บทสรุปของการเผชิญหน้าระหว่างจ้าวเทียนกับสมาพันธ์บู๊ลิ้ม จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายสมาพันธ์ นอกจากพวกนักพรตฮวยเหล็งจะเสื่อมเสียชื่อเสียงแล้ว ยังต้องทนรับหนึ่งฝ่ามือของประมุขพรรคกระยาจกอั้งฮวงหลงอีกด้วย
วิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร สมกับเป็นเคล็ดวิชาฝ่ามืออันดับหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่ได้ด้อยกว่าวิชาเก้ากระบี่เดียวดายแม้แต่น้อย ทำให้นักพรตฮวยเหล็งที่สูญเสียพลังไปมากจากการต่อสู้กับพวกจ้าวเทียน ย่อมไม่อาจต้านทานได้ไหว
จ้าวเทียนยังจำได้ ในตอนที่อั้งฮวงหลงใช้กระบวนท่ามังกรผยองได้สำนึก ซึ่งเป็นกระบวนท่าแรกในสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรออกมา
เคล็ดกระบี่ไท่เก๊กของนักพรตฮวยเหล็งก็แทบจะถูกทำลายในพริบตา โดยที่เขาไม่อาจหยิบยืมหรือสลายพลังได้แม้แต่น้อย
มีแต่ผู้ที่อยู่ในระดับจ้าวเทียนและเทพกระบี่เท่านั้น จึงมองความร้ายกาจของกระบวนท่านี้ออก
อั้งฮวงหลงได้บรรลุขอบเขตหลอมรวมเคล็ดวิชาเป็นหนึ่งเดียวแล้ว การโจมตีของเขาแฝงไปด้วยสำนึกของเคล็ดวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร หรือเทียบเท่ากับขอบเขตคนกระบี่ประสานเป็นหนึ่งของจ้าวเทียน
หลังจากถูกฝ่ามือนี้ไป ร่างของนักพรตฮวยเหล็งก็กระเด็นถอยไปเกือบร้อยเมตร เพราะถูกพลังที่แฝงมากับกระบวนท่ามังกรผยองได้สำนึก ระเบิดออกมาอีกสิบเก้าครั้งซ้ำตรงจุดเดิม
สุดท้ายพลังเซียนคุ้มกายของเขาก็แตกสลาย กระอักเลือดคำโตและได้รับบาดเจ็บสาหัสไปในที่สุด
อย่างที่อั้งฮวงหลงได้บอกตั้งแต่แรก ว่าคนผิดต้องได้รับการลงโทษ ในเมื่อเรื่องทั้งหมดที่จ้าวเทียนพูดออกมาหลักฐานและพยานสมบูรณ์พร้อม ก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องจัดการคนผิด
หากไม่ใช่เพราะเกรงกลัวว่าจะทำให้สมาพันธ์บู๊ลิ้มแตกแยก เพราะผู้นำเข่นฆ่ากันเอง นักพรตฮวยเหล็งอาจจะถูกสังหารไปแล้วจากความผิดที่เขาก่อขึ้น เพราะมันสร้างความเสื่อมเสียให้สมาพันธ์อย่างรุนแรง
แต่ถึงแม้จ้าวเทียนจะล้างมลทินให้ตนเองได้ ก็ไม่อาจลบความเป็นศัตรูกับสมาพันธ์ได้อยู่ดี รวมทั้งเรื่องที่สมาพันธ์จะประกาศสงครามกับโลกภายนอก ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
หลังจากสมาพันธ์บู๊ลิ้มถอนกำลังกลับไปแล้ว แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าฉินทั้งสอง ก็ยกทัพกลับไปเช่นกัน พวกเขาต้องรีบไปรายงานสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ราชสำนักได้รับรู้ไว้
ว่าตอนนี้…อันดับห้ายอดฝีมือแห่งยุคได้เปลี่ยนเป็นเจ็ดยอดฝีมือแห่งยุคแล้ว
ตลอดระยะเวลาห้าร้อยปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้คนในยุทธภพได้เป็นสักขีพยาน ในการเผชิญหน้าของห้ายอดฝีมือแห่งยุคด้วยตาตนเอง
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อันดับยอดฝีมือแห่งยุคได้ถูกเขียนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
อันดับหนึ่ง หลวงจีนคิ้วขาว แห่งวัดเส้าหลิน
อันดับสอง อั้งฮวงหลง แห่งพรรคกระยาจก
อันดับสาม เทพกระบี่ แห่งสำนักหัวซาน
อันดับสี่ จ้าวเทียน พลเอกแห่งประเทศจีน
อันดับห้า นักพรตฮวยเหล็ง แห่งสำนักบู๊ตึ๊ง
อันดับหก เฮ้งหยวนจือ แห่งสำนักช้วนจินก่า
อันดับเจ็ด จินเก็งซือไท่ แห่งสำนักง้อไบ๊
ศึกในครั้งนี้ ได้ผลักดันให้ชื่อเสียงของจ้าวเทียน พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นคนในโลกหมิงหลง หรือชาวยุทธจากสำนักโบราณ ต่างก็ยอมรับในความแข็งแกร่งของเขาอย่างยินยอมพร้อมใจ
“ อามิตตาพุทธ…ประสกจ้าวพอจะมีเวลาสนทนากับอาตมาซักครู่ไหม ” หลวงจีนคิ้วขาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ท่านมีเรื่องสำคัญต้องบอกจ้าวเทียนอย่างเร่งด่วน
“ ตกลง…งั้นพวกเราไปสนทนากันในสำนักคุนหลุนก็แล้วกันครับ ” จ้าวเทียนรับคำทันที เขาปรายตาบอกเทพกระบี่เล็กน้อย ให้อีกฝ่ายติดตามมาด้วย
แม้เรื่องทั้งหมดเหมือนจะคลี่คลายแล้ว แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้เป็นมิตรกันอย่างแท้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา
การมีเทพกระบี่ติดตามไปด้วยย่อมปลอดภัยกว่า…
ณ ห้องโถงด้านใน เรือนรับรองเจ้าสำนักคุนหลุน
หลังจากที่เปียนเจียวเมิ่งสั่งให้สาวใช้ยกน้ำชาเข้ามา เธอก็สั่งห้ามทุกคนไม่ให้เข้ามาในบริเวณนี้ จากนั้นก็เดินจากไปอย่างรู้มารยาท เรื่องที่ไม่สมควรจะรู้ ก็อย่าพยายามไปสนใจให้มากความ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน