แผนการของสำนักจตุเทวะนับว่ารัดกุมเป็นอย่างมาก นอกจากเพาะสร้างยอดฝีมือหนึ่งร้อยคนที่เทียบเท่าขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา เพื่อทำภารกิจครั้งนี้โดยเฉพาะแล้ว
พวกเขาก็ยังส่งทูตเทวะทั้งสี่ลงมาทำหน้าที่เป็นสายลับ ใช้เวลาแปดปียั่วยุให้สมาพันธ์บู๊ลิ้มกับแคว้นใหญ่ทั้งห้าแตกคอกัน เพื่อตัดกำลังของอีกฝ่ายและดึงเอาแคว้นใหญ่ทั้งห้ามาเป็นพวกของตน
แน่นอนว่าแผนการนี้ประสบผลสำเร็จมาก เพราะแคว้นหลี่และแคว้นฉู่ได้ตกอยู่ในความควบคุมของพวกเขาแล้ว
ต่อให้อีกสามแคว้นที่เหลือจะไม่เข้าร่วม แต่ก็คงเลือกเป็นกลางไม่ช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพราะการปลุกปั่นของพวกเขา เรื่องนี้มีผลกับสงครามที่จะเกิดขึ้นแน่นอน
เมื่อไหร่ก็ตามที่ประตูมิติเปิดขึ้น และกำลังเสริมของพวกเขามาถึง ด้วยกองทัพทหารนับล้านของห้าแคว้นใหญ่ พร้อมด้วยยอดฝีมือระดับสูงสุดหนึ่งร้อยคน ก็จะสามารถกวาดล้างตำหนักเทวะและพันธ์บู้ลิ้มจนราบคาบ
แน่นอนว่าข้อมูลตรงส่วนนี้ จ้าวเทียนและคังหลินได้รู้อยู่ก่อนแล้ว เพราะฮ่องเต้แคว้นฉินเป็นคนบอกกับพวกเขาก่อนที่จะสิ้นพระชนม์
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าศัตรูเป็นใคร แต่แค่เรื่องที่อีกฝ่ายมียอดฝีมือระดับครึ่งก้าวเซียนนภาถึงหนึ่งร้อยคน ก็ได้สร้างความกดดันให้จ้าวเทียนเป็นอย่างมาก จนเขาต้องหยุดความเคลื่อนไหวทุกอย่างไว้
เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังทั้งสองฝ่าย…
ภายในห้องโถงหลักวิหารบูชาเทพแคว้นฉู่
ผ่านไปสามสิบนาที หลังจากที่ทูตเทวะทั้งสี่ได้พูดคุยทักทายกันเรียบร้อย การประชุมแผนการเพื่อกำหนดเป้าหมายขั้นต่อไปก็ได้เริ่มขึ้น
“ ทางด้านความแข็งแกร่งของตำหนักเทวะ…เรื่องนี้พวกนายสืบไปถึงไหนแล้ว ” ทูตพยัคฆ์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ จากข้อมูลลับที่ฉันได้มา…ตำหนักเทวะนั้นมียอดฝีมือขอบเขตปราณทิพย์สิบคน ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คงจะพอๆกับพวกศิษย์น้องของพวกเรา ”
“ งั้นเหรอ…ระดับศิษย์น้องของพวกเรา ก็ประมาณเจ้าสำนักบู๊ตึ้งสินะ ” ทูตกิเลนพูดขึ้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย หากวัดกันที่เรื่องจำนวนพวกเขาไม่มีทางแพ้แน่นอน
“ ใช่…สิบคนนั้นไม่เป็นปัญหาหรอก ที่ฉันหนักใจจริงๆคือตัวประมุขตำหนักและผู้อาวุโสสูงสุดมากกว่า ”
“ ดูเหมือนพวกเขาจะบรรลุขอบเขตแดนเทพแล้ว…น่าจะเป็นเพราะมีสายเลือดเดียวกับผู้ที่สร้างโลกใบนี้ ก็เลยไม่ถูกข้อจำกัดผูกมัดเอาไว้ ” ทูตมังกรพูดขึ้นด้วยแววตาเคร่งเครียด
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขอบเขตแดนเทพ ก็ต้องใช้ขอบเขตแดนทิพย์ถึงสิบกว่าคนจึงจะมีโอกาสตรึงอีกฝ่ายเอาไว้ได้ ส่วนจะสังหารได้หรือไม่นั้น ก็อยู่ที่การเตรียมการของพวกเขาเอง
“ ไม่เป็นไร…เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง ด้วยค่ายกลผนึกระดับหกที่ฉันได้มา คงจะสามารถหยุดพวกเขาเอาไว้ได้ซักหนึ่งชั่วโมง ”
“ ในระหว่างนั้น…พวกเราก็รีบจัดการห้าเสาหลักของสมาพันธ์บู๊ลิ้มกับกองกำลังที่เหลือก่อน แล้วค่อยหันมาจัดการทั้งสองคนนั้นทีหลัง ” ทูตเต่าดำพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลอยู่แล้ว ในโลกชั้นต่ำแบบนี้ไม่มีใครเป็นคู่มือให้เขาได้หรอก
“ ดูเหมือนนายจะมั่นใจมากเลยนะ…งั้นก็ดี ปัญหาเรื่องตำหนักเทวะถือเป็นอันจบไป คราวนี้ก็เหลือแค่เรื่องกองกำลังฝ่ายที่สามของโลกภายนอก ”
“ พวกนายสืบหาตัวตนของชายที่ชื่อว่าจ้าวเทียนหรือยัง ฉันคิดว่าเขาอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญของสงครามครั้งนี้ ” ทูตพยัคฆ์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ เรื่องนี้…พวกฉันรู้แค่เพียงว่า เขามีความสัมพันธ์บางอย่างกับสำนักคุนหลุนและสำนักหัวซานเท่านั้น ส่วนสถานที่หลบซ่อนของเขานั้นยังค้นหาไม่เจอเลย ” ทูตมังกรรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย
จ้าวเทียนเหมือนกับหายเข้ากลีบเมฆไปเฉยๆ สายลับที่พวกเขาวางไว้รอบสำนักคุนหลุนและสำนักหัวซานก็ยังหาเบาะแสไม่พบ
“ ไม่ว่ายังไงก็ต้องตามหาเขาให้เจอ…หากสามารถดึงมาเป็นพวกได้ก็ดี ไม่ว่าเขาจะมีเงื่อนไขอะไรก็ยอมรับไปก่อน ขอเพียงภารกิจครั้งนี้สำเร็จ ไม่ว่าจะสูญเสียอะไรไปย่อมคุ้มค่า ”
“ แล้วถ้าเขาไม่ยอมล่ะ ” ทูตกิเลนพูดขัดขึ้น
“ ไม่ยอมงั้นเหรอ…ถ้าเป็นแบบนั้นก็สังหารทิ้งไปซะ ก่อนสงครามจะเริ่มขึ้นพวกเราต้องกำจัดตัวแปรอื่นทิ้งทั้งหมด ” ทูตพยัคฆ์พูดเสียงเย็นชา
พวกเขาทั้งสี่คนมีพลังอยู่ในระดับจุดสูงสุดของปราณทิพย์ ทั้งยังฝึกฝนร่วมกันมาหลายร้อยปี หากลงมือพร้อมกันนอกจากประมุขตำนักเทวะแล้ว คนอื่นอย่าหวังจะรอดไปได้
“ จริงสิ…พวกนายได้ยินข่าวเรื่องฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นฉินหรือยัง ไม่รู้ว่าพอเปลี่ยนราชวงศ์แล้ว ข้อตกลงที่พวกเราวางไว้ยังจะเหมือนเดิมไหม ” ทูตมังกรถามขึ้นด้วยท่าทีเคร่งเครียด
“ มันจะไปยากอะไร…ชาวพื้นเมืองพวกนี้เห็นแก่ผลประโยชน์อยู่แล้ว ด้วยผลตอบแทนที่พวกเราเสนอให้ อีกฝ่ายต้องยอมรับแน่นอน ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน