เช้าวันรุ่งขึ้น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ จ้าวเทียนกำลังทำการฝึกฝนรอบเช้า อยู่ตรงลานกว้างด้านหลังของห้องรับรอง ซึ่งเขาได้ตรวจสอบดูแล้วว่าพื้นที่ตรงนี้ไม่มีคนอื่นอยู่รอบๆ
อาจจะเป็นเพราะตำแหน่งผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของจ้าวเทียน ทำให้สำนักหัวซานให้การดูแลเขาเป็นอย่างดี ไม่ให้มีผู้ใดเข้ามารบกวน
ครืนน!
พลังงานความร้อนมหาศาล ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากเมล็ดพันธ์ุเซียนของเขา จากนั้นเซลล์ทั้งหมดในร่างกาย ก็ดูดซึมเข้าไปอย่างหิวกระหาย เพื่อไปฟื้นฟูอาการบาดเจ็บตกค้างทั้งหมด
แวบ!
สัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์สีทองได้ปรากฏขึ้นตรงกลางหน้าผากของเจ้าเทียน ถึงแม้จะมีหน้ากากปิดบังเอาไว้ แต่แสงสว่างอันเจิดจ้าของมันก็สามารถทะลุหน้ากากออกมาได้อย่างชัดเจน
หลังจากผ่านไปประมาณยี่สิบนาที พลังในร่างกายของเขาก็คงที่ เมล็ดพันธุ์เซียนก็เริ่มสงบลงและกลับเป็นปกติ การตื่นขึ้นมาของมัน ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
‘ ตอนนี้พลังของฉันพื้นขึ้นมาอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นต่ำแล้ว ขอเพียงทำการรักษาตัวเองอีกหนึ่งวันก็น่าจะหายดี ’
เมล็ดโอสถฟื้นฟูที่จ้าวเทียนหลอมขึ้นเมื่อวานซืน มีอยู่ทั้งหมดสามเม็ด ซึ่งเขาได้กินเม็ดแรกไปตั้งแต่ตอนหลอมโอสถเสร็จ ส่วนเม็ดที่สองกินเข้าไปในเช้าวันนี้
เหลือเพียงเม็ดสุดท้ายสำหรับวันพรุ่งนี้ เขาก็จะกลับมาอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดเหมือนเดิม และสามารถจัดการปัญหาทุกอย่างได้ด้วยพลังของตัวเอง
‘ ตัวตนของฉินหวงนี่ยังมีประโยชน์อยู่ ฉันสามารถใช้สถานะนี้ในเวลาที่ต้องการซ่อนตัวจากสมาพันธ์บู๊ลิ้ม ส่วนในตอนที่ต้องไปจัดการศัตรู ก็ค่อยถอดหน้ากากออก แล้วกลับไปใช้ตัวตนเดิม ’
ด้วยวิธีนี้ จ้าวเทียนก็จะสามารถทำเรื่องต่างๆได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าเมืองเหล็กดำจะพลอยรับเคราะห์ไปด้วย
วูป!
ร่างของจ้าวเทียนเปล่งแสงสีขาวจางๆ พลังของเขาลดลงมาอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ขั้นกลางอีกครั้ง นี่เป็นวิชาลับปลอมแปลงตัวตนที่คังหลินสอนให้
ทันใดนั้น
จ้าวเทียนก็หันไปทางด้านหนึ่งแล้วยิ้มออกมา เพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยกำลังเดินเข้ามายังห้องรับรองของเขา
‘ เสี่ยวเหมยคงจะมาตามฉัน ไปร่วมพิธีปิดงานชุมนุมกระบี่พร้อมกัน ’
หลังจบการประลองเมื่อวาน ผู้ชนะสิบอันดับแรกทั้งรุ่นปรมาจารย์และรุ่นไม่จำกัด ต่างก็ได้รับรางวัลของตนไปเป็นที่เรียบร้อย แต่งานชุมนุมก็ยังไม่เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์
ยังเหลือพิธีปิด ซึ่งสำนักที่เป็นผู้ชนะเลิศจะได้ประกาศเจตนารมณ์ของตน และเปิดโอกาสให้ทุกสำนักได้รับสมัครเหล่ายอดฝีมือไร้สังกัด ที่ทำผลงานได้ดีในงานประลอง เข้าเป็นศิษย์หรือผู้อาวุโสของสำนักนั้นๆ
หน้าห้องรับรองของจ้าวเทียน
“ ศิษย์น้อง เราเข้ามายืนรอตรงนี้จะไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาทเหรอ ” กงหมิงยู่ถามขึ้นด้วยท่าทีลังเล แต่สายตาของเธอกำลังสังเกตท่าทีของกงเสี่ยวเหมยอยู่
“ ไม่เป็นอะไรหรอกศิษย์พี่ ฉันมีพรสวรรค์พิเศษที่ผู้อาวุโสฉินหวงสนใจ เขาจึงต้องการรับฉันเป็นศิษย์และสอนวิชากระบี่ให้ ดังนั้นหากฉันว่างเมื่อไหร่ ก็สามารถมาหาเขาได้เลย ” กงเสี่ยวเหมยพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้แสดงท่าทีผิดสังเกตอะไรออกมา
เมื่อวานนี้จาวเทียนได้บอกกับเธอแล้ว ว่ากำลังถูกกงหมิงยู่จับตามองอยู่ แถมอีกฝ่ายยังสะกดรอยตามเธอมาอีกด้วย สุดท้ายแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้เผยพิรุธ จึงต้องกุเรื่องว่าจะรับกงเสี่ยวเหมยเป็นศิษย์
ตอนนี้เรื่องตัวตนของจ้าวเทียนนั้นเป็นปัญหาอย่างมาก หากเรื่องที่เขาคือคนเดียวกันกับฉินหวงหลุดไปเข้าหูของฝ่ายศัตรู มันจะไม่ใช่เพียงแค่จ้าวเทียนเท่านั้นที่ถูกตามล่า แต่ยังมีคังหลินและตระกูลฉินอีกร้อยกว่าชีวิต ที่จะพลอยรับเคราะห์ไปด้วย
“ เป็นแบบนี้เองเหรอ ” กงหมิงยู่พึมพำออกมาเบาๆ เธอยังคงไม่ปักใจเชื่อเรื่องที่กงเสี่ยวเหมยเล่ามาทั้งหมด แต่ก็ไม่อาจหาเหตุผลอื่นมาแย้งได้ จึงเลือกที่จะไม่พูดถึงอีก
‘ ไม่ว่าเรื่องที่รับเป็นศิษย์จะจริงหรือไม่ แต่การที่ศิษย์น้องได้มีความสนิทสนมกับชายคนนี้นั้น ก็มีแต่ผลดีกับสำนักของพวกเรา ’
‘ แม้ฉินหวงจะเป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นกลาง แต่หากให้เปรียบเทียบด้านขอบเขตกระบี่เพียงอย่างเดียว ต่อให้ค้นหาทั่วทั้งสมาพันธ์บู๊ลิ้ม ก็หาคนที่เทียบเคียงเขาได้ยากมาก ’
ในระหว่างที่พวกเธอพูดคุยกัน จ้าวเทียนก็เปิดประตูห้องเดินออกมาพอดี เขาใช้เวลาเล็กน้อยในการล้างหน้าทำความสะอาดร่างกาย
“ คารวะผู้อาวุโสฉิน ” กงหมิงยู่เป็นคนพูดทักทายขึ้นก่อน ตอนนี้สถานะของอีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมแล้ว เธอจำเป็นต้องให้ความเคารพยำเกรง
“ เรียกฉันว่าฉินหวงเหมือนเดิมเถอะ ดูแล้วพวกเราคงมีอายุไม่ต่างกันมาก ” จ้าวเทียนตอบแบบสบายๆ
อันที่จริงเขาดูออกมาว่ากงหมิงยู่น่าจะมีอายุเกินหกสิบปีไปแล้ว แต่เพราะเคล็ดวิชาที่ฝึกฝนและขอบเขตที่สูง ทำให้หน้าตาของเธอยังดูอ่อนเยาว์เหมือนเด็กสาวแรกรุ่น
หลังจากที่พูดคุยกันอีกเล็กน้อย พวกเขาทั้งสามคนก็เดินไปยังสถานที่จัดงานพร้อมกัน ซึ่งตลอดทางก็ได้รับความสนใจจากผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก เนื่องจากจ้าวเทียนเป็นถึงอันดับหนึ่งในการประลองเมื่อวาน
ยิ่งเมื่อรวมกับตำแหน่งผู้อาวุโสของสำนักหัวซาน ทำให้เขากลายเป็นเสมือนไอดอลของใครหลายๆคน
“ นั่นมันผู้อาวุโสฉินหวงนี่ เขาเดินมาพร้อมกับสองเทพธิดาแห่งสำนักสุสานโบราณได้อย่างไร หรือว่า… ”
“ หยุดคิดอะไรบ้าๆได้แล้ว…นี่แกไม่รู้เหรอว่ากองกำลังเงาปีศาจ จะต้องตัด…. ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน