จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 293

ภาพซากศพไร้ศีรษะของสองคนที่นอนตายอยู่ ได้สร้างความหวาดให้ทุกคนที่ได้พบเห็น เนื่องจากไม่มีใครรู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าจ้าวเทียนทำได้อย่างไร

แม้แต่ลิ้มเฉียวฟงและประมุขกวงฉี ซึ่งเป็นยอดฝีมือขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา ก็ยังขัดขวางไว้ไม่ทัน

“ พวกเรารีบถอยเร็ว แค่หลบไปอยู่หลังท่านเจ้าสำนักมันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ”

“ ใช่แล้ว…อย่าเปิดโอกาสให้มันลอบโจมตีอีก ”

เซียนเกือบทุกคนของฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งพวกที่เพิ่งมาถึงพากันแตกฮือหลบหนีไปซ่อนกายอยู่ด้านหลังผู้นำทั้งสองของตนอย่างรวดเร็ว

สายตาของพวกเขาต่างจับจ้องไปที่กระบี่ในมือจ้าวเทียนอย่างเคร่งเครียด ต่อให้การโจมตีจะรวดเร็วแค่ไหน แต่ถ้ารู้จักระวังตัวอยู่ก่อน ก็คงไม่พลาดท่าเสียทีแน่นอน

“ กล้าดียังไง…คิดว่าตัวเองเป็นเทพกระบี่งั้นเหรอ ถึงประกาศว่าจะสังหารคนต่อหน้าฉันแบบนี้ ” ลิ้มเฉียวฟงพูดขึ้นด้วยความโกรธ

พลังเซียนของเขาโคจรอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นม่านพลังสีม่วงปกคลุมอาณาเขตหลายสิบเมตรรอบตัวเอาไว้

เหอะ!

“ ถึงเวลาแล้ว! ”

จ้าวเทียนที่เห็นแบบนั้นก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา กระบี่ในมือเขาเริ่มทอประกายสีเงินจางๆ ปลดปล่อยออร่าแหลมคม ราวกับจะสามารถทะลวงได้ทุกสรรพสิ่ง

“ เจตน์แห่งกระบี่! ”

วิ้งงงง!

เหมือนสายฟ้าฟาดผ่านในยามราตรี ลำแสงสีเงินฉีกกระชากม่านพลังของลิ้มเฉียวฟงเข้าไปอย่างง่ายดาย ทำให้ทุกคนที่จ้องมองอยู่ รู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะ

“ บัดซบ!...อย่าได้หวัง ”

“ วิชาตาข่ายฟ้าดิน! ”

ฝ่ามือของลิ้มเฉียวฟงคว้าไปทางลำแสงสีเงินอย่างรวดเร็ว เส้นใยพลังงานขนาดเล็กถักทอเป็นร่างแหขนาดใหญ่ปกคลุมพื้นที่ตรงหน้า ผนึกความเคลื่อนไหวของกระบี่บินเอาไว้

เปรี้ยง! ครืนนนน!

เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง แสงสีเงินได้ทะลวงร่างแหเข้าไปสิบกว่าชั้น จนเหลือระยะทางเพียงไม่กี่เมตร จะถึงตัวเป้าหมายที่จ้าวเทียนเล็งไว้

แต่ทว่า มันก็ได้ถูกพลังอ่อนหยุนของตาข่ายฟ้าดินปิดผนึกเอาไว้เสียก่อน ทำให้ลำแสงสีเงินกลับมาอยู่ในสภาพกระบี่อีกครั้ง

“ แหลกไปซะ! ” ลิ้มเฉียวฟงใช้มืออีกข้าง ตบฟาดไปทางกระบี่เล่มนั้นอย่างรุนแรง

“ หัตถ์หกสุริยัน! ”

เงาฝ่ามือขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยพลังงานหยางอันร้อนแรงดุจดวงตะวัน บดขยี้กระบี่ของจ้าวเทียนออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แตกกระจายไปทั่วทิศทาง

“ ท่านเจ้าสำนัก ยอดเยี่ยมมาก ”

“ พวกเรารอดแล้ว…ที่แท้อีกฝ่ายก็เก่งแต่ลอบโจมตีเท่านั้น ”

เสียงโห่ร้องให้กำลังใจของฝ่ายตน ทำให้สีหน้าของลิ้มเฉียวฟงเปลี่ยนเป็นหยิ่งผยองอีกครั้ง เขาใช้สายตาดูถูกมองไปทางจ้าวเทียนเหมือนต้องการเยาะเย้ย

“ แกมีดีแค่นี้เองเหรอ…ช่างน่าผิดหวังเสียจริง ”

จ้าวเทียนที่เห็นแบบนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆ เขาหยิบกระบี่ชั้นยอดเล่มใหม่ออกมาจากแหวนมิติอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ อีกห้าวินาที ฉันจะสังหารอีกสองคน ”

“ ฮ่า ฮา อย่ามาพูดให้ขำไปหน่อยเลย เมื่อครู่นี้วิชาของแกเพิ่งจะถูกฉันทำลายไปเห็นๆ ” ลิ้มเฉียวฟงพูดขึ้นเสียงดัง เขามองดูจ้าวเทียนเหมือนกับเป็นตัวตลกไม่มีผิด

ทันใดนั้นเอง

ตุบ!ๆ

เซียนสามคนที่อยู่ด้านหลังลิ้มเฉียวฟง หงายหลังล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน ที่กลางหน้าผากของพวกเขามีเศษกระบี่ของจ้าวเทียนฝังอยู่ ทำให้สมองของพวกเขาถูกทำลายตายไปโดยไม่รู้ตัว

!!

“ นี่แก…ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ” ลิ้มเฉียวฟงพูดขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง เขายืนอยู่ไม่ไกลจากลูกน้องแท้ๆ แต่กลับไม่ได้รู้สึกตัวเลย

“ ต้องขออภัยด้วย…ฉันตื่นเต้นไปหน่อย เลยพลั้งมือสังหารไปตั้งสามคน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา กระบี่ในมือเขาเล็งตรงไปยังกลุ่มเซียนที่อยู่ด้านหลังอีกฝ่ายเหมือนกำลังมองหาเป้าหมายถัดไป

พรึบ!

ไม่ว่าเป็นใครที่ถูกคมกระบี่ของจ้าวเทียนชี้ใส่ ต่างพากันถอยหนีอย่างหวาดกลัว พวกเขารู้ดีว่าคงพึ่งพาผู้นำของตนเองไม่ได้แล้ว ต้องดิ้นรนหาทางรอดกันเอง

‘ ตื่นเต้นบ้านปู่แกสิ…นี่มันจงใจชัดๆ บัดซบ เซียนสำนักฉันของถูกสังหารไปจนเกือบหมดแล้ว ’

แม้ลิ้มเฉียวฟงจะคิดแบบนี้ แต่ก็ไม่กล้าพูดจายั่วยุจ้าวเทียนอีก เขารีบหันไปสั่งการทันที เพราะหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ คนที่จะตายเป็นรายต่อไปก็คือศิษย์คนโตของเขาเอง เพราะเป็นเซียนคนเดียวของสำนักเขาที่เหลืออยู่

“ ปล่อยพวกเธอไปซะ! ”

เมื่อได้ยินคำสั่ง พวกคนที่จับกุมตัวประกันไว้ก็รีบทำตามทันที ต่อให้อีกฝ่ายบอกจะสังหารแค่เซียน

แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเมื่อพวกเขาลงมือกับหญิงสาวพวกนี้อีกครั้ง กระบี่ที่น่าหวาดกลัวเล่มนั้นจะไม่มาปักลงที่กลางหน้าผากพวกเขา

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของประมุขกวงฉีมาโดยตลอด แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางอะไร

เพราะภายในใจของเขาตอนนี้ มันกำลังเดือดพล่านตั้งแต่เห็น กระบี่บินหลุดออกจากมือของจ้าวเทียนแล้ว

‘ นี่หรือว่าจะเป็น…ขอบเขตเจตน์แห่งกระบี่ในตำนาน เป็นไปไม่ได้ นอกจากเทพกระบี่แล้วยังจะมีคนอื่นบรรลุถึงขั้นนี้ได้ยังไง ’

มีแต่ผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกับประมุขกวงฉีและกงม่านเออร์เท่านั้น ถึงจะมองความลึกล้ำของเคล็ดวิชาที่จ้าวเทียนใช้ออก เพราะตัวของทั้งสองคนนั้น ก็อยู่ในขอบเขตหลอมรวมกับอาวุธเป็นหนึ่งเช่นกัน

แม้จะไม่สามารถสัมผัสถึงขอบเขตที่จ้าวเทียนอยู่ได้ แต่ก็รับรู้ได้ว่ามันคืออะไร

ในใจของประมุขกวงฉีนั้นรู้สึกเคร่งเครียดมาก เพราะเขากำลังจะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกับเทพกระบี่

แตกต่างกับกงม่านเออร์ ที่กำลังรู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมาก เพราะคิดว่าบางทีจ้าวเทียนอาจจะเป็นคนที่สำนักของเธอเฝ้ารอมาเนิ่นนานก็เป็นได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน