จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 321

เพียงแค่ดูจากเครื่องแต่งกายและกลิ่นอายของฝ่ายตรงข้าม จ้าวเทียนก็รู้ได้ในทันที ว่าคงเป็นผู้ที่มาจากสำนักบู๊ติ้ง สำนักช้วนจินก่า และสำนักง้อไบ๊แน่นอน และถ้าวัดเพียงแค่พลังอย่างเดียว ต่อให้ไม่ใช่เจ้าสำนักก็คงเป็นระดับผู้อาวุโสสูงสุดมาเอง

นี่เขาเพิ่งจะเปิดเผยตัวตนออกไปไม่นาน สมาพันธ์บู๊ลิ้มถึงกับส่งครึ่งก้าวเซียนนภาสามคนมาหาเรื่องถึงที่เลยงั้นเหรอ

“ เอ่อ…คือว่า ” นักพรตชราที่มาจากสำนักบู๊ตึ้ง มีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่นึกว่าจ้าวเทียนจะใช้คำพูดกดดันตั้งแต่เจอหน้ากันแบบนี้

“ จ้าวเทียน พวกเราคือผู้อาวุโสสูงสุดของสามสำนักใหญ่ ที่มาในครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาจะเป็นศัตรูกับคุณหรอกนะ เพียงแค่ต้องการเจรจาตกลงบางอย่างเท่านั้น ” แม่ชีวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

แม้รูปโฉมเธอจะเหมือนคนอายุสี่สิบปี แต่แท้จริงแล้วเธอเป็นถึงอาจารย์อาของเจ้าสำนักง้อไบ๊คนปัจจุบันเลยทีเดียว หากไม่เกิดเรื่องคอขาดบาดตายกับสำนักจริงๆ เธอจะไม่ปรากฏตัวออกมาเด็ดขาด

“ เจรจา? กับฉันงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าแล้วส่งสัญญาณให้เปลี่ยนสถานที่คุยกัน เพราะตรงนี้อยู่ท่ามกลางฝูงคน หากเกิดปัญหาขึ้นมาคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่

พระราชวังหลวงแห่งแคว้นต้าฉิน

หลังจากที่ส่งพวกน้องๆให้กับแม่ที่ห้องรับรองแล้ว จ้าวเทียนก็สอบถามที่อยู่ของคังหลินแล้วก็พาแขกไม่ได้รับเชิญทั้งสามออกไปทันที ส่วนกงเสี่ยวเหมยนั้นเธอขอรออยู่กับพวกเด็กๆ เพราะรู้ดีว่าจ้าวเทียนมีธุระที่ต้องจัดการก่อน

ซึ่งตลอดทางที่จ้าวเทียนเดินผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์หรือเหล่าขุนนางต่างก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยความนอบน้อม เหมือนกับคาดเดาได้ถึงตัวตนของเขาตั้งแต่แรก

โดยเฉพาะผู้ที่มาจากตระกูลฉินเมืองเหล็กดำ สายตาที่พวกเขามองจ้าวเทียนนั้น มีแต่ความยกย่องบูชาอย่างปิดไม่มิด

“ ดูเหมือนทุกคนจะรู้แล้ว ว่าฉันกับฉินหวงเป็นคนเดียวกัน การสืบหาข้อมูลของหน่วยเงาปีศาจนี่ช่างรวดเร็วจริงๆ ”

ก่อนหน้านี้ตัวตนของจ้าวเทียน ถูกรับรู้เพียงระดับสูงในตระกูลฉินไม่กี่คนเท่านั้น แต่ในตอนนี้คาดว่าคงจะรับรู้กันไปทั่วแล้ว

เรื่องนี้คงสืบเนื่องมาจาก การที่จ้าวเทียนเดินเล่นกับกงเสี่ยวเหมยและพวกน้องๆเกือบสองชั่วโมง แล้วคงถูกหน่วยเงาปีศาจพบเข้า ซึ่งการที่พวกเด็กๆเรียกเขาว่าพี่ใหญ่นั้น มันก็บ่งบอกอะไรหลายๆอย่างได้ทันที

ทางฝ่ายผู้อาวุโสของสามสำนักใหญ่ ก็ได้เดินตามจ้าวเทียนมาแบบเงียบๆ ทุกคนต่างก็มีความในใจของตนเอง เพราะสิ่งที่พวกเขาแบกรับนั้นคือความอยู่รอดของสำนักตน

หากเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากมาทำหน้าที่นี้ เพราะก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของพวกเขากับจ้าวเทียนเป็นศัตรูกันอย่างชัดเจน แต่ถ้าพวกเขาจะไม่มาก็ไม่ได้

หากปล่อยให้เจ้าสำนักทั้งสามมาเอง แล้วเกิดจ้าวเทียนลงมือโดยไม่ไว้หน้าขึ้นมา สำนักใหญ่ทั้งสามคงต้องคัดเลือกผู้นำคนใหม่เป็นแน่

จนกระทั่งเวลาผ่านไป

พวกจ้าวเทียนได้เดินมาจนถึงตำหนักฉินหลง ที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เพราะเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ราชวงศ์ฉิน

และก่อนที่องครักษ์จะเข้ามาหยุดพวกจ้าวเทียนไว้ ก็ได้มีเสียงดังขึ้นจากด้านในตำหนักเสียก่อน

“ ปล่อยให้พวกเขาเข้ามา ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกองครักษ์ก็ถอยกลับไป แล้วรีบเปิดประตูให้จ้าวเทียนทันที

!!

“ หืม…วัดเส้าหลินก็มาด้วยเหรอ ” จ้าวเทียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ที่พบหลวงจีนชราอยู่ด้านในด้วย

“ หลวงจีนหมิงตี้!! ” ตัวแทนจากสามสำนักใหญ่เองก็ตกใจเช่นกัน

พวกเขาไม่คิดว่าจะได้พบกับอีกฝ่ายที่นี่ เพราะวัดเส้าหลินนั้นไม่ได้มีข้อบาดหมางอะไรกับจ้าวเทียน

“ คารวะผู้อาวุโส ”

ถึงแม้จะมีตำแหน่งสถานะเท่าเทียมกัน แต่หลวงจีนหมิงตี้นั้น เป็นบุคคลที่อยู่ในรุ่นเดียวกันกับเจ้าอาวาสวัดเสาหลิน ทำให้ทุกคนต้องรีบเข้าไปทักทายตามมารยาท

“ วันนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดีจริงๆ ห้าสำหนักใหญ่ได้มาเป็นแขกในวังของฉัน ขาดเพียงพรรคกระยาจกเท่านั้น ” คังหลินพูดติดตลกเล็กน้อย เขาหันมาพยักหน้ากับจ้าวเทียนแล้วรีบเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง

แท้จริงแล้ว จุดประสงค์ของหลวงจีนหมิงตี้ คือต้องการจับกุมตัวพวกกองกำลังลึกลับที่บุกรุกเข้ามาในวังหลวงเมื่อวานเพื่อไปรีดข้อมูล

และก็แน่นอนว่าคังหลินได้ตอบปฏิเสธไป เพราะเขาก็ยังไม่รู้เรื่องที่ต้องการจากอีกฝ่ายเลย ต้องยอมรับว่าทูตมังกรนั้นกระดูกแข็งกว่าที่คิดไว้มาก

ไม่ว่าจะทรมานเขาสักเท่าไหร่ ก็ไม่ยอมเปิดปากออกมาแม้แต่น้อย อีกทั้งยังผนึกสติสัมปชัญญะของตัวเองเอาไว้อีก ทำให้ตอนนี้ทูตมังกรไม่ต่างไปจากคนที่นอนเป็นผัก ไม่รู้สึกถึงเจ็บปวด

ต่อให้ลงทัณฑ์โดยการแล่เนื้อขูดกระดูกก็ไม่มีประโยชน์

“ ในเมื่อพวกคุณไม่ได้มาด้วยเรื่องเดียวกัน งั้นฉันขอจัดการปัญหาที่ส่งผลกะทบเป็นวงกว้างก่อนก็แล้วกันนะ ” จ้าวเทียนมองไปทางสองนักพรตและหนึ่งแม่ชี ซึ่งพวกเขาก็พยักหน้ายอมรับทันที เพราะต้องการทราบข้อมูลของฝ่ายศัตรูเช่นกัน

“ นำตัวบุกรุกเข้ามา ” คังหลินสั่งออกไปเสียงดัง ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีองครักษ์สองคนนำร่างของชายคนหนึ่งเข้ามาวางไว้ตรงกลางห้อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน