จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 324

ผ่านไปเพียงสองวัน ผลึกคริสตัลต้นกำเนิดวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบก้อน ก็ถูกส่งมายังวังหลวงแคว้นฉินอย่างลับๆ

โดยแบ่งเป็น สำนักบู๊ตึ้งหกสิบก้อน และสำนักง้อไบ๊กับสำนักช้วนจินก่า อีกที่ละสามสิบก้อน นี่เป็นขีดจำกัดที่พวกเขายังพอจะทนรับไหว ซึ่งจ้าวเทียนเองก็ไม่อยากบีบคั้นอีกฝ่ายมากเกินไปเช่นกัน

การที่เหมืองหินวิญญาณสูญเสีย ผลึกคริสตัลต้นกำเนิดไปส่วนหนึ่ง จะทำให้ความสามารถในการผลิตน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

ให้เปรียบเทียบง่ายๆ ในเมืองหินวิญญาณของสำนักบู๊ตึ้ง มีผลึกคริสตัลต้นกำเนิดอยู่ประมาณหกร้อยก้อน เมื่อพวกเขาส่งมอบให้จ้าวเทียนไปหกสิบก้อน ก็จะทำให้อัตราการผลิตหินวิญญาณระดับสูง น้อยลงไปหนึ่งส่วนอย่างถาวร

อย่ามองว่าจำนวนนี้ดูน้อย เพราะในแต่ละปีเหมืองหินวิญญาณของสำนักบู๊ตึ้ง จะผลิตหินวิญญาณระดับสูงออกมาได้ถึงสองหมื่นก้อน เท่ากับว่าต้องสูญเสียผลผลิตไปถึงสองพันก้อนทุกปี

หินวิญญาณระดับสูงสองพันก้อนนี้เป็นมูลค่าที่มหาศาลมาก เพราะแม้แต่สำนักระดับกลางยังได้รับแจกแค่ปีละสิบก้อนเท่านั้น

และในโลกหมิงหลงตอนนี้ ก็มีเหมืองหินวิญญาณระดับสูงเหลือเพียงแค่ห้าแห่ง เพราะเหมืองแห่งที่หกซึ่งใหญ่ที่สุด ได้ถูกจ้าวเทียนดูดกลืนไปหมดแล้ว

‘ ฉันจะมอบให้กับเทพกระบี่สิบก้อนก็แล้วกัน ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้เป็นพลังงานให้ผลึกโลกาเจ็ดสี ’

ตอนนี้จ้าวเทียน ต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ขุมกำลังของเขาอย่างเร่งด่วน เพื่อรับมือกับเหตุการณ์พลิกผันในอนาคต และเทพกระบี่เองก็เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถดีเยี่ยม เขาจึงให้การส่งเสริมอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล

ในขณะที่จ้าวเทียนกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆมากมาย คังหลินที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ถามขึ้นด้วยท่าทีกังวล

“ ศิษย์น้อง นายจะไปเก็บตัวฝึกวิชาวันนี้ใช่ไหม ไม่คิดอยู่รอดูสถานการณ์อีกหน่อยเหรอ เพราะหลังจากที่เจ้าตำหนักเทวะพ่ายแพ้ไป ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ”

“ ไม่แน่ว่าเจ้าตำหนักเทวะอาจกำลังจับตาดูนายอยู่ เมื่อไหร่ก็ตามที่นายออกไปจากเมืองหลวง เขาก็อาจจะลงมือทันที ”

ตอนนี้ทั้งตระกูลฉินและครอบครัวจ้าวเทียนได้ย้ายมาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงแล้ว เนื่องจากเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด เพราะมีค่ายกลระดับเทวะป้องกันอยู่

“ ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเซียนหลิงเองก็ติดตามฉันไปด้วย หากใช้เขตอาคมเคลื่อนย้าย แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็คงไปถึงสำนักสุสานโบราณได้แล้ว ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

ครั้งนี้สถานที่เก็บตัวฝึกวิชาของจ้าวเทียน ก็คือพระราชวังจักรพรรดิของมหาเทพจูเซียน เพราะกลิ่นอายพลังวิญญาณอันหนาแน่น จะมีส่วนช่วยเขาในการหลอมรวมแก่นแท้แห่งกระบี่อย่างมหาศาล

“ ถ้าพาพวกเซียนหลิงไปด้วย งั้นฉันก็วางใจ ” คังหลินรู้ดีว่าคงไม่มีประโยชน์ที่พูดต่อ เพราะเจ้าเทียนได้ตัดสินใจแล้ว

ตั้งแต่ได้รู้ข้อมูลความแข็งแกร่งของขุมกำลังศัตรูทั้งสองฝ่าย มันก็สร้างความกดดันให้เขาเป็นอันมาก ทั้งกองกำลังยอดฝีมือขอบเขตปราณทิพย์นับร้อยจากสำนักบนแดนสวรรค์ และยังมีอดีตผู้นำรุ่นก่อนๆของตำหนักเทวะ

ด้วยความแข็งแกร่งของพวกจ้าวเทียนในตอนนี้ มันยังไม่เพียงพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของกองกำลังฝ่ายเดียวด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่พวกเขาได้สร้างความเป็นศัตรูกับทั้งสองฝ่ายไปแล้วเลย

“ ที่จริงแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันต้องไปพบมหาเทพจูเซียน ยังจำเรื่องแกนพลังงานระดับเทพโลกา ที่ฉันขอให้คุณตรวจสอบได้ไหม ” จ้าวเทียนนึกไปถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อน

ซึ่งข้อมูลที่คังหลินได้มานั้น สร้างความตกใจให้กับจ้าวเทียนเป็นอันมาก แกนพลังงานระดับต้นสามสิบอัน ระดับกลางสิบอัน และระดับสูงห้าอัน

นี่คือสิ่งที่นิกายจูเซียนรวบรวมเอาไว้ตลอดสองพันปี ในช่วงเวลาที่ยังครองความยิ่งใหญ่อยู่บนแดนสวรรค์ หากมหาเทพจูเซียนใช้พวกมันทั้งหมดสร้างกองกำลังหุ่นเชิดจริงๆ

นั่นก็หมายความว่า มหาเทพจูเซียนจะมีเทพโลกาถึงสี่สิบห้าคน อยู่ภายในกองกำลังของเขา ซึ่งขนาดสำนักระดับแถวหน้าบนแดนสวรรค์ ยังมีเทพโลกาเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น

นี่ยังไม่รวมไปถึงแกนพลังงานระดับเทพและระดับปราณทิพย์ ที่มหาเทพจูเซียนน่าจะมีพวกมันเป็นจำนวนมากอีกด้วย

“ เรื่องนี้… ” คังหลินเข้าใจความกังวลของเจ้าเทียนได้ทันที

เวลานี้ทั้งนิกายและญาติมิตรของมหาเทพจูเซียนได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว ทั้งยังได้รู้เรื่องในอนาคตว่าแผนการของตนเองจะล้มเหลวอีก

หากมหาเทพจูเซียนตัดสินใจทำอะไรที่บ้าคลั่งขึ้นมาละก็ โลกมนุษย์ทั้งหมดคงจะถูกดึงเข้าไปพัวพันกับสงครามด้วยแน่นอน พวกเขาจะปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอันขาด

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป

หลังจากจ้าวเทียนร่ำลากับพวกน้องๆ และมอบผลึกโลกาเจ็ดสีให้แม่ไว้ปกป้องทุกคน เขาก็มองไปทางกงเสี่ยวเหมยด้วยความลังเล ว่าจะพาเธอไปด้วยดีไหม

เพราะยังไงซะ เธอก็เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับมหาเทพจูเซียน ถ้าจ้าวเทียนพาเธอไปด้วย เขาอาจจะต่อรองเงื่อนไขและเรียกร้องผลประโยชน์ได้มากมายเลยทีเดียว

‘ ช่างเถอะ เธอติดตามฉันมาด้วยความจริงใจ หากฉันใช้ประโยชน์จากสถานะของเธอแบบนั้น มันก็จะดูไร้ศักดิ์ศรีเกินไปแล้ว ’

จ้าวเทียนรู้ดี ว่าถ้าพากงเสี่ยวเหมยไปด้วย ยังไงซะมหาเทพจูเซียนก็ต้องเห็นแก่หน้าลูกสาวจนยอมช่วยเหลือเขาหลายเรื่อง แต่ผลลัพธ์ของการทำแบบนั้น ก็จะต้องทำให้อีกฝ่ายนึกดูแคลนเขาแน่นอน

ยังไงซะ จ้าวเทียนก็เคยเป็นถึงมหาเทพมาก่อน เขายังไม่อยากลดตัวไปทำเรื่องที่แม้แต่ตัวเองยังนึกดูถูกได้ ไม่งั้นเรื่องนี้จะกลายเป็นจิตมารติดตัวเขาไปตลอด

ภายในใจของจ้าวเทียนได้มีลี่เหยาเหยาอยู่แล้ว ความรู้สึกนั้นมันชัดเจนกว่ากงเสี่ยวเหมยมากนัก ถึงแม้คนรอบข้างรวมไปถึงครอบครัวจะไม่ได้มีปัญหาอะไร กับการที่เขาจะมีคนรักมากกว่าหนึ่งคน

แต่ทว่า…จ้าวเทียนไม่อยากจะทำแบบนั้น

ในอดีตตอนที่เขายืนมองคู่หมั้นของตนเอง อยู่ในอ้อมกอดของชายคนอื่น มันเจ็บปวดและทุกข์ทรมานขนาดไหน ตัวเขานั้นรู้อยู่แก่ใจ

จ้าวเทียนไม่อยากให้คนที่รักตน ต้องพบเจอกับชะตากรรมแบบนี้ ตัวเขารู้ดีว่าด้วยความแข็งแกร่งและอำนาจของตนในปัจจุบัน หากเอ่ยปากออกไป ทั้งครอบครัวของลี่เหยาเหยาและกงเสี่ยวเหมยก็คงไม่ต่อต้านแน่นอน

แม้แต่มหาเทพจูเซียนเองก็คงยอมรับเช่นกัน เพราะมันเรื่องปกติบนแดนสวรรค์ ที่ผู้แข็งแกร่งจะมีคนรักได้หลายคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน