ณ ห้องประชุมลับของตระกูลฉิน
ผ่านไปหนึ่งวัน หลังจากองค์ชายใหญ่ถูกคังหลินสังหาร ทางราชสำนักยังไม่ได้มีประกาศอะไรออกมา แสดงให้เห็นว่าคำขู่ของจ้าวเทียนได้ผล ชายชุดเขียวคงกลับไปรายงานทุกอย่างตามจริง
นั่นคงรวมไปถึงขุมกำลังทั้งหมดในปัจจุบันของฝ่ายจ้าวเทียนด้วย ทำให้ทางราชสำนักไม่กล้าใช้มาตรการรุนแรง เพราะมันจะกระทบถึงความมั่นคงของแคว้นต้าฉินทั้งหมด
ผู้ที่เข้าร่วมการหารือในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญที่มีอำนาจในฝ่ายของตระกูลฉิน อันได้แก่ตัวผู้นำตระกูล, ผู้อาวุโสสูงสุด, จ้าวเทียน, คังหลิน และองค์หญิงฉินฟ่านเออร์
“ ปรมาจารย์พวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง…มีคนตัดสินใจเข้าร่วมกับพวกเรากี่คน ” จ้าวเทียนหันไปถามฉินเป่ยฮวง ซึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลฉิน
“ ฉันได้มอบเคล็ดวิชาส่วนแรกให้พวกเขาตามที่คุณบอกแล้ว…แต่หลังจากที่พวกเขารู้ถึงเงื่อนไขที่เรากำหนดไว้ ทำให้มีผู้ตัดสินใจเข้าร่วมกับพวกเราเพียงสองร้อยคนเท่านั้น ” ฉินเป่ยฮวงตอบออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย
เมื่อวานนี้ จ้าวเทียนได้เรียกประชุมปรมาจารย์ทุกคนที่มาจากงานชุมนุมกระบี่ เพื่อจัดตั้งกองกำลังส่วนตัว โดยเขาจะมอบเคล็ดวิชาระดับสูง ทรัพยากรฝึกตนและอาวุธชั้นยอดให้
ด้วยความสามารถของจ้าวเทียนในตอนนี้ การที่เขาจะคิดค้นเคล็ดวิชากระบี่ขึ้นมาซักชุดหนึ่ง จากการหลอมรวมจุดเด่นของสำนักห้าขุนเขากระบี่เป็นเรื่องง่ายมาก
เพราะเขาได้รับแหวนมิติของเจ้าสำนักซงซาน, เฮ่งซาน, หานซานและไท่ซานมาแล้ว ซึ่งในนั้นได้รวบรวมเคล็ดวิชาทุกอย่างของสำนักพวกเขาเอาไว้
เคล็ดวิชากระบี่ห้าขุนเขาที่จ้าวเทียนคิดค้นขึ้น เป็นการรวมจุดเด่นของทุกสำนักเป็นหนึ่งเดียว หากสามารถฝึกฝนได้สำเร็จ จะเข้าสู่ขอบเขตคนกระบี่ประสานเป็นหนึ่งได้ทันที
แน่นอนว่า จ้าวเทียนไม่ได้นำเคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดาย หลอมรวมเข้าไปด้วย เนื่องจากเป็นวิชาส่วนตัวของเทพกระบี่ เขาไม่สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้หากยังไม่ได้รับอนุญาต
“ สองร้อยคนงั้นเหรอ…นับว่าเยอะกว่าที่ฉันคาดการณ์เอาไว้ ” จ้าวเทียนพยักหน้าเล็กน้อย ตอนแรกเขาคิดว่าจะมีผู้เข้าร่วมเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
เพราะถึงแม้ผลตอบแทนที่จ้าวเทียนเสนอให้จะน่าดึงดูดแค่ไหน แต่ปรมาจารย์เหล่านั้นเกินครึ่งเป็นผู้ที่มาจากแคว้นอื่น การที่จะให้พวกเขาตัดขาดจากรากเหง้าของตนเองเป็นเรื่องยากมาก
“ อาจารย์…เอ่อ เรื่องในวันพรุ่งนี้ ” คังหลินรู้สึกกระดากปากเล็กน้อย ที่ต้องเรียกศิษย์น้องของตัวเองว่าอาจารย์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถบอกความจริงออกไปได้ ตัวตนของเขาในตอนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก
หากทุกคนในตระกูลฉินรู้ว่าคังหลินเป็นคนนอกที่เข้ามายึดครองร่างนายน้อยของพวกเขา อาจจะมีท่าทีเปลี่ยนไปก็ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเล่นละครกันต่อไป
“ มีปัญหาอะไรเหรอ…คงไม่ใช่ว่า รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับพ่อตาในอนาคตนะ ” จ้าวเทียนพูดหยอกล้อออกมา ทำให้ทุกคนที่ได้ยินหลุดยิ้มขึ้น
“ นี่มัน… ” คังหลินรู้สึกพูดไม่ออก เขาอยู่มาห้าพันปียังไม่เคยแต่งงานเลยซักครั้ง ต่อให้รู้ว่าเป็นการแต่งงานปลอมๆเพื่อบรรลุแผนการก็เถอะ
ทันใดนั้น สายตาของเขาก็เหลือบมองไปทางฉินฟ่านเออร์เล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าเธอกำลังก้มหน้าลงด้วยใบหน้าเขินอาย เขาก็ถอนหายใจออกมา
‘ ฉันควรจัดการกับความสัมพันธ์แบบนี้ยังไงดี… ’
ผ่านไปครู่หนึ่ง
ในขณะที่ทุกคนกำลังวางแผนเรื่องมาตรการป้องกัน เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันวันพรุ่งนี้
ที่ด้านหน้าห้องก็มีเสียงเคาะประตูขึ้น จากนั้นชายคนหนึ่งก็นำเอกสารปึกหนึ่งเข้ามามอบให้กับฉินกวงลี่ แล้วค่อยถอนตัวจากไป
‘ ดูเหมือนการสอบสวนคนขององค์ชายใหญ่ จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ’
จ้าวเทียนจำได้ว่า คนที่เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้คุ้มกันที่เขามอบหมายหน้าที่ให้ เหตุผลที่ชายคนนั้นไม่ได้นำเอกสารมามอบให้กับจ้าวเทียนโดยตรง ก็เพราะในห้องนี้ฉินกวงลี่เป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุด
แม้ว่าจ้าวเทียนจะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์เมื่อวาน แต่สำหรับทุกคนในตระกูลฉินแล้ว เขาก็ยังถือเป็นคนนอกอยู่ดี ความสัมพันธ์ของศิษย์อาจารย์นั้นจะผูกมัดตัวเขาไว้กับคังหลินเพียงอย่างเดียว
หากอนาคตข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นกับคังหลิน ตัวเชื่อมระหว่างจ้าวเทียนกับตระกูลฉินก็จะถูกตัดขาดทันที
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฮูหยินตระกูลฉินพยายามจับคู่ลูกสาวตนเองกับจ้าวเทียนมาก เธอต้องการให้จ้าวเทียนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล
“ แม้แต่เรื่องแบบนี้ยังกล้าทำ…ช่างสมควรตายจริงๆ ” ฉินกวงลี่พึมพำออกมาด้วยความโกรธ ยิ่งเขาอ่านรายงานที่อยู่ในมือมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกรับไม่ได้
เพื่อที่จะฝึกฝนวิชามารแล้ว แม้แต่บุตรสาวของลูกน้องตัวเองก็ไม่เว้น คดีคนหายสาบสูญในเมืองหลวงส่วนใหญ่ ล้วนแต่เป็นฝีมือขององค์ชายใหญ่ทั้งสิ้น
!!
“ นี่มัน… ” ฉินกวงลี่มีท่าทีเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นเอกสารชุดสุดท้าย มันเป็นส่วนที่ได้มาจากผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์
แม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับความผิดขององค์ชายใหญ่ แต่นี่กลับเป็นข้อมูลลับที่อีกฝ่ายล่วงรู้มาโดยบังเอิญ
เมื่ออ่านจบแล้ว ฉินกวงลี่ก็ได้ยื่นเอกสารทั้งหมดให้จ้าวเทียน ซึ่งเมื่อได้รับมาแล้วเขาก็กวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว จากนั้นแววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเฉียบคม
‘ ฮ่องเต้ของห้าแคว้นใหญ่ได้ปรึกษาหารือกันเป็นการลับ…เพื่อต้องการเปิดสงครามกับสมาพันธ์บู๊ลิ้มอีกครั้ง จุดประสงค์คือต้องการขับไล่อีกฝ่ายออกไปจากโลกของพวกเขา ’
สิ่งที่ได้รู้ทำให้จ้าวเทียนรู้สึกตกใจมาก แต่เมื่อคิดไปถึงตลอดห้าร้อยปีที่ผ่านมา สมาพันธ์บู๊ลิ้มซึ่งเป็นผู้บุกรุกได้ยึดครองทรัพยากรทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียว ทั้งเหมืองหินวิญญาณ และสมุนไพรโอสถล้ำค่า
เรื่องนี้คงสร้างความโกรธแค้นให้กับทุกคนที่ถือกำเนิดในโลกนี้มาก สิ่งของที่ควรเป็นของพวกเขากลับถูกคนนอกเข้ามายึดครองไป ทั้งยังปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนเป็นข้ารับใช้อีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน