ณ สถานที่จัดงานชุมนุมกระบี่สำนักหัวซาน
จ้าวเทียนกำลังเดินมองบรรยากาศรอบๆ ด้วยความแปลกใจ ด้านในนี้แตกต่างจากที่เขาคิดเอาไว้มาก
ถึงแม้จะมีกลิ่นอายจีนโบราณอยู่บ้าง จากเครื่องแต่งกายของผู้ที่เข้าร่วมงาน แต่ทางด้านการจัดเตรียมสถานที่นั้น กลับคล้ายงานจัดแสดงสินค้าเสียมากกว่า
“ เชิญทางนี้…ศิษย์พี่เฟยของพวกเรา กำลังแสดงเคล็ดวิชากระบี่พายุให้ทุกท่านได้ชม ”
ตัวแทนสำนักหัวซานหลายกลุ่ม จับจองพื้นที่เป็นของตัวเอง เพื่อจัดการแสดงโชว์สาธิตเคล็ดวิชากระบี่ประจำสำนัก
“ ทุกท่าน…พวกเรามียาหยวนตันราคาพิเศษมาจำหน่าย ขวดละสิบหินวิญญาณขนาดกลางเท่านั้น ”
“ ดาบเหล็กดำเล่มนี้ ถูกสร้างเลียนแบบอาวุธคู่กายของเทพกระบี่ในตำนาน ราคาเพียงเก้าสิบหินวิญญาณระดับกลางเท่านั้น ”
หรือแม้กระทั่งการจำหน่ายยาโอสถ หรืออาวุธเครื่องป้องกันที่ศิษย์ในสำนักสร้างขึ้น จ้าวเทียนก็ยังเห็นอีกหลายร้าน จุดประสงค์ของพวกเขาคงต้องการดึงดูดความสนใจของผู้เข้าร่วมงาน
‘ ฉันคิดว่า…เจ้าสำนักหัวซานคนปัจจุบัน ควรจะเปลี่ยนอาชีพไปเปิดบริษัททำการค้า น่าจะเหมาะสมกว่า ’
จ้าวเทียนคิดขึ้น พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆด้วยความเหนื่อยใจ
ตลอดเวลาที่เขาเดินมา พบเห็นปรมาจารย์ไร้สังกัดหลายคน และพวกศิษย์จากสำนักระดับเล็ก ล้วนแต่ถูกคนจากสำนักหัวซานหลอกล่อให้เข้าร่วม ด้วยเคล็ดวิชาและโอสถวิเศษ
โชคดีที่เมื่อคนพวกนั้นเห็นหน้ากากของจ้าวเทียนก็รีบเดินหลบออกไปทันที ดูเหมือนกองกำลังเงาปีศาจจะถูกพวกคนจากสำนักโบราณรังเกียจจริงๆ
แต่เป็นแบบนี้ก็ดี…จ้าวเทียนจะได้ไม่ต้องรู้สึกรำคาญเวลาอีกฝ่ายเข้าหา
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง กว่างานชุมนุมกระบี่ครั้งที่สามจะเริ่มต้น สำหรับส่วนที่เป็นลานประลองนั้นจะอยู่ตรงพื้นที่ขนาดใหญ่ ที่สำนักหัวซานได้เตรียมการเอาไว้
สำนักหัวซานได้สร้างลานประลอง เป็นลักษณะคล้ายกับโดมสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ มันถูกออกแบบให้ผสมผสานระหว่างสมัยใหม่กับสมัยเก่าอย่างลงตัว โดยสามารถจุคนนับหมื่นได้เลยทีเดียว
‘ ฉันหวังว่า…เลือดแก่นแท้มังกร จะช่วยให้เทพกระบี่บรรลุขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาได้ ’
ย้อนกลับไปตอนที่จ้าวเทียนรู้เรื่องตำหนักเทวะจากเทพกระบี่ ก็ได้ยื่นข้อเสนอให้เทพกระบี่ช่วยเหลือเขาสามครั้ง แลกกับการช่วยให้อีกฝ่ายบรรลุขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา
จ้าวเทียนยังมีเลือดแก่นแท้มังกรอยู่หนึ่งขวด ซึ่งมีอยู่ประมาณห้าสิบหยด เขาได้ใช้กับเฉินจิ้งไปแล้วหนึ่งหยด เท่ากับเหลืออีกสี่สิบเก้าหยด
ครั้งนี้จ้าวเทียนเลยตัดใจแบ่งให้เทพกระบี่ไปอีกสามหยด ซึ่งน่าจะเพียงพอทำให้อีกฝ่ายยกระดับได้สำเร็จ ด้วยขอบเขตของเทพกระบี่ในตอนนี้ หากเขากลายเป็นครึ่งก้าวเซียนนภา
จ้าวเทียนก็จะมียอดฝีมือระดับต้วนมู่เฉียนมาช่วยเหลืออีกคน แผนการของเขากับคังหลินก็จะมีโอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นหลายส่วน
หืม…นั่นมัน
จ้าวเทียนเห็นที่ด้านหน้ามีคนหลายสิบคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ อีกทั้งยังได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาจึงเดินเบียดผู้คนเข้าไปดู
!!
ภาพที่จ้าวเทียนเห็นคือการเผชิญหน้าของคนสองกลุ่ม ฝ่ายหนึ่งคือศิษย์สำนักหัวซานสิบคน ดูจากเครื่องแต่งกายและสัญลักษณ์ที่อกเสื้อเหมือนกับของเซียวคงอู่ พวกเขาคงเป็นศิษย์จากฝ่ายลมปราณ
ส่วนฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบอยู่ก็คือ องค์หญิงแคว้นต้าหมิงกับผู้คุมกันอีกสี่คน ที่ตอนนี้กำลังยืนเตรียมพร้อมต่อสู้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แต่สิ่งที่ทำให้จ้าวเทียนรู้สึกยินดี จนเผลอยิ้มออกมาด้านหลังหน้ากากโดยไม่รู้ตัว ก็คือสาวงามชุดขาวที่ยืนอยู่ด้านข้างองค์หญิงแคว้นต้าหมิง
‘ นั่นเธอใช่ไหม…กงเสี่ยวเหมย ’
จ้าวเทียนยืนมองหญิงสาวคนนี้ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก กงเสี่ยวเหมยได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากจนเขาเกือบจำไม่ได้
‘ จะว่าไป…ฉันก็ไม่เคยเห็นเธอตอนไม่สวมแว่นตามาก่อน มันก็เลยรู้สึกไม่คุ้นเคยละมั้ง ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน