จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 264

นิกายจูเซียนนั้นเคยครองความยิ่งใหญ่ในแดนสวรรค์เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน แม้พวกเขาจะถือกำเนิดมาจากโลกระดับต่ำ แต่กลับสยบทุกสำนักบนแดนสวรรค์และโลกทิพย์ระดับสูงได้

หากไม่ใช่เพราะล่วงรู้ถึงความลับของเต๋าแห่งสวรรค์ แล้วโดนกวาดล้างไป นิกายจูเซียนอาจจะได้ครองความยิ่งใหญ่สืบต่อมาจนถึงยุคของจ้าวเทียนก็ได้ เพราะฉะนั้นทั้งเคล็ดวิชาและสิ่งสืบทอดของนิกาย เหนือกว่าที่คาดคิดไว้มาก

‘ บางที…พวกเขาอาจจะมีเคล็ดวิชาระดับเทวะเช่นกัน นี่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ฉันเจอตั้งแต่ย้อนเวลากลับมาในอดีต ’

จ้าวเทียนครุ่นคิดขึ้นด้วยความเคร่งเครียด ถึงแม้ว่ามันอาจจะมีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะกลายเป็นมิตร เมื่อรู้ว่าตัวเขาเองก็ผ่านการทดสอบสิ่งสืบทอดของนิกายจูเซียนเช่นกัน แต่เขาก็ไม่กล้าเดิมพันกับเรื่องนี้

เพราะกาลเวลาทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป ทายาทของผู้ภักดี ก็ไม่จำเป็นต้องจงรักภักดีต่อนิกายแบบบรรพบุรุษ

ดูจากที่พวกเขาเรียกตัวเองว่าตำหนักเทวะ ก็พอจะสัมผัสถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงได้เลย หากคนพวกนี้ได้รู้ว่าจ้าวเทียนครอบครองคลังลับของนิกายจูเซียนอยู่ ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะใช้วิธีแย่งชิง

‘ ฉันต้องจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จในโลกหมิงหลง…ไม่อาจปล่อยให้พวกตำหนักเทวะออกไปรุกรานโลกภายนอกได้ ’

หลังจากที่คิดได้แบบนี้ จ้าวเทียนก็บอกลาเทพกระบี่และพวกหลวงจีนคิ้วขาว เขาต้องรีบกลับไปพูดคุยกับคังหลิน เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการบางส่วนในอนาคต

เวลาประมาณสิบโมงเช้า เมืองเหล็กดำ

นี่เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนทุกคนต่างออกมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุข แม้ว่าหลายวันที่ผ่านมาจะเกิดเรื่องราวมากมาย ทั้งสงครามการช่วงชิงอำนาจและการเสียชีวิตของอดีตผู้นำตระกูลฉิน

แต่ด้วยการดูแลบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาเข้ารูปเข้ารอยตามเดิม จะมีก็แต่ความวุ่นวายเล็กเล็กน้อย เมื่อตระกูลฉินต้องการปรับปรุงสุสานบรรพชน ทำให้ราชสำนักส่งกองทหารมาดูแลอย่างใกล้ชิด

ตอนนี้ในเมืองเหล็กดำ จึงมีทหารจากเมืองหลวงออกเดินลาดตระเวนอยู่เป็นระยะตรงอาณาเขตทางตอนเหนือของเมือง ที่เป็นสถานที่ตั้งของสุสานบรรพชน

“ การที่ต้องตื่นมาลาดตระเวนรอบจวนเจ้าเมืองตั้งแต่เช้าแบบนี้ มันช่างทรมานจริงๆ ฉันเองยังรู้สึกเมาค้างอยู่เลย ” ชายคนหนึ่งบ่นออกมาเบาๆ ดูจากชุดที่เขาสวมอยู่นั้นเป็นของหัวหน้าทหารองครักษ์จวนเจ้าเมือง

“ หัวหน้า…คุณพูดประโยคนี้ออกมาสามรอบแล้วนะ เมื่อคืนก็เป็นคุณเองไม่ใช่เหรอ ที่ดื่มกินอย่างสนุกสนานจนเมาพับล้มลงไปกลางงานเลี้ยง ” ชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย

เขาได้เตือนหัวหน้าแล้วว่าอย่าดื่มมากไป แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยฟังแม้แต่น้อย สุดท้ายความซวยจึงตกมาที่เขาเอง ที่ต้องแบกหัวหน้ากลับไปส่งที่ห้อง

แถมยังจะต้องเช็ดอ้วกของอีกฝ่ายจนแทบไม่ได้นอน…

“ เรื่องนี้มันช่วยไม่ได้หรอก…หลังจากผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมา หากฉันไม่ได้ปลดปล่อยบ้าง คงเก็บกดจนกลายเป็นบ้ากันพอดี ” หัวหน้าองครักษ์พูดเสียงเบา แววตาของเขาแฝงไปด้วยความเสียใจ

คำพูดประโยคนี้ได้ทำให้องครักษ์ทุกคนที่ได้ยินเงียบลงไปทันที เพราะพวกเขาต่างก็เข้าใจความที่หัวหน้าต้องการสื่อ

ในการต่อสู้กับเซียนจากสำนักซงซานที่ผ่านมา พวกเขาต้องสูญเสียเพื่อนและพี่น้องไปมากมาย จากองครักษ์ห้าร้อยคน มีคนรอดชีวิตไม่ถึงสามส่วน

แม้ว่าตระกูลฉินจะดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างดี แต่มันก็ไม่อาจทดแทนความสูญเสียที่พวกเขาได้รับได้

ในตอนที่พวกเขาส่งศพสหายที่เสียชีวิตกลับไปนั้น ต้องพบกับภาพภรรยาหม้ายและบุตรกำพร้าคุกเข่าร้องไห้อย่างใจสลาย

ต่อให้เป็นบุรุษเหล็กที่แข็งแกร่ง ก็อดสะเทือนใจไม่ได้

เหมือนรู้ว่าบรรยากาศชักจะดูเศร้าเกินไป หัวหน้าองครักษ์จึงกระแอมเล็กน้อยแล้วพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้น

“ เมื่อคืน…พวกนายคิดว่านายน้อยฉินหนานดูเปลี่ยนไปหรือเปล่า ”

!!

สิ้นเสียง สีหน้าขององครักษ์ทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที สมองของพวกเขานึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ในงานเลี้ยงเมื่อคืน ที่ถูกจัดขึ้นเพื่อนต้อนรับองค์หญิงแคว้นต้าหมิงและบรรดายอดฝีมือระดับปรมาจารย์

“ พอคุณพูดขึ้นมา…ฉันก็รู้สึกว่านายน้อยฉินหนานแปลกไปจริงๆ ในอดีตไม่ว่าเขาจะเมาขนาดไหน ก็ไม่เคยทำตัวแปลกประหลาดขนาดนั้น ” องครักษ์คนหนึ่งพูดขึ้นแบบไม่แน่ใจนัก

“ จริงด้วย…ฉันเองก็คิดแบบนั้น ตลอกห้าปีที่เป็นองครักษ์ของตระกูลฉิน ฉันเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงที่นายน้อยจัดขึ้นหลายครั้ง แม้ว่านายน้อยจะคออ่อนมาก แต่ก็ไม่เคยก่อเรื่องวุ่นวายมาก่อน ”

“ ใช่แล้ว…สมัยก่อนตอนที่นายน้อยเมา ก็จะให้สาวใช้ประคองกลับห้องพักทันที แตกต่างจากเมื่อคืนที่นอกจะเต้นรำด้วยท่าทางประหลาดแล้ว ยังท้าดวลสุรากับแขกที่มาร่วมงานอีก ”

องครักษ์แต่ละคนต่างผลัดกันออกมาความเห็นกันอย่างต่อเนื่อง จนหัวหน้าองครักษ์ยังเข้าประสมโรงด้วย พวกเขานินทานายน้อยของตนกันอย่างสนุกปาก

“ เอ่อ…จะว่าไป มันจะไม่เกิดสงครามระหว่างแคว้นใช่ไหม ที่นายน้อยฉินหนานทำแบบนั้นกับองค์หญิงแคว้นต้าหมิง ” องครักษ์คนเดิมพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล โชคดีที่พวกองครักษ์ขององค์หญิงแคว้นต้าหมิงแยกตัวออกไปพักผ่อนก่อน จึงไม่เห็นภาพแบบนั้นเข้า

“ เอ่อ…เรื่องนี้ ” หัวหน้าองครักษ์ก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน