หลังจากทำลายพลังฝีมือของผู้อาวุโสเซียวแล้ว จ้าวเทียนก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก ถ้าอีกฝ่ายยังมีความคิดอยู่บ้าง ก็ควรรู้ตัวดีว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
ส่วนเรื่องพรรคกระยาจกนั้น เขาเชื่อว่าผู้อาวุโสอั้งฮวงหลงน่าจะสังเกตแนวทางฝีมือของตัวเขาออก ต่อให้ไม่บอกตัวตนที่แท้จริงออกไป ทางนั้นก็คงจะติดต่อกลับมาหาเขาเอง
“ คุณเป็นยังไงบ้าง ” จ้าวเทียนใช้มือสัมผัสไปที่แผ่นหลังของคังหลิน ถ่ายทอดพลังรักษาอาการบาดเจ็บให้
“ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น…หลังจากนี้ พวกเราจะทำยังไงต่อ ” คังหลินรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง เขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะดำเนินมาถึงขั้นนี้
ถึงแม้ตามกฎการต่อสู้เป็นตายของราชวงศ์ ตำแหน่งและสถานะขององค์ชายใหญ่จะถูกส่งต่อมาให้คังหลิน แต่มันก็ติดปัญหาตรงที่ท่าทีของฮ่องเต้และฝ่ายของพระชายาหลัก ไม่รู้ว่าทางนั้นจะยินยอมหรือเปล่า
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด จ้าวเทียนได้รายงานก่อนจะมาถึงที่นี่และก็ได้คิดวิธีแก้ไขเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“ เห็นที พวกเราคงจะต้องเข้าสู่แผนการขั้นต่อไปเร็วกว่าที่คิด แคว้นต้าฉินสมควรเปลี่ยนตัวผู้ปกครองซักที ”
!!
“ นี่…หรือว่านายคิด ” คังหลินมีสีหน้าตกใจ เขาพอจะคาดเดาหมากต่อไปของจ้าวเทียนได้แล้ว และนั่นก็คือตัวเขาเอง
“ ตามที่คิดนั่นแหละ…คุณจะต้องขึ้นเป็นฮ่องเต้คนต่อไปของราชวงศ์ฉิน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ทำให้คังหลินแสดงสีหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา เพราะตัวเขาเองมีนิสัยปล่อยตัวไม่สำรวม ส่วนเรื่องที่จะให้เป็นฮ่องเต้ปกครองผู้คนนั้น ไม่เคยอยู่ในหัวสมองมาก่อน
ซึ่งสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันนั้น หญิงสาวสองคนที่อยู่ด้านข้างเองก็ได้ยินเช่นกัน
ฉินฟ่านเออร์ทำท่าเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่เธอก็หยุดเอาไว้ก่อน สายตาของเธอมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
“ เอ่อ…ขอฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม ทำไมพวกนายสองคนทำเหมือนว่าตำแหน่งฮ่องเต้มันง่ายที่จะได้มาขนาดนั้น ”
“ ต่อให้ฉินหนานเอาชนะเดิมพันขององค์ชายใหญ่ได้…แต่มันก็ยังมีอุปสรรคขวากหนามอีกมากมาย ที่ขวางกั้นเขาจากการขึ้นเป็นฮ่องเต้อยู่นะ ” จูม่านฉีถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
แม้ตัวเธอจะต้องการให้ชายคนรักขึ้นสู่จุดสูงสุดของแคว้นต้าฉิน แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเส้นทางนี้สำหรับเขานั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่แล้ว
นั่นเพราะฉินหนานไม่ได้มีสายเลือดของราชวงศ์ที่แท้จริง ไม่มีทางที่พวกราชวงศ์คนอื่นและขุนนางระดับสูงจะยอมรับอย่างแน่นอน
จ้าวเทียนที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ หากเป็นก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้มันได้แตกต่างไปจากเดิมแล้ว
เมื่อมีห้าขุนเขากระบี่และปรมาจารย์ทั้งแผ่นดินให้การสนับสนุน ต่อให้ราชวงศ์จะต่อต้านแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์
“ เรื่องนี้ เดี๋ยวเธอก็รู้เอง…ขอฉันไปจัดการเรื่องสำคัญบางอย่างก่อนก็แล้วกัน ” จ้าวเทียนพูดทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนจะเดินแยกออกไปหาเหล่าปรมาจารย์ที่ติดตามเขามาจากงานชุมนุมกระบี่
ซึ่งท่าทีของจ้าวเทียนนั้น ทำให้จูม่านฉีรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกที่ไม่รู้อะไรเลย
“ ฉินหนาน…นาย ” เมื่อรู้ว่าถามเอาจากจ้าวเทียนไม่ได้ เธอจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นคนข้างกายแทน แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายกับฉินฟ่านเออร์เดินออกไปหาเจ้าเมืองแล้ว
“ ฮึ่ม…พวกนายมีความลับเยอะนักนะ ไม่ยอมหรอก ฉันจะต้องรู้ให้ได้เลย ” จูม่านฉีกระทืบเท้าอย่างขัดใจ แล้วรีบวิ่งตามคังหลินไปทันที
ห่างออกไปไม่ไกล พวกผู้ติดตามขององค์ชายใหญ่ได้ถูกควบคุมตัวเอาไว้หมดแล้ว ทุกคนต่างถูกผู้คุ้มกันของตระกูลฉินจับมัดให้คุกเข่าอยู่บนพื้น รอรับการจัดการในฐานะเชลยศึก
ส่วนปรมาจารย์ทั้งสามร้อยคนนั้น พวกเขาเองก็อยู่ตรงบริเวณนี้เช่นกัน เพราะเหตุผลหลักที่พวกเขามาที่เมืองแห่งนี้ก็เพราะจ้าวเทียน ดังนั้นจนกว่าจะได้เจอกับจ้าวเทียนอีกครั้ง ก็ไม่มีใครคิดแยกตัวออกไปแน่นอน
“ ฉันขอบคุณทุกคนมาก…ทั้งที่ตอบรับคำเชิญของฉัน และยังยื่นมือเข้าช่วยเหลือตระกูลฉินในวันนี้อีก ” จ้าวเทียนพูดออกมาเสียงดัง
แท้จริงแล้วคนพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย แต่ยังเลือกยืนเคียงข้างตระกูลฉิน แม้ต้องเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสพรรคกระยาจกก็ยังไม่คิดหลบหนี
“ ผู้อาวุโสฉินกล่าวเกินไป…หากไม่มีคุณ พวกเราคงถูกหลอกใช้ให้กลายเป็นเบี้ยของห้าขุนเขากระบี่ ป่านนี้คงทิ้งร่างเป็นศพอยู่ที่สำนักคุนหลุนแล้ว ” ชายหน้าบากคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นผู้ที่เข้มแข็งที่สุดจึงกลายเป็นเสมือนตัวแทนของปรมาจารย์ทุกคน
“ ใช่แล้ว…ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ พวกเราคงไม่ได้อยู่ตรงนี้ ”
“ พวกเราแทบไม่ได้ทำอะไรเลย…คงรับคำขอบคุณไว้ไม่ได้หรอก ”
“ หากต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา ก็บอกมาได้เลยนะ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน