“ ซึ่งผลตรวจ…ก็เป็นตามที่อยู่บนเอกสารแผ่นนั้น ” จ้าวเทียนตอบอย่างชัดเจน เรื่องแบบนี้เขาต้องตรวจสอบอย่างแน่ใจ ถึงจะกล้ามาหาลุงใหญ่ เพราะมันกระทบกับชื่อเสียงของพ่อเขาเองด้วย
“ พ่อ…เรื่องนี้ ” จ้าวเย่ซ่งหันไปถามพ่อตัวเองทันที
“ ฉัน… ” ตอนแรกจ้าวเว่ยฟงก็ไม่อยากจะพูด แต่เมื่อเห็นสายตาของจ้าวเทียนที่มองมา เขาก็ถอนหายใจอย่างอ่อนแรง
“ ลุงใหญ่…ช่วยเล่าเรื่องทุกอย่างให้ผมฟังได้ไหม เรื่องนี้มันสำคัญกับผมมาก ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน