การลงมือของจ้าวเทียนทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปในทันที ถึงแม้ปรมาจารย์สองคนที่ถูกฟาดกระเด็นไปจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
แต่แค่จ้าวเทียนก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พวกลูกน้องของเซียวม่อเฟยก็พากันถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นผลจากสิ่งที่จ้าวเทียนได้ทำเอาไว้ แม้แต่หุ่นเหล็กดำยังถูกเขาฟันขาดเป็นสองส่วน ปรมาจารย์ระดับสูงและระดับกลาง ย่อมไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับเขาอยู่แล้ว
ในตอนแรกที่เซียวม่อเฟยวางแผนไว้ คือการใช้ปรมาจารย์สิบคน รุมโจมตีเข้าใส่จ้าวเทียนพร้อมกัน ไม่ใช่การต่อสู้แบบเจ็ดต่อสิบแบบนี้
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็หันไปมองที่เซียวม่อเฟย เพราะเขาจะต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะสู้หรือถอย
“ ฉินหวง…แกกล้าลอบโจมตีศิษย์น้องของฉันงั้นเหรอ อย่าลืมว่าตอนนี้แกอยู่ในสำนักหัวซานของฉัน ช่างรนหาที่ตายจริงๆ ” เซียวม่อเฟยพูดข่มขู่ออกมาเสียงดัง เขาต้องการใช้สำนักหัวซานกดดันจ้าวเทียน
“ ถ้าแกจะสู้ ก็เข้ามาเลย…อย่ามัวพูดจาไร้สาระ เพราะมันจะทำให้แกดูเป็นคนโง่ ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชา
“ หนอยแก…ปากดีนักนะ ” เซียวม่อเฟยกัดฟันพูดขึ้นด้วยความโกรธ แต่เขาก็ไม่กล้าเข้าไปอย่างที่บอกจริงๆ
“ สหายฉินหวง…ขอบคุณที่เข้ามาช่วยพวกเรา ครั้งหน้ามีโอกาสฉันจะต้องตอบแทนแน่นอน ” องค์หญิงจูม่านฉีพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง
เธอเป็นคนจดจำบุญความแค้นชัดเจน ความช่วยเหลือของจ้าวเทียนทั้งสองครั้ง เธอจะต้องตอบแทนแน่นอน
“ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ…คนพวกนี้มีเป้าหมายที่ตัวฉันเลยทำให้พวกเธอต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ” จ้าวเทียนพูดออกมาตามตรง เขารู้ว่าองค์หญิงเองก็ดูออก แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดออกมา เพราะตั้งแต่แรกจุดประสงค์ของเธอ คือต้องการที่จะเป็นสหายกับตัวเขาอยู่แล้ว
ฝ่ายกงเสี่ยวเหมยนั้น ตอนนี้เธอกำลังยืนมองแผ่นหลังจ้าวเทียนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แม้ว่าผลของเคล็ดวิชาที่จ้าวเทียนใช้ปลอมตัว จะเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายดั้งเดิมของเขาไปทั้งหมด
แต่ด้วยความที่เคยเจอกันมาก่อนหลายครั้ง ทำให้กงเสี่ยวเหมยรู้สึกคุ้นเคยกับชายสวมหน้ากากคนนี้อย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งภาพที่อีกฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือเธอแบบนี้ มันก็ได้ไปซ้อนทับกับความทรงจำในอดีตที่คลับแมวป่า
“ คุณชื่อฉินหวงงั้นเหรอ…เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า ” กงเสี่ยวเหมยตัดสินใจถามออกไป โดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงต้องถามออกไปแบบนั้น
‘ ฉันคิดอะไรอยู่…เขาไม่มีทางมาอยู่ที่นี่ได้หรอก ’
แต่ยังไม่ทันที่จ้าวเทียนจะตอบอะไรออกไป เซียวม่อเฟยเมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนเองหมายปอง แสดงท่าทีสนใจศัตรูก็ระเบิดความเกรี้ยวกราดออกมาทันที
“ บัดซบ…จัดการพวกมัน! ”
สิ้นเสียง พวกเซียวม่อเฟยหกคนก็พุ่งเข้าใส่จ้าวเทียนในพริบตา ทิ้งให้อีกสี่คนที่เหลือไปถ่วงเวลาพวกองค์หญิงกับกงเสี่ยวเหมยเอาไว้
พลังปราณอันเกรี้ยวกราดและดุดัน ระเบิดออกมาจากปรมาจารย์ขั้นสูงทั้งห้าคนที่เข้าเผชิญหน้ากับจ้าวเทียน
ในการต่อสู้ของปรมาจารย์ด้วยกันในสำนักโบราณนั้น จะไม่มีใครใช้สนามพลังปรมาจารย์เพราะสิ้นเปลืองพลังและแทบจะไร้ผลต่อฝ่ายตรงข้าม
พวกเขาถูกฝึกมา ให้ทุ่มเทลมปราณทั้งหมดไปในการโจมตีอันรุนแรง เพื่อจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
“ ลมคลั่งฝนกระหน่ำ! ”ๆๆๆๆ
ปรมาจารย์ทั้งห้าคน ทะยานร่างฟันกระบี่เข้าใส่จ้าวเทียนอย่างถี่ยิบ จนมองเห็นเป็นภาพติดตาจำนวนมาก เป็นการโจมตีอย่างบ้าคลั่งอย่างไม่สนใจป้องกันตัวเอง
นี่คือเคล็ดวิชาโจมตีอันรุนแรงของเพลงกระบี่หัวซาน เมื่อปรมาจารย์ทั้งห้าใช้ออกมาพร้อมกัน มันก็ทำให้เกิดเป็นคลื่นพายุทำลายล้างพุ่งเข้าใส่อาณาเขตที่จ้าวเทียนยืนอยู่
‘ ความรุนแรงของการโจมตีนี้ เทียบกับการประสานของหุ่นเหล็กสองตัว ที่ฉันเคยเจอในอดีต แล้วยังเหนือกว่าสองขั้น ’
จ้าวเทียนคิดขึ้นในใจ ลูกน้องที่อีกฝ่ายพามาครั้งนี้ คงเคยผ่านการทดสอบกับหุ่นเหล็กมากันหมดแล้ว การประสานของพวกเขาทั้งห้าคน ย่อมสามารถเอาชนะหุ่นเหล็กสองตัวได้แบบสบาย
ในตอนนี้เอง ที่กระบี่ในมือจ้าวเทียนวาดออกไปยังทิศทางเบื้องหน้า เกิดเป็นม่านพลังไร้สภาพขวางกันการโจมตีทุกอย่างไว้
“ วิชาวงจรกระบี่! ”
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆ ครืนนน
รังสีกระบี่นับร้อย ระเบิดม่านพลังของเคล็ดวิชาวงจรกระบี่ของจ้าวเทียน จนมันกระเพื่อมไม่หยุด
จากนั้นเซียวม่อเฟยที่รอจังหวะอยู่ด้านข้าง ก็อาศัยท่าร่างอันรวดเร็วใช้การโจมตีระยะไกลเข้าใส่แผ่นหลังของจ้าวเทียน
“ วายุทลายคลื่น! ”
ปราณกระบี่ฟันกวาดออกไปในแนวขวางถึงเจ็ดครั้งซ้อน มันรวดเร็วเป็นอย่างมากจนทิ้งไว้เพียงภาพติดตา
แต่ก่อนที่มันจะสัมผัสโดนตัวของจ้าวเทียน ก็ถูกเขาพลิกตัวไปด้านข้าง ใช้พลังอ่อนหยุ่นสายหนึ่งชักนำเคล็ดวิชาวายุทลายคลื่นของเซียวม่อเฟย เข้าใส่จุดอ่อนของปรมาจารย์ทั้งห้า จนพวกเขาต้องรีบหันกลับมาป้องกันไว้อย่างทุลักทุเล
เปรี้ยงงง!ๆๆๆ ฉัวะ!
“ โอ้ย แขนฉัน! ”
หนึ่งในปรมาจารย์ทั้งห้าคน ถูกปราณกระบี่เฉือนเข้าที่แขนจนเลือดอาบ เพราะอยู่ใกล้กับจ้าวเทียนมากที่สุด ทำให้รับมือไม่ทัน และไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมองจุดอ่อนของเขาได้ทะลุปรุโปร่งเช่นนี้
“ นี่มัน…วิชากระบี่ไท่เก๊ก แกใช้มันได้ยังไงกัน ” เซียวม่อเฟยถามออกมาด้วยแววตาเคร่งเครียด เขาเคยเห็นศิษย์อาวุโสของบู๊ตึ้งใช้วิชานี้มาก่อน จึงจดจำได้ทันที
“ แกนี่พูดมากจัง… ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความรำคาญ ไม่ใช่แค่วิชากระบี่ไท่เก๊กที่เขาสามารถใช้ได้ แต่ยังมีอีกหลายวิชาที่เขาฝึกสำเร็จหมดแล้ว ตั้งแต่อยู่ในหอคัมภีร์ลับตระกูลฉิน
เพียงแต่วิชากระบี่พวกนี้มันด้อยกว่าวิชาที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง ก็เลยไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ หากมีเวลาอีกซักสองสามวัน ให้ศึกษาเคล็ดวิชาในแหวนมิติที่องค์หญิงมอบให้ เขาก็น่าจะคิดค้นเคล็ดวิชาใหม่เพิ่มได้อีก
อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังลังเล จ้าวเทียนก็เหลือบมองไปทางพวกกงเสี่ยวเหมยด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นว่าแค่ถูกฝ่ายตรงข้ามใช้ค่ายกลกระบี่ถ่วงเวลาไว้เท่านั้น ก็รู้สึกเบาใจขึ้นมา
ฟุบ!
จ้าวเทียนใช้ท่าร่างอันรวดเร็วเข้าประชิดตัวเซียวม่อเฟยในพริบตา เขาถือคติจัดการแม่ทัพก่อนให้พวกที่เหลือยอมแพ้ไปเอง
เปรี้ยง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน