จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 292

ตอนนี้หญิงสาวทั้งยี่สิบคน ถูกจับให้นั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลางสนามรบอย่างน่าสงสาร แม้เครื่องแต่งกายของพวกเธอจะยังอยู่ครบ แต่ดูจากสีหน้าโกรธแค้นของพวกเธอแล้ว ก่อนหน้านี้คงได้รับความอัปยศจากฝ่ายต้องข้ามมาแน่นอน

“ พวกแกคิดจะทำอะไร…ขอบอกไว้ก่อนนะ อย่าคิดว่าสำนักของฉันจะยอมแพ้เพราะเรื่องแบบนี้ พวกเรายินดีสู้จนตัวตาย ไม่ให้พวกแกสมหวังเด็ดขาด ” กงม่านเออร์พูดเสียงเย็นชา

บนบ่าของเธอแบกรับชีวิตของศิษย์ในสำนักนับพัน เพื่อส่วนรวมแล้ว เธอไม่มีทางยอมใจอ่อนกับตัวประกันเพียงยี่สิบคนแน่นอน

“ ใจเย็นลงก่อน…พวกฉันไม่ใช้ตัวประกันมาข่มขู่ให้เธอยอมแพ้หรอก เพียงแค่อยากจะขอเวลาซักยี่สิบนาทีในการปรึกษากันเองซักเล็กน้อย ”

“ หลังจากครบเวลาแล้ว…ฉันจะปล่อยสาวงามทั้งยี่สิบคนนี้ให้เป็นอิสระ ” ลิ้มเฉียวฟงพูดขึ้นอย่างใจเย็น เขารู้ดีว่าตัวประกันเพียงยี่สิบคน ไม่มีน้ำหนักพอจะให้อีกฝ่ายยอมแพ้อยู่แล้ว

“ ถ้าแกพูดจริง! ก็จงสาบานด้วยจิตวิญญาณของแกเอง ฉันถึงจะยอมตกลง ” กงม่านเออร์พูดขึ้นด้วยแววตาเฉียบคม

มีเพียงให้อีกฝ่ายสาบานด้วยจิตวิญญาณเท่านั้นเธอถึงจะยอมเชื่อ เพราะหากอีกฝ่ายผิดคำพูด ก็จะก่อเกิดจิตมารในใจตนเอง ชาตินี้อย่าหวังจะบรรลุขอบเขตขั้นต่อไปได้อีก

“ ได้….ฉัน ลิ้มเฉียวฟงขอสาบานด้วยจิตวิญญาณของตนเอง ว่าเมื่อครบยี่สิบนาทีแล้วจะปล่อยตัวหญิงสาวพวกนี้ไปแบบยังมีชีวิต ”

วูปป!

เมื่อลิ้มเฉียวฟงกล่าวคำสาบานเสร็จ ดวงตาของเขาก็เปล่งแสงสีขาว และปลดปล่อยคลื่นพลังงานบางอย่างออกมา เป็นการแสดงให้เห็นว่าจิตวิญญาณของเขา ได้ตอบรับกับคำสาบานนั้นแล้ว

“ ดีมาก…ฉันหวังว่าแกจะรักษาคำพูด ” กงม่านเออร์ทิ้งคำพูดไว้ ก่อนจะหันหลังบินกลับไปยังกองกำลังฝ่ายตน

ตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายจึงกลับมาอยู่ในสถานการณ์เผชิญหน้ากันอีกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามกำลังปรึกษาแผนการบางอย่างกันอยู่ ส่วนฝ่ายของจ้าวเทียนก็ต้องอดทนรออย่างใจเย็น เพราะกลัวตัวประกันจะได้รับอันตราย

ต้องบอกเลยว่า วินาทีแรกที่ศัตรูนำตัวประกันออกมา ก็ทำให้หัวใจของจ้าวเทียนเต้นช้าไปหนึ่งจังหวะ เพราะกลัวว่ากงเสี่ยวเหมยจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

ถือเป็นโชคโชคดี เรื่องที่เขากังวลนั้นไม่เกิดขึ้น ทั้งยี่สิบคนที่ถูกจับตัวไปไม่มีกงเสี่ยวเหมยอยู่ ทำให้จ้าวเทียนสามารถวางแผนตอบโต้อย่างใจเย็นได้

‘ หืม…เสี่ยวเหมยหายไปไหน ’

สายตาของจ้าวเทียนกวาดมองไปทางหญิงสาวทุกคนบริเวณรอบๆ แต่ก็ไม่เจอคนที่เขาตามหา นั่นทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์อัปมงคลขึ้น จึงได้ส่งเสียงทางลมปราณหาหยางถิงเฟิง ให้ไปตรวจสอบดู

“ คารวะเจ้าสำนักกง…ฉันคือศิษย์หลักอันดับหนึ่งแห่งหัวซาน มีนามว่าหยางถิงเฟิง รับหน้าที่เป็นผู้นำในภารกิจช่วยเหลือในครั้งนี้ ” หยางถิงเฟิงพูดขึ้นอย่างเป็นทางการ

“ ต้องขอบคุณพวกเธอมาก…ที่ทลายวงล้อมเข้ามาช่วยสำนักสุสานโบราณของฉัน ไม่ต้องกังวล ทุกความสูญเสียที่พวกเธอได้รับ หลังจบเรื่องทั้งหมดแล้ว พวกฉันจะตอบแทนให้อย่างเต็มที่ ”

จากนั้นเหมือนไม่ตั้งใจ สายตาของกงม่านเออร์เหลือบมองไปที่จ้าวเทียนครู่หนึ่ง ซึ่งหยางถิงเฟิงก็เข้าใจ จึงแนะนำตัวให้ทันที

“ ท่านนี้คือผู้อาวุโสเทียน…ซึ่งรับคำสั่งโดยตรงจากเทพกระบี่ให้มาช่วยเหลือพวกฉัน ในภารกิจนี้โดยเฉพาะ ”

“ ที่แท้เป็นสหายเซียนเทียนนี่เอง…ฉันต้องขอขอบคุณสหายเซียนมาก เพราะการมาของคุณทำให้พวกเรามีโอกาสในการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้เกือบแปดส่วน ” กงม่านเออร์พูดขึ้นด้วยท่าทีเป็นกันเอง

เธอมองจ้าวเทียนเป็นผู้อยู่ในสถานะเดียวกัน ไม่ได้มีท่าทีดูถูกแม้แต่น้อย

“ หืม…เป็นผู้ที่เทพกระบี่ส่งมาด้วยตัวเองงั้นเหรอ ”

“ ถึงว่า…ทำไมเขาถึงต่อกรกับลิ้มเฉียวฟงได้ ”

พวกผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักสุสานโบราณหันไปกระซิบกันเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่แห่งไหนในโลกใบนี้ ตัวตนของเทพกระบี่ล้วนแต่เป็นที่นับหน้าถือตาของทุกคน

โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เทพกระบี่สามารถบรรลุขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาได้แล้ว เคยมีคนกล่าวว่า หากในตอนนี้เทพกระบี่และเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินต่อสู้กันจริงๆ คนที่ชนะอาจจะเป็นเทพกระบี่เสียมากกว่า

“ เอ่อ…คือว่า ” กงหมิงยู่มีท่าทีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นต่อ

“ ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสฉินหวง ได้ติดต่อกับทางสำนักหัวซานบ้างหรือเปล่า เพราะเขามีนัดหมายอยู่กับสำนักสุสานโบราณของฉัน ”

หยางถิงเฟิงที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปรายตามองไปทางจ้าวเทียน เหมือนต้องการสื่อความหมายบางอย่าง

“ ฉินหวงติดภารกิจสำคัญอยู่…เขาได้ฝากฝังให้ฉันมาพบกับสำนักสุสานโบราณแทน แต่ไม่ต้องกังวล อะไรก็ตามที่ฉินหวงทำได้ ฉันเองก็ทำได้เช่นกัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยท่าทีมั่นใจ

คำตอบที่ได้รับ ทำให้กงหมิงยู่มีท่าทางลังเลบางอย่าง เพราะที่เธออยากพบฉินหวงมันยังมีเรื่องอื่นด้วย

“ จริงสิ หมิงยู่…ทำไมฉันไม่เห็นศิษย์น้องกงเสี่ยวเหมยเลย เธอไม่ได้ออกมาช่วยต่อสู้เหรอ ” หยางถิงเฟิงฉวยโอกาสพูดเข้าประเด็นทันที

!!

ซึ่งคำถามของเขานั้น ก็ทำให้ทุกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะตัวกงหมิงยู่เอง เธอรู้ว่าเหตุผลที่สำนักหัวซานยื่นมือช่วยเหลือสำนักสุสานโบราณ ก็เพราะเห็นแก่หน้าฉินหวง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน