เช้าวันต่อมา ภายในห้องทำงานที่คฤหาสน์ดาราสวรรค์ จ้าวเทียนกำลังนั่งอ่านเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยแววตาจริงจัง
ภายในตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ต่างก็มีสายลับของรัฐบาลแฝงตัวอยู่ เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม ส่วนข้อมูลที่อยู่ตรงหน้าจ้าวเทียน ก็ได้มาจากสายลับที่แฝงตัวอยู่ในตระกูลจ้าวเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
เมื่อวานหลังจากที่กลับมาจากคฤหาสน์ของตระกูลจ้าว เขาได้สั่งให้หน่วยข่าวกรองส่งข้อมูลชุดนี้มาให้ เพราะยังรู้สึกคาใจกับเรื่องที่ลุงใหญ่เล่าให้ฟัง มันเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่สมเหตุสมผล
‘ ฉันคิดว่าพ่อคงไม่โกหกลุงใหญ่…ลิ้มเสียวฉิงคงใช้เคล็ดวิชาครอบงำเขาจริงๆ แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ทำไมเธอถึงเลือกลงมือในช่วงเวลาที่เสี่ยงแบบนั้น หรือเธอไม่สนใจเลยเหรอว่าจะมีคนมาเห็นเข้า ’
หลังจากครุ่นคิดไปซักพัก เขาก็อ่านเอกสารตรงหน้าต่อ…
ทันใดนั้น แววตาของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เพราะตามข้อมูลได้บอกว่า หลังจากที่พ่อของเขาถอนตัวออกจากตระกูลไปไม่นาน ลิ้มเสียวฉิงก็มีพลังฝีมือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนผิดสังเกต
จากนักสู้ระดับเก้า ขึ้นเป็นปรมาจารย์ในเวลาเพียงเดือนเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้พลังของเธอก้าวหน้าไปอย่างช้าๆทีละขั้น
‘ นี่…คงไม่ใช่ว่า ’
จ้าวเทียนรีบหยิบเอาข้อมูลของสำนักสราญรมย์มาเปิดดู ด้วยตำแหน่งของเขาในตอนนี้ ย่อมมีสิทธ์เข้าถึงข้อมูลลับของสำนักโบราณทั้งหมด ซึ่งมันละเอียดกว่าที่เหยียนซืออู่เล่าให้ฟังเสียอีก
เพราะรัฐบาลเองก็มีสายลับอยู่ในโลกใบเล็กเช่นกัน
‘ เคล็ดวิชาหยินหยางสองลักษณ์ ดึงดูดพลังต้นกำเนิดของเพศตรงข้าม มาเพิ่มพลังฝึกตนของตัวเอง เป็นวิชาลับของสำนักสราญรมย์ ที่ถูกถ่ายทอดให้กับศิษย์หลักเท่านั้น ’
‘ ผู้ที่ถูกช่วงชิงพลังต้นกำเนิดไป จะมีอาการอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย และมีอายุขัยลดลง ’
นี่มันตรงกับอาการของพ่อเขาทุกอย่าง ตั้งแต่ที่เขาจำความได้ พ่อก็มีอาการเจ็บป่วยอยู่เป็นประจำ ยิ่งเมื่ออายุมากขึ้นอาการพวกนี้ก็ยิ่งแสดงออกมาชัดเจน
โชคดีที่ในตอนนั้น ครอบครัวของเขายังมีเงินซื้อยาบำรุงราคาแพงได้ แต่พอกิจการล้มละลายไม่มีเงินซื้อยาบำรุงมากิน เลยทำให้พ่อของเขาล้มป่วยลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็จากไปด้วยโรคหัวใจล้มเหลว
‘ แต่ทำไม…เธอถึงใช้วิชานี้กับพ่อของฉัน ซึ่งเป็นคนธรรมดาไม่ใช่ผู้ฝึกตน แถมพลังของเธอยังเพิ่มขึ้นมหาศาลอย่างน่าเหลือเชื่อ ’
‘ ต่อให้เคล็ดวิชานี้มันจะดีแค่ไหน…ก็ไม่ควรส่งผลขนาดนั้น ’
!!
‘ หรือว่า…พ่อของฉัน ก็เป็นร่างหยางบริสุทธิ์ ’
ตามที่จ้าวเย่ซงเล่าให้ฟัง ร่างหยางบริสุทธิ์ของจ้าวหยุนปิงปรากฏขึ้น หลังจากที่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากพ่อของเขาไม่เคยฝึกยุทธ์มาก่อน ทำให้ไม่มีใครรู้เรื่องนี้
‘ บางทีในคืนนั้น…ลิ้มเสียวฉิงคงล่วงรู้ความจริงข้อนี้เข้าโดยบังเอิญ เธอจึงตัดสินใจลงมือทันที ’
‘ ส่วนเรื่องที่พวกลุงใหญ่ตามมาเจอเข้ามันคงเป็นอุบัติเหตุจริงๆ เธอคงไม่ได้คาดการณ์ว่าจ้าวเหวยเฟิงจะมาเซอร์ไพรส์เธอแบบนั้น ’
เมื่อคิดมาถึงตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดก็ลงตัว พ่อของเขาเป็นเพียงผู้รับเคราะห์เท่านั้น ต้องแบกรับความผิดทุกอย่างไว้กับตัวเอง แล้วถอนตัวออกจากตระกูล หลังจากนั้นก็ต้องเจ็บป่วยอ่อนแอมาตลอด
‘ ผู้หญิงคนนั้น…ไม่เคยรักพ่อของฉันเลย จากข้อมูลที่ฉันได้มา ตลอดเวลาที่พ่อลำบากอยู่ภายนอก เธอกลับไม่เคยสนใจใยดีแม้แต่น้อย ’
‘ หลังจากที่ได้แต่งงานกับจ้าวเหวยเฟิง เธอก็ใช้อำนาจของตระกูลจ้าว จัดหาทรัพยากรฝึกฝนให้กับตัวเอง จนกลายเป็นปรมาจารย์ระดับสูง จากนั้นเธอก็กลับสำนักไปเมื่อแปดปีก่อน ’
‘ จากความเห็นของฉัน…ลิ้มเสียวฉิงเพียงต้องการทรัพยากรและอำนาจของตระกูลจ้าวเท่านั้น เธอไม่สนว่าจะต้องแต่งงานกับใครด้วยซ้ำ จ้าวเหวยเฟิงก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของเธอ ’
เมื่อคิดว่าหญิงสาวอายุไม่กี่ปี กลับกล้าทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้ จ้าวเทียนก็ได้ขึ้นบัญชีดำกับสำนักสราญรมย์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
‘ สำหรับลิ้มเสียวฉิง…เธอถือเป็นศัตรูของฉันแน่นอน แต่กับจ้าวหยุนปิง ฉันควรจัดการยังไงดี เพราะถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องคนละแม่กัน ’
‘ ไว้หลังจับตัวเขาได้…ค่อยคิดอีกทีก็แล้วกัน ’
ความผิดของจ้าวหยุนปิงคือเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเท่านั้น ส่วนคนบงการจริงๆคือจ้าวเหวยเฟิง ซึ่งก็ได้ตายไปแล้ว
หากจ้าวหยุนปิงรู้ความจริงเรื่องพ่อของตัวเองแล้วสำนึกผิด บางทีเขาอาจจะยกโทษให้
หลังจากนั้นจ้าวเทียนก็ทำลายเอกสารทุกอย่างทิ้ง เขาสัญญากับลุงใหญ่แล้ว ว่าต้องเก็บเป็นความลับ เนื่องจากมีคนรู้เรื่องนี้แค่หกคน ต่อให้เขาเปิดเผยความจริงไป มันก็มีแต่ผลเสียกับชื่อเสียงของพ่อเขา
ทันใดนั้น สายตาของจ้าวเทียนก็มองไปยังชั้นวางหนังสืออย่างไม่ตั้งใจ
‘ ครบสิบวัน…ตามที่ท่านอาจารย์บอกแล้ว ทำไมเธอถึงยังไม่กลับมา หรือว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ’
สำหรับเรื่องนี้ จ้าวเทียนเองก็ทำอะไรไม่ได้ แม้จะรู้สึกร้อนใจ แต่เขาก็ไม่มีช่องทางติดต่อกับแดนสวรรค์เลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีแต่หลินซินเยว่เป็นคนติดต่อมาเอง
‘ ด้วยระดับฝีมือของท่านอาจารย์…คงไม่มีใครทำร้ายเธอได้หรอก อีกไม่นานเธอก็คงกลับมาแน่นอน ’
สองวันต่อมา
ภายในลานฝึกกองกำลังของจ้าวเทียน สถานที่แห่งนี้ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับเหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น ด้วยความช่วยเหลือจากหลินซูซิน ทำให้สามารถจัดตั้งเขตอาคมปิดกั้นขนาดใหญ่ได้สำเร็จ
หากลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นโดมครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ครอบคลุมเกาะหลักทั้งหมด ซึ่งมันจะช่วยป้องกันการสอดแนมจากโลกภายนอก และยังกักเก็บพลังวิญญาณมหาศาลเอาไว้ด้านในไม่ให้รั่วไหลออกไป
“ พวกคุณพร้อมหรือยัง ” จ้าวเทียนถามด้วยสีหน้าจริงจัง สายตาของเขามองตรงไปยังผู้ได้รับเลือกทั้งสิบคน ซึ่งตอนนี้ทุกคนอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงหมดแล้ว
“ พวกเราพร้อมแล้วครับ/ค่ะ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจ้าวเทียนก็ยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็มองไปยังคนอื่นๆอีกสามร้อยกว่าคนที่กำลังเฝ้าดูอยู่
“ พวกคุณทุกคน…จับตาดูช่วงเวลานี้ให้ดี ขอเพียงทุ่มเทความสามารถทำงานให้ฉันอย่างเต็มที่ พวกคุณก็มีสิทธิ์ได้รับโอกาสแบบนี้เช่นกัน ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน