อีกทางด้านหนึ่งของสนามประลอง หยางถิงเฟิงได้อาศัยท่าร่างอันรวดเร็ว เคลื่อนไหวอยู่รอบตัวอวี้เซียนฉี เซียนหญิงจากสำนักหานซาน ทั้งคู่ต่างมีพลังอยู่ในขอบเขตเดียวกัน แต่แนวทางต่อสู้กับต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ กระบี่หมื่นบุปผา! ”
ครืนน!
พายุกลีบดอกไม้ พัดกระหน่ำเข้าใส่อาณาเขตรอบตัวของอวี้เซียนฉี เพื่อป้องกันไม่ให้หยางถิงเฟิงฝ่าเข้ามาได้ มันได้ปิดล้อมเส้นทางเคลื่อนไหวของเขาไว้ทั้งหมด
ซึ่งกลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านี้ ได้แฝงไปด้วยรังสีกระบี่อันแหลมคม พุ่งติดตามตัวศัตรูเหมือนฝูงผึ้งตอมดอกไม้ ทำให้ผู้ที่หลงเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของเคล็ดวิชาไม่สามารถหยุดนิ่งได้ จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
“ รุ้งขาวทะลวงตะวัน ”
ฉัวะๆๆๆๆ
หยางถิงเฟิงพุ่งทะลวงกระบี่ออกไป จากนั้นรังสีกระบี่เจ็ดสายก็ระเบิดเข้าใส่อวี้เซียนฉีจากทุกทิศทาง
เปรี้ยงง!ๆๆๆ
ราวกับว่าได้คาดเดาเอาไว้ก่อนแล้ว กระบี่ในมือเธอร่ายรำออกมาด้วยเคล็ดวิชากระบี่หานซาน ดึงดูดกลีบดอกไม้รอบๆตัว เข้าปัดป้องรังสีกระบี่พวกนั้นออกไปได้อย่างไม่ยากเย็น
จุดเด่นของเคล็ดวิชาสำนักหานซาน อยู่ที่การป้องกันตัวเองเป็นอันดับแรก แล้วอาศัยวิชากระบี่หมื่นบุปผาในการตัดกำลังศัตรู แล้วยื้อการต่อสู้ออกไป เพื่อให้อีกฝ่ายสูญสิ้นพลังแล้วเป็นผู้พ่ายแพ้ไปเอง
‘ จะปล่อยให้เธอถ่วงเวลาแบบนี้ต่อไปไม่ได้…ฉันต้องไปช่วยผู้อาวุโสฉินรับมือกับพวกซงซาน เซียนขั้นสูงไม่ใช่สิ่งที่ปรมาจารย์ขั้นกลางจะสามารถรับมือได้ ’
หยางถิงเฟิงคิดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพื่อที่จะจบการต่อสู้นี้ เห็นทีเขาคงต้องใช้ไม้ตายลับที่เก็บซ่อนเอาไว้แล้ว
วูป!
ในมือซ้ายของหยางถิงเฟิงปรากฏกระบี่อีกเล่มขึ้น มันมีรูปร่างแบบเดียวกับที่อยู่ในมือขวาไม่ผิดเพี้ยน เนื่องมาจากเดิมทีกระบี่ทั้งสองเล่มนี้ถูกสร้างขึ้นพร้อมกัน ให้เป็นกระบี่คู่อยู่แล้ว
“ รับไปซะ สิ่งที่ฉันฝึกฝนมานานนับสิบปี ”
“ ลมคลั่งฝนกระหน่ำ! ” “ ลมคลั่งฝนกระหน่ำ! ”
แขนทั้งสองข้างของหยางถิงเฟิง ใช้เคล็ดวิชาออกมาพร้อมกัน ทะลวงเข้าใส่พายุดอกไม้ที่ขวางกั้นเขาเอาไว้
กระบี่ทั้งสองเล่มฟันกวาดเข้าไปเบื้องหน้าอย่างถี่ยิบ จนมองเห็นเป็นเงากระบี่จำนวนมาก เข้าทำลายทุกอย่างตรงหน้าอย่างดุดัน นี่เป็นการโจมตีอย่างบ้าคลั่งอย่างไม่สนใจป้องกันตัวเอง
เปรี้ยงๆๆๆๆๆ ครืนนน!
รังสีกระบี่นับร้อย ระเบิดทำลายพายุกลีบดอกไม้จนหมดสิ้น และยังพุ่งเข้าใส่อวี้เซียนฉีจากทุกทิศทาง จนเธอต้องถอยร่นหลบหนีอย่างทุลักทุเล
“ นี่มันสุดยอดไปเลย…ศิษย์พี่หยางไปเลียนแบบวิธีการสู้ของหุ่นเหล็กดำมางั้นเหรอ ”
“ น่าจะใช่…แต่เขาทำได้อย่างไรกัน นี่มันยากมากเลยนะที่จะใช้เคล็ดวิชาออกไปพร้อมกันด้วยมือทั้งสองข้าง ”
“ แบบนี้ การต่อสู้คงรู้ผลแล้วล่ะ ไม่มีทางที่อวี้เซียนฉีจะต้านทานกระบี่คู่ของศิษย์พี่หยางได้ ”
ศิษย์ของฝ่ายกระบี่พูดคุยกันด้วยความยินดี ขอเพียงหยางถิงเฟิงจบการต่อสู้ตรงนี้ได้ แล้วรีบไปช่วยจ้าวเทียน การประลองครั้งนี้ก็รู้ผลแล้ว
บนเวทีประลอง หม่าผิงฮุยเซียนจากสำนักซงซานอีกคน มองเห็นสถานการณ์ทางฝั่งหยางถิงเฟิงทั้งหมด แล้วก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา
‘ ฉันจะมามัวเสียเวลาไม่ได้แล้ว ต้องรีบสังหารฉินหวงซะ ก่อนที่หยางถิงเฟิงจะเข้ามาช่วย ’
สายตาของเขากวาดมองไปยังการต่อสู้ของจ้าวเทียนกับจ้อไท่สุ่ย ที่ยังไม่มีวี่แววจะปรากฏผลแพ้ชนะขึ้น
อีกทั้งเมื่อลองสังเกตดูให้ดีก็จะพบว่า ฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบกลับเป็นจ้อไท่สุยเอง เพราะกระบวนท่าอันรุนแรง และพลังอันแข็งแกร่งของเขา ได้ถูกจ้าวเทียนสลายออกไปรอบข้างจนหมด
ตูม!
รังสีกระบี่สังหารขนาดยักษ์ ได้ถูกจ้าวเทียนใช้เคล็ดวิชากระบี่ไท่เก๊กเบี่ยงออกไปด้านข้าง จนกระแทกเข้าใส่พื้นเวทีอย่างแรง
ทำให้ตอนนี้ นอกจากจุดที่จ้าวเทียนยืนอยู่แล้ว พื้นที่รอบๆกลับเต็มไปด้วยหลุมลึกมากมาย ที่ถูกรังสีกระบี่ของจ้อไท่สุ่ย กระแทกเข้าใส่
หากไม่ใช่เพราะเวทีแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุพิเศษ คงระเบิดออกเป็นชิ้นๆไปนานแล้ว
“ ตายซะ ตายซะ ตายซะ! ”
จ้อไท่สุ่ยตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเขาต่อสู้มากเท่าไหร่ อารมณ์ด้านลบก็ยิ่งครอบงำจิตใจของเขา นี่เป็นผลเสียของการใช้โอสถต้องห้าม
หากไม่มีจิตใจที่หนักแน่นพอ มันจะทำให้ผู้ใช้เข้าสู่เส้นทางสายมารได้ง่ายมาก
ในขณะที่จ้าวเทียนกำลังรับมือจ้อไท่สุ่ยที่มีพลังสูงกว่าหลายขั้น เขาก็ได้ค้นพบจุดอ่อนของวิชาตัวเอง ซึ่งก็คือเคล็ดวิชาวงจรกระบี่
ม่านกระบี่ที่เขาสร้างขึ้น ไม่สามารถรับการโจมตีเต็มแรงของเซียนขั้นสูงได้ ขีดจำกัดของวิชานี้คงอยู่ที่การโจมตีในระดับเซียนขั้นกลางเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีวิชากระบี่สรรพสิ่งของเขา ที่ถูกฝ่ายตรงข้ามป้องกันเอาไว้ได้ถึงสองครั้ง มันไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายสามารถมองทะลุเคล็ดวิชาของเขา
แต่เป็นเพราะประสาทสัมผัสของเซียนขั้นสูงเหนือกว่าเซียนขั้นกลางถึงสามเท่า จึงทำให้ดึงกระบี่กลับมาป้องกันไว้ได้ทุกครั้ง
ทำให้จ้าวเทียนต้องอาศัยเคล็ดวิชากระบี่ไท่เก๊กและประสานเจตน์แห่งกระบี่ในอาวุธเข้าต่อสู้แทน ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาเริ่มควบคุมการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนเคล็ดวิชากระบี่บินนั้น จ้าวเทียนยังไม่ได้ทดลองใช้ แต่คาดว่าคงส่งผลไม่มากนัก เพราะกระบี่บินที่ควบคุมด้วยเจตจำนงเพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถทะลวงพลังคุ้มกายของเซียนขั้นสูงได้
‘ ฉันน่าจะขอเรียนรู้เคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดายจากเทพกระบี่ เพราะเท่าที่ฉันสัมผัสมา เคล็ดวิชานี้เป็นสุดยอดการโจมตีอย่างแท้จริง ’
‘ หากบรรลุเก้ากระบี่เดียวดายจนถึงขั้นสำนึกกระบี่ ย่อมสามารถทะลวงพลังคุ้มกายของเซียนระดับสูงได้สบาย ’
ที่จริงแล้ว จ้าวเทียนกลับไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมา มันเหนือมนุษย์จนมากเกินไปแล้ว
แม้แต่พวกเจ้าสำนักห้าขุนเขากระบี่ยังหวาดกลัว จนต้องวางแผนสังหารเขาในครั้งนี้
ปรมาจารย์ขั้นกลางที่สามารถไล่ต้อนเซียนขั้นสูงได้ ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ถึงแม้เจ้าสำนักทุกคนจะคิดว่าจ้าวเทียนเป็นคนจากโลกหมิงหลง ที่ไม่สามารถทลายขอบเขตเซียนได้
แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงให้จ้าวเทียนได้เติบโตไปมากกว่านี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน