เป็นเวลากว่าห้าร้อยปีแล้ว ที่เหล่าสำนักโบราณได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในโลกใบเล็กแห่งนี้ และสำนักใหญ่ทั้งห้าก็ได้ก่อตั้งสมาพันธ์บู๊ลิ้มขึ้นเพื่อปกครองทุกคน
สิ่งที่ทำให้พวกเขาสามารถออกคำสั่งกับสำนักอื่นๆได้ ก็คือป้ายประกาศิตทั้งห้าอัน ที่สามารถควบคุมพลังฟ้าดินในโลกแห่งนี้ได้
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจ้าสำนักใหญ่ทั้งห้าได้ป้ายนี้มาอย่างไร แต่ที่รู้คือถ้าหากสำนักอื่นไม่ทำตาม ก็จะโดนขับไล่ออกจากโลกใบนี้
ด้วยอำนาจของป้ายทั้งห้า สามารถควบคุมปราณฟ้าดินและชีพจรมังกรของสำนักต่างๆได้ นั่นเท่ากับยึดกุมความเป็นความตายของอีกฝ่ายไว้ในมือ
สุดท้ายทุกคนจึงต้องยอมก้มหัวให้อย่างไม่มีทางเลือก…
แต่ยังโชคดี ที่แผ่นป้ายทั้งห้าอันจะต้องใช้งานพร้อมกันถึงทำเรื่องแบบนั้นได้ ทำให้สมาพันธ์บู๊ลิ้มรักษาสมดุลทางอำนาจมาได้จนถึงปัจจุบัน
ดังนั้น เมื่อนักพรตฮวยเหล็งนำแผ่นป้ายประกาศิตบู๊ลิ้มออกมา แววตาของเจ้าสำนักคนอื่นก็เปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที
“ จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เลยหรือ…อีกฝ่ายเป็นแค่ชายหนุ่มสองคนเองนะ ” เฮ้งหยวนจือไม่ค่อยเห็นด้วยซักเท่าไหร่ นี่มันดูน่าขายหน้ามากเกินไป ที่ห้าสำนักใหญ่ถึงกับต้องใช้แผ่นป้ายประกาศิตบู๊ลิ้ม เพื่อระดมพลจากสำนักอื่นๆจัดการศัตรูเพียงสองคน
“ เหอะ…หากพวกเรายังมัวห่วงหน้าตาของตัวเองอยู่ ก็คงมีแต่ความตายที่รออยู่เท่านั้น บางทีคุณอาจจะยังไม่รู้ ก่อนที่จ้าวเทียนจะบุกเข้ามาในโลกของเรา เขาได้สังหารเซียนขั้นสูงและขั้นกลางไปถึงสิบสามคนด้วยตัวคนเดียว ”
“ แม้แต่…ผู้อาวุโสซู่หยางที่ฉันส่งไปโลกภายนอก ก็ยังพ่ายแพ้และจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของเขา ” นักพรตฮวยเหล็งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา นี่เป็นข้อมูลล่าสุดที่เขาเพิ่งได้รับมา ตอนที่กำลังบินมายังสำนักง้อไบ๊ ทำให้ไม่ได้บอกคนอื่น
“ ว่าไงนะ…นี่มันเป็นไปไม่ได้ กองกำลังที่พวกเราส่งไปมีเซียนขั้นสูงสุดถึงสี่คน ที่เหลือยังเป็นยอดฝีมือระดับสูงของสมาพันธ์ จะถูกชายหนุ่มเพียงคนเดียวสังหารจนหมดได้อย่างไร ” เฮ้งหยวนจือพูดขึ้นด้วยความตกใจ
เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่กล้าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น แต่สิ่งที่ได้ยินมันขัดแย้งกับสามัญสำนึกของเขามากเกินไป จึงทำใจเชื่อได้ยาก
‘ ไม่แปลกใจเลย…ที่นักพรตฮวยเหล็งจะจริงจังกับเรื่องนี้มาก เพราะผู้อาวุโสซู่หยางเป็นสหายที่เติบโตมาด้วยกันกับเขา ’
‘ แบบนี้แสดงว่า…ผู้อาวุโสขอบเขตเซียนขั้นสูงสุด สองคนที่ฉันส่งไป ก็ถูกจ้าวเทียนสังหารแล้วสินะ เรื่องนี้มันสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสมาพันธ์จริงๆ ’
“ ฉันเห็นตรงกันกับเจ้าสำนักบู๊ตึ๊ง…ลองคิดดู ถ้าพวกจ้าวเทียนสามารถทำแบบนี้กับสำนักของฉันได้ อย่างนั้นพวกเขาก็สามารถทำกับสำนักของพวกคุณได้เช่นกัน ”
“ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสำนักระดับกลางและสำนักระดับเล็กพวกนั้น ที่มีค่ายกลป้องกันอ่อนกว่าของพวกเรามาก หากจ้าวเทียนกำหนดเป้าหมายที่พวกเขาจริงๆ ก็คงต้องถูกกวาดล้างไปอย่างแน่นอน ”
“ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของพวกเราอีกต่อไปแล้ว…แต่มันเป็นความเป็นความตายของพวกเราทั้งสมาพันธ์ ” จินเก็งซือไท่พูดเสียงจริงจัง จากนั้นเธอก็พลิกฝ่ามือขึ้นมา แผ่นป้ายประกาศิตบู๊ลิ้มอีกอันก็ปรากฏขึ้นทันที
ตอนนี้สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่เฮ้งหยวนจือ ทำให้เขาต้องถอนหายใจยาวแล้วเรียกแผ่นป้ายประกาศิตบู๊ลิ้มออกมาเช่นกัน
“ ครั้งนี้…พวกเราจะใช้ประกาศิตล่าสังหาร เพราะฉะนั้นใช้แค่สามแผ่นป้ายก็พอ ” นักพรตฮวยเหล็งพูดขึ้น ทำให้เจ้าสำนักอีกสองคนพยักหน้าตกลง
ในการใช้งานป้ายประกาศิตบู๊ลิ้ม แบ่งออกเป็นสองอย่าง อย่างแรกคือ ควบคุมพลังปราณฟ้าดินต้องใช้แผ่นป้ายทั้งห้าอัน ส่วนอย่างที่สองคือ ประกาศิตล่าสังหาร ต้องใช้แผ่นป้ายตั้งแต่สามอันขึ้นไป
ตั้งแต่มีการก่อตั้งสมาพันธ์บู๊ลิ้มขึ้นมา พวกเขาเคยใช้ประกาศิตล่าสังหารเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น โดยเป้าหมายในอดีตคือ จอมมารพิษอันชั่วร้ายและหลวงจีนปีศาจศิษย์ทรยศวัดเส้าหลิน
เร็วที่สุดเพียงหนึ่งวัน ส่วนที่ช้าสุดก็สามวัน เป้าหมายต่างถูกตามล่าสังหารจนสิ้นชีพ ด้วยกองกำลังจากทุกสำนัก ไม่มีที่ใดให้ซ่อนตัวได้
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของประกาศิตล่าสังหารคือ สามารถใช้ได้ทุกห้าสิบปีเท่านั้น เพราะมันใช้พลังจากป้ายประกาศิตมากเกินไป
ครืนนน!
กระแสพลังบริเวณสำนักง้อไบ๊เริ่มปั่นป่วน จากนั้นเมื่อนักพรตฮวยเหล็งสะบัดมือเบาๆกลิ่นอายตกค้างจากการต่อสู้ของทั้งจ้าวเทียนและคังหลิน ก็ถูกดึงดูดเข้าไปในแผ่นป้ายทั้งสาม
วูปป!
แสงสว่างอันเจิดจ้าระเบิดออกมาป้ายประกาศิตบู๊ลิ้ม กลายเป็นเสาลำแสงสีขาวเชื่อมต่อกับแผ่นฟ้าเบื้องบน
อีกทางด้านหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน