เวลาประมาณตีหนึ่ง
ยามเมื่อแสงจันทร์ถูกก้อนเมฆบดบัง จนเกิดเป็นเงามืดปกคลุมทั่วเมืองหยกเขียว ช่วงเวลานี้เป็นจุดบอดของกองกำลังป้องกันเมือง เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นพื้นที่บริเวณรอบนอกได้
พรึบ!
เงาร่างของคนชุดดำจำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏกายขึ้นตรงชายป่า ห่างจากกำแพงเมืองไปไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร
“ ท่านแม่ทัพ…ทหารทุกคนพร้อมแล้ว พวกเราจะบุกเข้าไปเลยหรือเปล่า ” ชายหน้าบากคนหนึ่งถามขึ้นเบาๆ สายตาของเขามองไปยังเมืองขนาดใหญ่ตรงหน้า เหมือนหมาป่าจ้องมองฝูงแกะ
‘ เบื้องบนอนุญาตมาแล้ว…หากยึดเมืองนี้ได้ จะเปิดโอกาสให้ปล้นฆ่าเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม ตอนนี้ฉันแทบทนรอไม่ไหวแล้ว ’
“ อย่าใจร้อน…ตามแผนการ พวกเราจะต้องรอจนกว่าสำนักเซียนทั้งหลายเปิดฉากโจมตีศัตรูก่อน จากนั้นพวกเราจึงฉวยโอกาสบุกเข้าไป ” ชายชราผมขาวพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ชายชราคนนี้มีชื่อว่า ฉินหงจิน เป็นแม่ทัพคู่กายขององค์ชายใหญ่แคว้นต้าฉิน หน้าฉากของเขาเป็นแม่ทัพชายแดนปกป้องแคว้น
แต่เบื้องหลังกลับคอยช่วยทำงานสกปรกให้องค์ชายใหญ่ ตั้งแต่คอยกำจัดศัตรูทางการเมือง ปล้นแย่งชิงเงินทองจากพวกพ่อค้า หรือแม้กระทั่งซ่องสุมกำลังไว้เตรียมก่อการกบฏ หากผลการคัดเลือกองค์รัชทายาทไม่เป็นไปตามที่หวัง
“ ท่านแม่ทัพ…พวกเราจะไว้ใจเซียนพวกนั้นได้จริงเหรอ หากทางสมาพันธ์บู๊ลิ้มเอาผิดขึ้นมา ฉันกลัวว่ามันจะกระทบต่อสถานการณ์ของฝ่ายองค์ชายใหญ่ ” ชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
โดยปกติเขาจะทำหน้าที่เป็นกุนซือคอยวางแผนการต่างๆให้ ส่วนเรื่องที่ทำในวันนี้เป็นการตัดสินใจส่วนตัวของแม่ทัพเอง ถึงแม้อีกฝ่ายจะบอกว่าองค์ชายใหญ่อนุญาตแล้ว แต่เขาก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่นัก
‘ สายลับที่ฉันวางตัวไว้แอบรายงานมาว่า…เมื่อวานนี้ลูกชายของท่านแม่ทัพพาผู้อาวุโสสำนักเซียนคนหนึ่งเข้าพบท่านแม่ทัพ จากนั้น วันต่อมาก็มีการเรียกระดมกองกำลังทันที ’
‘ ถ้าฉันเดาไม่ผิด…ผู้อาวุโสคนนั้นคงจะเป็นอาจารย์ของลูกชายท่านแม่ทัพ ซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับเซียนของสำนักซงซาน ’
“ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน…อย่าลืมสิ ตอนนี้พวกเราทั้งหมดปลอมตัวเป็นกองโจรเงาทมิฬ หลังจากกวาดทรัพย์สมบัติมาทั้งหมดแล้ว พวกเราก็ค่อยหนีไปหลบซ่อนตัวทำลายหลักฐานทั้งหมดทิ้ง ”
“ เท่านี้ก็ไม่มีใครรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของพวกเรา นายลองมองดูเมืองข้างหน้าให้ดี ด้วยขนาดที่ใหญ่โตกว่าเมืองทั่วไปเกือบสองเท่า รวมกับประชากรเกือบสองล้านคน คิดว่ามันจะมีเงินทองมากมายขนาดไหน ”
“ ขอเพียงเรายกทรัพย์สมบัติให้กับองค์ชายใหญ่ไปซักห้าส่วน พระองค์ก็ไม่ทรงตำหนิแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะชื่นชมพวกเราด้วยซ้ำ ” แม่ทัพชราพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ทำให้พวกคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆมีสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที
แบ่งให้องค์ชายใหญ่ครึ่งหนึ่ง แสดงว่าส่วนที่เหลือก็ย่อมตกเป็นของพวกเขาเอง การค้าดีๆที่ไม่ต้องลงทุนแบบนี้ทำไมจะไม่ทำล่ะ
“ แต่ว่า… ” กุนซือหนุ่มยังคิดจะพูดแย้งออกมา เพราะตัวเขามาจากตระกูลชั้นสูง ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทองอยู่แล้ว เหยื่อล่อของท่านแม่ทัพจึงไม่ได้ผลกับตัวเขา
แม่ทัพชราที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกรำคาญขึ้นมา แต่เขาก็เก็บอาการเอาไว้เพราะฐานะของอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดา หลังจากหยุดคิดครู่หนึ่งก็ตัดสินใจพูดขึ้น
“ เอาอย่างงี้ไหม…หลังจากสำนักคุนหลุนถูกกวาดล้าง ฉันจะให้ผู้อาวุโสจับกุมเซียนสาวหน้าตางดงามให้กับนายหนึ่งคน และผนึกพลังของเธอเอาไว้ นายอยากจะทำอะไรกับเธอก็ได้ตามสบาย ”
เมื่อได้ยินเงื่อนไขนี้ กุนซือหนุ่มก็ชะงักไปทันที แววตาของเขาเปลี่ยนไปด้วยความโลภและหื่นกระหาย เมื่อคิดว่าจะได้เหยียดหยามย่ำยีเซียนสาวผู้สูงส่ง ที่ในอดีตตนเองได้แต่ยอมก้มหัวให้
“ คุณสัญญากับฉันแล้วนะ…อย่าลืมเสียล่ะ ”
“ แน่นอน…ฉันไม่ลืมหรอก ” แม่ทัพพูดออกมาด้วยแววตาดูถูก เขารู้เรื่องความวิปริตของชายหนุ่มคนนี้ดี ในอดีตไม่รู้ว่ามีเด็กสาวกี่คนที่ถูกทรมานจนตายด้วยฝีมือของอีกฝ่าย ก่อนที่จะถูกทางตระกูลส่งตัวให้มาอยู่กับกองทัพเพื่อดัดนิสัย
เมืองหยกเขียวนั้น โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาขนาดใหญ่ซึ่งเป็นพื้นที่ของสำนักคุนหลุน ทำให้มีทางเข้าออกแค่เพียงทางเดียว ตราบใดที่ยังมีสำนักคุนหลุนอยู่ ก็แทบจะไม่มีโอกาสบุกโจมตีเข้าไปได้เลย
แต่วันนี้กองกำลังพันธมิตรของสี่ขุนเขากระบี่ ตั้งใจที่กำจัดสำนักคุนหลุนอย่างสิ้นซาก จึงยืมมือกองกำลังทหารของแคว้นต้าฉินเพื่อทำลายเมืองหยกเขียวไปพร้อมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้สำนักคุนหลุนฟื้นคืนกลับมาได้อีกในอนาคต
ทันใดนั้น
บูมมมม!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นมาจากบนเทือกเขา เป็นการบ่งบอกว่าเขตอาคมปิดกั้นชั้นแรกของสำนักคุนหลุนได้ถูกทำลายไปแล้ว
จากนั้นเสาลำแสงขนาดใหญ่สี่เสาก็พุ่งทะลุท้องฟ้าเบื้องบน มันคือเขตอาคมเคลื่อนย้ายของสี่สำนักขุนเขากระบี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน