หลังจากที่กองกำลังองครักษ์ของตระกูลฉิน ได้เข้าปิดล้อมพื้นที่ไว้เรียบร้อย พวกกองกำลังเงาปีศาจที่เหลืออีกเกือบเจ็ดสิบคนก็ได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก
พวกเขาล้วนไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้ดีว่าเหตุการณ์ทั้งหมดในวันนี้ เกิดเพราะการแย่งชิงอำนาจของพวกระดับสูง มันไม่ได้เกี่ยวกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
หากยังตัดสินใจจะสู้ต่อ ก็คงต้องตายกันจนหมดสิ้น แน่นอนว่าไม่มีใครอยากตายไปอย่างไร้ค่า แรกเริ่มเดิมทีคนที่พวกเขาต้องจงรักภักดีก็คือตระกูลฉินอยู่แล้ว ไม่ใช่ผู้อาวุโสฉินซู่โหว
“ ทิ้งอาวุธยอมจำนน…ไม่งั้นตาย ” แม่ทัพชราเกราะทอง พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
เขาคืออดีตผู้นำตระกูลฉินและเป็นท่านปู่ของคังหลิน หนึ่งในสองปรมาจารย์ขั้นสูงของเมืองเหล็กดำ มีชื่อว่าฉินป๋ออวิ๋น
พวกกองกำลังเงาปีศาจที่ได้ยิน ต่างก็มองกันเองอย่างลังเล แต่ก็มีบางคนที่ตัดสินใจได้รวดเร็ว รีบหันไปบอกสหายที่อยู่ด้านข้างให้ยอมแพ้ ชายชราคนนี้ต่างหากคือเจ้านายที่แท้จริงของพวกเขา
ดังนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ทำให้ทุกคนพากันทยอยทิ้งอาวุธลง แล้วนั่งรอยอมรับการจับกุมแต่โดยดี
“ อาหนาน เป็นยังไงบ้าง…ขอโทษที่พวกเรามาช้าไป ” ฉินเซียวเย่รีบพุ่งเข้ามาดูอาการน้องชายด้วยความกังวล เธอรีบหยิบโอสถฟื้นฟูป้อนใส่ปากเขาทันที
ส่วนพ่อของคังหลินนั้น เมื่อเห็นว่าลูกชายไม่เป็นอะไร เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วปล่อยให้สองพี่น้องดูแลกันเอง ส่วนตัวเขาก็พากองกำลังส่วนหนึ่งไปจัดการกับพวกคนที่ยอมจำนน
ตอนนี้การต่อสู้ทางฝั่งจ้าวเทียนใกล้จะจบแล้ว ผู้อาวุโสฉินซู่โหวโดนไล่ต้อนอย่างไร้ทางสู้ ต่อให้รวมเอาปรมาจารย์อีกสี่คนที่เหลือเข้าไป ก็ทำได้แค่ช่วยยื้อเวลาแพ้ออกไปเท่านั้น
คิดว่าอีกไม่ถึงห้านาที ก็คงถูกจ้าวเทียนสังหารจนหมดสิ้น คังหลินที่มองผลการต่อสู้ออก จึงเริ่มเดินลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บอย่างเบาใจ
“ พี่หญิง…พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไง ” คังหลินถามขึ้นอย่างแปลกใจ เขาได้ยินพวกศัตรูพูดออกมาว่า ได้ส่งคนไปสกัดขุมกำลังของฝ่ายเขาที่ตระกูลฉินแล้ว
ด้วยความรอบคอบของแม่ทัพฉินโฮว่หมิง ไม่น่าปล่อยให้มีข้อผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้น เขาพูดออกมาเองว่าถ่วงเวลาได้หนึ่งชั่วโมง
แต่นี่เวลาเพิ่งผ่านมาได้เพียงยี่สิบนาทีเท่านั้น กำลังเสริมของพวกเขาก็มาถึงแล้ว
“ เรื่องนี้ ต้องขอบคุณองค์หญิงนะ…หากไม่ได้เธอ พวกเราคงถูกสกัดอยู่ในจวนเจ้าเมืองอีกนาน ฝ่ายตรงข้ามถึงกับส่งรองแม่ทัพพร้อมทหารห้าร้อยนาย กับผู้อาวุโสระดับสูงในสภาสามคนไปถ่วงเวลาพวกเราไว้ ”
“ แม้แต่ท่านพ่อเองก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะผู้อาวุโสระดับสูงคนนั้นเป็นคนที่เมืองหลวง ส่งมาจับตาดูพวกเรา ” ฉินเซียวเย่อธิบายออกมาอย่างละเอียด
“ ตอนนี้…คนพวกนั้นอยู่ที่ไหน องค์หญิงใช้วิธีอะไรจัดการกับพวกเขา ” คังหลินถามด้วยความอยากรู้
ฉินเซียวเย่ที่ได้ยิน ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วชี้นิ้วไปที่รถม้าคันหนึ่งที่เพิ่งมาจอดไม่ห่างจากพวกเขานัก คังหลินที่เห็นแบบนั้นก็หันมองตามไปทันที
แกร็ก!
ประตูรถม้าเปิดออก สาวใช้สองคนรีบออกมา แล้วยืนรออยู่ด้านข้าง จากนั้นหญิงงามสวมชุดสีทองแบบชาววังก็ก้าวออกมา
องค์หญิงฉินฟ่านเออร์ในตอนนี้ดูแตกต่างจากเดิมเป็นอย่างมาก รูปโฉมที่งดงาม แววตาทอประกายแห่งปัญญา รวมทั้งท่าทางที่ดูสูงสง่าเหมือนพญาหงส์ นี่สินะจึงเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ
หลังจากที่เธอปรากฏตัวขึ้น ก็ได้ดึงดูดสายตาของทุกคนไปในทันที แม้แต่กองกำลังเงาปีศาจที่สูญเสียความเป็นชาย ก็ยังจ้องมองเธอด้วยความเคลิบเคลิ้มหลงใหล
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว ก็ได้มีรถม้าอีกคันเข้ามาจอดเหมือนกัน และผู้ที่ก้าวออกมาก็คือรองแม่ทัพและผู้อาวุโสระดับสูงจากสภา ที่ฉินเซียวเย่พูดถึง
ท่าทีของพวกเขานั้นดูนอบน้อมเป็นอย่างมาก เหมือนกับกลายเป็นคนรับใช้ขององค์หญิงอย่างไรอย่างนั้น
ยิ่งเมื่อรองแม่ทัพคนนั้น เห็นร่างไร้ศีรษะของแม่ทัพฝ่ายตนที่ถูกจ้าวเทียนตัดไป ก็ต้องสะท้านกายด้วยความหยาวเหน็บ เขารีบคุกเข่าก้มหัวให้ แล้วเสนอตัวขอทำความดีไถ่โทษทันที
“ องค์หญิง…ผมขออาสาเข้าไปเกลี้ยกล่อมพวกกองทหารรักษาเมืองเอง พวกเขาแค่ถูกท่านแม่ทัพหลอกใช้เท่านั้น ผมกล้ารับประกันว่าพวกเขายังคงเป็นทหารแคว้นต้าฉิน ไม่มีทางคิดกบฏเด็กขาด ”
“ เรื่องนี้…คุณต้องไปขอร้องนายน้อยฉินหนานเอง ว่าเขาจะยินยอมหรือเปล่า ” ฉินฟ่านเออร์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็พาทุกคนเดินเข้าไปหาคังหลิน
“ นี่มัน…ทำไมถึงต้องเป็นนายน้อยฉินหนานล่ะ เขาเป็นเพียงบุตรชายคนหนึ่งของท่านเจ้าเมือง ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งเลยนะ ” รองแม่ทัพถามกลับด้วยแววตาแปลกใจ
ทำไมถึงไม่ขออนุญาตจากท่านเจ้าเมือง หรือท่านปู่ของเขา จะให้ไปพูดเรื่องสำคัญแบบนี้กับคุณชายไร้น้ำยาอย่างฉินหนานทำไม
ในอดีตที่ผ่านมา ทุกคนในเมืองเหล็กดำต่างก็รู้เรื่องความไร้สามารถของคุณชายตระกูลฉินดี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีนิสัยชอบรังแกระรานคนอื่น แต่ก็เป็นคนที่มีนิสัยอ่อนแอโง่เขลา ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่ใช่คนที่ตระกูลฉินจะฝากอนาคตไว้ได้
“ ฉันแนะนำให้คุณลบภาพตัวเขาในอดีตออกไป…หลังจากผ่านการต่อสู้เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะฉะนั้นห้ามแสดงท่าทีดูถูกเขาเด็ดขาด ”
“ เห็นแก่ที่คุณเป็นคนมีความสามารถ…มันคงน่าเสียดายถ้าหลังจากนี้ คุณจะต้องสูญเสียตำแหน่งรองแม่ทัพไป ดังนั้น จงไปขอสวามิภักดิ์กับนายน้อยฉินหนานซะ นี่ก็เพื่อตัวคุณเอง ”
สิ่งที่ได้ยินมาทำให้รองแม่ทัพรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าในทันที เขาเชื่อว่าผู้ทรงปัญญาอย่างองค์หญิงคงไม่โกหกเขา
ตอนนี้ คังหลินกำลังยืนรอการมาถึงของฉินฟ่านเออร์ด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก หลังจากกินโอสถฟื้นฟูเข้าไปเรี่ยวแรงของเขาก็ฟื้นคืนกลับมาสามส่วน จนสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
“ ฉันเอง…ก็นึกว่าเธอจะมาถึงก่อนหน้านี้ซะอีก ” คังหลินเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน แต่ประโยคที่เขาพูดออกมา ทำให้ทุกคนที่ได้ยินหน้าเปลี่ยนสีทันที เพราะมันถือเป็นการเสียมารยาทและไม่ให้เกียรติกับองค์หญิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน