สิ่งที่จ้อเซียงหยุนพูดมา มันได้สร้างความแตกตื่น ให้กับปรมาจารย์ไร้สังกัดที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้มาก เนื่องจากพวกเขาไม่อยากถูกดึงเข้าไปพัวพัน กับความขัดแย้งของสำนักเซียนที่อยู่ในระดับสูงกว่า
ดังคำกล่าวที่ว่า พญามังกรต่อสู้กัน ที่เดือดร้อนก็คือกุ้งหอยปูปลา เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งในประวัติศาสตร์ สำหรับคนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างพวกเขา ทางที่ดีที่สุดก็คือหลีกหนีไปให้ไกล
เพราะว่าการไปกวาดล้างสำนักเซียนแห่งหนึ่งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสมาพันธ์บู๊ลิ้ม ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎ
หากพวกเขาเข้าร่วมไป ต่อให้ชนะพวกเขาก็ไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย ในทางกลับกันหากเกิดพ่ายแพ้หรือทางสมาพันธ์ต้องการลงโทษขึ้นมา ก็คงถูกผลักดันให้กลายเป็นแพะรับบาปแน่นอน
ปรมาจารย์ไร้สังกัดทุกคน มาจากแคว้นต่างๆในโลกหมิงหลง พวกเขาย่อมเคยผ่านการช่วงชิงอำนาจมาอย่างโชกโชน
ไม่เหมือนกับพวกสำนักโบราณที่วันวันเอาแต่ฝึกฝนอย่างสบายใจ แต่ปรมาจารย์ไร้สังกัดต้องต่อสู้ดิ้นรน ช่วงชิงอำนาจเพื่อแลกมาด้วยทรัพยากรฝีกตน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่หลงเชื่อคำยุยงของจ้อเซียงหยุน
“ องค์หญิง…เรื่องนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี ” หนึ่งในผู้คุ้มกันถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ ตอนนี้พวกเราอยู่ในสถานที่ของสำนักหัวซาน ซึ่งเป็นถิ่นของพวกเขา ถ้าพวกเราไม่ให้ความร่วมมือจะถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับทันที ”
“ ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายใช้เขตอาคมปกปิดกักขังพวกเราไว้ ก็เหมือนได้วางแผนเอาไว้หมดแล้ว ว่าจะจัดการคนที่ไม่เห็นด้วย ”
“ ไม่แน่ว่า…คนที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้ อาจจะกำลังคาดหวังให้พวกเราต่อต้านก็เป็นได้ หลังจากนั้น พวกเขาจะได้เชือดไก่ให้ลิงดูไงล่ะ ” จูม่านฉีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ทำให้คนอื่นที่อยู่รอบๆหันมามองเธอด้วยความตกตะลึง เพราะสิ่งที่เธอพูดมานั้นมันสมเหตุสมผลมาก พวกเขาไม่คิดว่าจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“ หรือพวกเราจะต้อง ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวจริงๆ ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความสิ้นหวัง หากรู้แบบนี้เขาควรกลับไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จะได้ไม่ต้องมารับเคราะห์
“ ไม่หรอก…พวกเรายังมีหวังอยู่ เพราะในสถานที่นี้ยังมีคนที่สามารถเป็นตัวแทนของพวกเรา ต่อต้านเจ้าสำนักพวกนั้นได้ ”
หลังจากที่จูม่านฉีพูดจบ ทุกคนที่ได้ยินก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองชายคนที่เป็นความหวังของพวกเขาพร้อมกัน
ผู้ชนะอันดับหนึ่งของงานชุมนุมกระบี่ครั้งที่สาม…ฉินหวง
“ สำนักคุนหลุน…ไม่ใช่ว่าเป็นสำนักที่ท่านแม่ของนายอยู่เหรอ พวกเราจะทำยังไงดี ” กงเสี่ยวเหมยส่งเสียงทางลมปราณหาจ้าวเทียน
เมื่อวานเธอได้รู้เรื่องทุกอย่างจากจ้าวเทียนแล้ว รวมถึงเรื่องแม่ของเขาด้วย
“ ใช่แล้วล่ะ…จุดประสงค์ของพวกมันจะต้องอยู่ที่แม่ของฉัน แต่เธอไม่ต้องกังวล ฉันไม่มีทางปล่อยให้มันเกิดขึ้นแน่นอน ” จ้าวเทียนตอบกลับไปด้วยเสียงทางลมปราณเช่นกัน
จากนั้นเขาก็บอกแผนการบางอย่างออกไป ให้กงเสี่ยวเหมยช่วยดำเนินการให้ ส่วนตัวเขาก็รีบติดต่อกับผู้อาวุโสสูงสุดหยางเจี๋ยผ่านทางแผ่นหยกสื่อสาร
เรื่องนี้จ้าวเทียนจะต้องจัดการไปตามขั้นตอน เพราะเขาไม่สามารถรับมือกับกองกำลังทั้งหมดของห้าขุนเขากระบี่ด้วยตัวคนเดียวได้
‘ จะต้องทำให้กองกำลังของศัตรูอ่อนแอลงเสียก่อน…โชคดีที่ฝ่ายของฉันยังมีไพ่ตายเหลืออยู่ ’
ในระหว่างที่พวกจ้าวเทียนกำลังเตรียมการ คำประกาศของจ้อเซียงหยุนก็กำลังได้รับกระแสตอบกลับที่ดีมาก มีพวกสำนักเล็กหลายแห่งเสนอตัวเข้าร่วมแผนการครั้งนี้
เนื่องมาจากพวกเขาได้ถูกความโลภเข้าครอบงำ ทั้งจากรางวัลผลตอบแทนมหาศาลจากการจับตัวหรือฆ่าผู้ถูกประกาศิตล่าสังหาร
และยังมีทรัพย์สมบัติบางส่วนในสำนักคุนหลุน ที่จ้อเซียงหยุนแอบสัญญาเป็นการลับว่าจะแบ่งให้พวกเขาสองส่วน
ที่พวกเขาต้องทำก็คือการเป็นกำลังหนุนในตอนที่ค่ายกลป้องกันของสำนักคุนหลุนถูกทำลายเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องต่อสู้อยู่แนวหน้า ถึงต่อให้เกิดปัญหาตามหลังขึ้นมาก็มีห้าขุนเขากระบี่แบกรับไว้ให้
เรื่องดีๆแบบนี้ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะไม่เข้าร่วม…
“ เอาล่ะ…สำนักเซียนทุกสำนักก็เห็นชอบเรียบร้อย ตอนนี้ก็เหลือแต่พวกนายแล้ว เหล่าปรมาจารย์ไร้สังกัดทั้งหลาย ”
“ พวกนายคนไหนตัดสินใจเข้าร่วมก็ก้าวออกมาได้เลย ฉันได้เตรียมโอสถหยวนตันเอาไว้แล้ว เชิญมารับไปได้เลย ”
“ นอกจากนี้ หลังจากเรื่องทั้งหมดจบลง พวกนายยังจะได้รับอาวุธชั้นยอดอีกคนละหนึ่งชิ้น ซึ่งเป็นของที่เซียนนักหลอมของสำนักซงซานสร้างขึ้นด้วยตัวเองเลยนะ ”
จ้อเซียงหยุนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขามองออกว่าหากไม่ยอมยกผลประโยชน์ให้บ้าง คนพวกนี้ก็คงไม่ยอมลงมือแน่นอน
‘ ใช่แล้ว…พวกแกรีบมารับของพวกนี้ไปเร็วสิ หลังจากนี้หากทางสมาพันธ์ตรวจสอบขึ้นมา ฉันก็จะได้โยนความผิดให้พวกแก ว่าเป็นคนแจ้งข่าวลวงให้กับพวกฉัน ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน