จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 236

การประกาศท้าสู้ของผู้อาวุโสสูงสุดหยางเจี๋ย ได้สร้างความสับสนวุ่นวายขึ้นภายในศิษย์สำนักหัวซานทุกคน ต้องไม่ลืมว่าตำแหน่งเจ้าสำนักจะมีระยะเวลาหนึ่งร้อยปี ซึ่งตอนนี้เพิ่งจะผ่านมาได้เพียงห้าสิบปีเท่านั้น

“ อะไรกัน…ท้าชิงตำแหน่งเจ้าสำนักงั้นเหรอ ตามกฏแล้วมันยังไม่ถึงเวลานี่ ” ผู้อาวุโสฝ่ายลมปราณคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายลมปราณทุกคนต่างส่งเสียงสนับสนุนขึ้นทันที

“ นี่มัน…พวกเราจะต้องไม่ยอมรับการประลองครั้งนี้ ”

“ ใช่แล้ว อย่ายอมให้พวกฝ่ายกระบี่มันใช้วิธีคดโกงได้ ”

“ ท่านเจ้าสำนัก อย่าไปยอมรับเด็ดขาด ”

เมื่อเห็นผู้อาวุโสแสดงท่าทีออกมา ทำให้เหล่าศิษย์ฝ่ายลมปราณเกือบพันคนพากันลุกขึ้น ส่งเสียงประท้วงการกระทำของผู้อาวุโสสูงสุดหยางเจี๋ยทันที

“ เงียบซะ! ”

เปรี้ยง!

จ้าวเทียนฟันกระบี่ใส่พื้นจนเกิดเป็นรอยแยกยาว มุมของเวทีประลองด้านหนึ่งถูกตัดขาดออกเป็นสองส่วน ด้วยเจตน์จำนงกระบี่ของเขาต่อให้เป็นวัสดุที่แข็งแกร่งแค่ไหน ก็ถูกฟันขาดไม่ต่างจากเต้าหู้

“ นี่เป็นเรื่องที่เจ้าสำนักตกลงกับผู้อาวุโสสูงสุดไว้แล้ว…ไม่ใช่เรื่องที่พวกนายจะมาเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นถ้าใครคิดก่อความวุ่นว่ายก็ต้องถามกระบี่ในมือฉันก่อน ”

คำประกาศของจ้าวเทียน ทำให้ศิษย์ฝ่ายลมปราณพากันก้าวถอยหลังพร้อมกันด้วยความหวาดกลัว

ภาพการต่อสู้ของจ้าวเทียนเมื่อวานยังคงตราตรึงในจิตใจของพวกเขา

“ แกน่ะหุบปากไปเลย…คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงมีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวเรื่องในสำนักของพวกเรา ตำแหน่งของแกมันก็แค่ตำแหน่งลอยๆ ที่ไม่มีอำนาจอะไรทั้งสิ้น ” ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่ได้กลัวจ้าวเทียนแม้แต่น้อย

‘ ฉันดูการประลองของแกแล้ว…วิชากระบี่ของแกทำอะไรเซียนขั้นสูงที่แท้จริงอย่างฉันไม่ได้หรอก ที่แกชนะจ้อไท่สุ่ยได้ก็เพราะเขาใช้โอสถต้องห้าม ทำให้พลังในร่างไม่สมดุลและอ่อนแอกว่าปกติ ’

ที่จริงแล้ว ชายชราคนนี้รู้สึกแค้นจ้าวเทียนมาก ที่ทำให้ฝ่ายลมปราณต้องตกรอบคัดเลือกไป แถมโจวซีห่าวที่พ่ายแพ้จ้าวเทียนไปนั้น ยังเป็นหลานชายของเขาอีกด้วย

“ นั่นมันผู้อาวุโสโจวซวน…เขาเป็นน้องชายของเจ้าสำนัก มีพลังอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นสูงเลยทีเดียว ”

“ ใช่แล้ว…ถ้ามีผู้อาวุโสโจวซวนอยู่ พวกเราก็ไม่ต้องกลัวไอ้ปีศาจนั่นแล้ว ”

หลังจากที่ชายชราคนนี้แสดงตัวออกมา พวกศิษย์ที่เคยมีท่าทีหวาดกลัวในตอนแรก ก็พากันลุกขึ้นอีกครั้งด้วยความฮึกเหิม

‘ ดูเหมือนจะมีพวกรนหาที่ตายโผล่มาอีกแล้วสินะ ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย จากที่ได้ยินมาดูเหมือนอีกฝ่ายจะมั่นใจในตัวเองมาก ว่าสามารถล้มเขาได้แน่นอน ถึงต้องการยั่วยุให้เขาโกรธและเป็นฝ่ายไปท้าสู้เอง

ท่าทีหยุดคิดของจ้าวเทียน ทำให้ทุกคนคิดว่าเขากำลังหวาดกลัว นั่นรวมไปถึงตัวต้นเรื่องอย่างผู้อาวุโสโจวซวนด้วย ดังนั้นเขาจึงพูดต่อทันที

“ ผู้อาวุโสหยางเจี๋ย…หากคุณท้าสู้กับพี่ชายของฉัน งั้นฉันก็จะท้าสู้กันฉินหวงด้วย เพราะเขามีความผิดในการดูหมิ่นและเหยียดหยามศิษย์ฝ่ายลมปราณของฉัน ”

“ ว่าไง…ฉินหวงแกกล้าสู้กับฉันไหม แกปากดีนักไม่ใช่เหรอ อย่ากลายเป็นไอ้ขี้ขลาดก็แล้วกัน ” โจวซวนรีบหันไปพูดกับจ้าวเทียนอย่างท้าทาย

“ โจวซวน…อย่าให้มันมากเกินไปนัก ” หยางเจี๋ยพูดด้วยเสียงเย็นชา ซึ่งเขาเองก็ก็คิดเหมือนกับทุกคนว่า จ้าวเทียนไม่สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้

ระหว่างจ้อไท่สุ่ยที่ใช้เมล็ดโอสถต้องห้ามเลื่อนระดับ กับโจวซวนที่อยู่ในขอบเขตเซียนขั้นสูงมาหลายสิบปี ความแตกต่างมันชัดเจนมาก

ต่อให้มีจ้อไท่สุ่ยสามคนก็ไม่ใช่คู่มือของโจวซวนคนเดียว…

ครืนนน!

คลื่นพลังความกดดันอันเกรี้ยวกราดของหยางเจี๋ยระเบิดออกมาในพริบตา มันถาโถมเข้าใส่โจวซวนอย่างดุดัน

“ คุณ…คุณคิดจะทำอะไร ” โจวซวนก้าวถอยหลังไปด้วยใบหน้าซีดขาวด้วยความกลัว เขารู้ตัวดีว่าไม่อาจต้านทานอีกฝ่ายได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว จึงไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับเขา

แต่ยังไม่ทันที่หยางเจี๋ยจะได้ตอบอะไร โจวไท่หยวนก็มาปรากฏตัวขึ้นบนลานประลองในพริบตา

“ นี่มันหมายความว่ายังไง…พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่ารองานชุมนุมกระบี่จบลงก่อน ” โจวไท่หยวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ตอนแรกเขากำลังยืนดูสถานการณ์ความวุ่นวายอยู่อย่างใจเย็น ว่าพอจะมีช่องทางให้เขาใช้ประโยชน์ได้ไหม แต่เมื่อเห็นหยางเจี๋ยกำลังจะลงมือกับน้องชายตัวเอง จึงต้องรีบเข้ามาหยุดไว้ทันที

“ สำหรับฉัน งานชุมนุมมันได้จบไปแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาที่พวกเราต้องมาตัดสินกันซักทีว่าใครจะได้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไป ” หยางเจี๋ยยืนกรานคำเดิม เขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายถ่วงเวลาไปเด็ดขาด

“ เรื่องนี้… ” โจวไท่หยวนรู้สึกกดดันมาก ตอนที่อีกฝ่ายมาท้าให้เขาเดิมพันด้วย ได้มีการทำพันธสัญญาไว้เป็นหลักฐาน ผู้ฝึกตนในวิถีเซียนยึดมั่นในการรักษาสัญญามาก

หากหลีกเลี่ยงหรือไม่ทำตามแล้วถูกเปิดเผยออกไป ชื่อเสียงที่สั่งสมมาคงย่อยยับแน่ พอถึงเวลานั้นตำแหน่งเจ้าสำนักยังจะมีประโยชน์อะไร ถ้าไม่มีใครยอมทำตามคำสั่งเขา

จะสู้ก็สู้ไม่ได้ หรือจะไม่สู้ก็ทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ดูเหมือนตำแหน่งเจ้าสำนักของตัวเองคงจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว

‘ บัดซบ…ฉันควรทำยังไงดี ’

ในขณะที่เขากำลังคิดหาทางรอด สายตาก็ดันไปเห็นน้องชายกับจ้าวเทียนกำลังจะมีปากเสียงกันอีกรอบพอดี จากนั้นมุมปากของเขาก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

‘ ในเมื่อทุกอย่างมันเริ่มต้นเพราะแก…งั้นก็ให้มันจบลงที่แกเช่นกัน ’

“ หยางเจี๋ย ฉันมีข้อเสนอ ในเมื่อนายชอบเดิมพันนัก ทำไมพวกเราไม่มาเดิมพันผลการต่อสู้ระหว่างน้องชายของฉันกับฉินหวงล่ะ หากน้องชายฉันแพ้ ตำแหน่งเจ้าสำนักก็จะเป็นของนาย ”

“ ในทางกลับกัน…หากน้องชายฉันชนะ ฉันก็จะได้เป็นเจ้าสำนักต่อไปอีกร้อยปี ” โจวไท่หยวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

“ นี่นาย…คิดจะผิดคำพูดของตัวเองงั้นเหรอ ” หยางเจี๋ยพูดขึ้นด้วยความโกรธ เขาชักกระบี่ออกมาช้าๆ แววตาดุดันจับจ้องไปที่โจวไท่หยวน

เหมือนเป็นคำเตือน ว่าหากยังพูดจาได้สาระอีกเขาจะลงมือทันที

ทันใดนั้นเอง

“ น่าสนใจดีนี่…แต่ถ้าต้องการให้ฉันต่อสู้ เดิมพันของคุณมันยังไม่พอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยชา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน