หลังจากที่พาคังหลินหนีออกมาได้ไกลพอประมาณ จ้าวเทียนก็หยุดพักรักษาตัวที่ถ้ำแห่งหนึ่ง เพราะอาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดี การฝืนใช้ความเร็วเต็มที่เป็นเวลานาน จะทำให้บาดแผลเปิดออก
“ ศิษย์พี่…โลกใบนี้มันคืออะไรกันแน่ ฉันสัมผัสได้ว่ามันแตกต่างจากโลกมนุษย์ เหมือนถูกควบคุมด้วยกฎเกณฑ์บางอย่าง คอยจำกัดความสามารถของผู้ฝึกตน ”
เมื่อได้ยินคำถามของจ้าวเทียน คังหลินก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายออกมาตามการคาดเดาของตัวเอง
“ หลังจากที่ตรวจสอบความทรงจำของเจ้าของร่าง บวกกับความรู้สึกแปลกๆที่สัมผัสได้ในตอนที่มาถึง มันทำให้ฉันได้ข้อสรุปที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ ”
“ ฉันคิดว่า…แท้จริงแล้วโลกที่พวกเราอยู่ตอนนี้ ก็คือโลกภายในของเทพโลกาคนหนึ่ง ”
!!
“ นี่มัน…เป็นไปไม่ได้หรอก คุณก็รู้ว่าโลกภายในคือต้นกำเนิดพลังของขอบเขตเทพโลกา หากมันถูกทำลายนั่นหมายถึงต้องสูญเสียทุกอย่าง ”
“ ดังนั้น…คงไม่มีเทพโลกาคนไหนยอมให้พวกสำนักโบราณเข้ามายึดครองแน่นอน ” จ้าวเทียนพูดแย้งขึ้นด้วยเหตุผล
“ แต่ถ้าหาก…เทพโลกาคนนั้นถูกทำให้อยู่ในสภาวะนิทราอันยาวนานล่ะ เขาย่อมไม่สามารถต่อต้านอะไรได้ใช่ไหม ” คังหลินพูดขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจ
“ เรื่องนี้… ” จ้าวเทียนเริ่มรู้สึกคล้อยตาม เพราะภายในใจลึกๆของเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธความคิดนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้มันเหมือนกับโลกภายในไม่มีผิด
“ เจ้าของร่างที่ฉันหลอมรวม…มีชื่อว่าฉินหนาน เป็นหนึ่งในทายาทตระกูลใหญ่ของมนุษย์ที่ถือกำเนิดขึ้นในโลกใบนี้ ”
“ ตระกูลของเขามีประวัติศาสตร์สืบทอดกันมานานหลายพันปีแล้ว ก่อนที่พวกสำนักโบราณจะเข้ามาเมื่อห้าร้อยปีก่อน ”
“ โลกใบนี้…เดิมทีถูกเรียกว่าโลกหมิงหลง เป็นโลกขนาดเล็กที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ประมาณสามสิบล้านคน เพราะข้อจำกัดทางสายเลือด ทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีต้นกำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้สามารถฝึกฝนได้ถึงขั้นปรมาจารย์เท่านั้น ”
“ นี่จึงเป็นเหตุผล…ที่พวกเขาไม่สามารถต่อต้านพวกสำนักโบราณได้ พลังมันแตกต่างจนเกินไป และเพราะขีดจำกัดทางสายเลือดนี่เอง ที่ทำให้พวกสำนักโบราณมองพวกเขาเป็นเพียงชนพื้นเมืองไร้พรสวรรค์ แล้วโยนหน้าที่ใช้แรงงานต่างๆมาให้ ”
“ ในตอนแรกพวกสำนักโบราณก็รับคนจากโลกหมิงหลงเข้ามาเป็นศิษย์เหมือนกัน เพราะด้วยจำนวนคนที่มากมาย ทำให้พวกเขาสามารถสร้างกองทัพได้สบาย จนกระทั่งผ่านไปร้อยปี ผลที่ได้รับก็ทำให้พวกเขาสิ้นหวัง ”
“ คนบนโลกหมิงหลงพรสวรรค์ต่ำเตี้ยจนน่าสงสาร…การจะทำให้พวกเขาบรรลุขอบเขตปรมาจารย์ มันยากกว่าปกติมาก ในจำนวนหนึ่งพันคนที่ทุ่มเทฝึกฝนเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี มีเพียงร้อยห้าสิบคนเท่านั้นที่ขึ้นเป็นปรมาจารย์ได้ ส่วนคนที่เหลือก็ตายเพราะหมดอายุขัย ”
“ บทสรุปเช่นนี้…ทำให้คนบนโลกหมิงหลงโดนดูถูกยิ่งกว่าเดิม จนไม่มีสำนักไหนอยากจะเสียเวลาและทรัพยากรไปกับพวกเขาอีก ”
“ เคยมีศิษย์จากสำนักโบราณแต่งงานกับมนุษย์ในโลกหมิงหลง เพื่อหาทางทำลายข้อจำกัดทางสายเลือดนี้ แต่มันกลับไร้ผล เพราะทายาทที่เกิดมาทุกคนต่างก็มีขีดจำกัดอยู่ที่ขอบเขตปรมาจารย์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ”
“ สุดท้ายทางสมาพันธ์บู๊ลิ้ม จึงออกกฎไม่ให้คนจากสำนักโบราณไปแต่งงานสร้างทายาทกับคนในโลกหมิงหลง เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังของพวกเขาถูกดึงต่ำลง ”
“ นี่จึงเป็นเหตุผลที่สำนักโบราณต้องออกไปคัดเลือกศิษย์จากโลกภายนอก เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรในสำนัก ”
เมื่อฟังเรื่องที่คังหลินเล่ามาทั้งหมด จ้าวเทียนก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ตอนนี้เขายืนยันความคิดที่ว่าโลกใบนี้เป็นโลกภายในของเทพโลกาเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกสำนักโบราณเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร และใช้วิธีไหนทำให้เทพโลกาคนนั้นต้องอยู่ในสภาวะนิทราอันยาวนาน แต่ด้วยขีดจำกัดที่ปรากฏขึ้นบนสิ่งมีชีวิตที่มีต้นกำเนิดบนโลกใบนี้มันชัดเจนมาก
‘ ดูจากข้อจำกัดทางสายเลือดและจำนวนประชากร…โลกใบนี้คงเป็นของเทพโลกาขั้นแรกหรือขั้นที่สอง มันเพิ่งถูกสร้างขึ้นยังไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่ ’
‘ มีหนทางเดียว…ที่สิ่งมีชีวิตบนโลกนี้จะยกระดับเหนือขอบเขตปรมาจารย์ได้ คือต้องให้เจ้าของโลกหมิงหลงทะลวงขอบเขตเป็นเทพโลกาขั้นสาม จากนั้นสิ่งมีชีวิตในโลกหมิงหลงจึงจะยกระดับเป็นเซียนได้ ’
ทุกครั้งที่เทพโลกาทะลวงขอบเขต โลกภายในของเขาจะใหญ่ขึ้น รวมทั้งสิ่งมีชีวิตในโลกนั้นก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น นี่จึงเป็นต้นกำเนิดพลังที่แท้จริงของเทพโลกา ตัวเขาเปรียบเสมือนพระเจ้าของโลกใบหนึ่ง
สามารถดึงพลังจากโลกภายในของตัวเองมาใช้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด แม้แต่การเซ่นสังเวยสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเพื่อระเบิดพลังอันแข็งแกร่งเหนือขีดจำกัดออกมาก็สามารถทำได้
จ้าวเทียนยังเคยได้ยินมาว่า เคยมีเผ่าพันธุ์หนึ่งในยุคแดนสวรรค์โบราณ คิดค้นวิชาที่สามารถนำสิ่งมีชีวิตจากโลกภายในของตัวเองออกมาสู้ได้ ซึ่งมันน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน