จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 326

ยี่สิบวันผ่านไป หลังจากที่จ้าวเทียนได้เก็บตัวฝึกวิชา เพราะการขาดผู้นำอย่างเขา ทำให้เมืองหลวงแคว้นฉินต้องใช้มาตรการป้องกันตนเองอย่างเข้มงวด

โดยตัดการเชื่อมต่อเขตอาคมเคลื่อนย้ายเมืองรอบๆทั้งหมด และตรวจสอบข้อมูลผู้ผ่านทางเข้าออกอย่างละเอียด

เหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น ก็เพราะเมื่อห้าวันก่อน หุ่นเชิดจิตวิญญาณที่ถูกส่งไปเป็นสายลับ ได้หลบหนีกลับมาในสภาพได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังจากที่ได้ล้วงลึกเข้าไปถึงสถานที่ตั้งของตำหนักเทวะ

ตอนนี้เจ้าตำหนักหยวนไป่เฉียนได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว หลังจากจัดการพวกสายลับเรียบร้อย ตัวเขาก็ได้พายอดฝีมือลึกลับอีกหกคน เข้ายึดอำนาจสั่งการทั้งหมดในสมาพันธ์บู๊ลิ้มภายในวันเดียว

ณ ท้องพระโรงวังหลวงแคว้นฉิน

“ วันพรุ่งนี้ประตูมิติก็จะเปิดแล้ว จ้าวเทียนจะกลับมาหรือยัง ” เปียนเจียวเมิ่งถามขึ้นด้วยท่าทีเคร่งเครียด ที่ด้านหลังเธอยังมีผู้อาวุโสระดับสูงทุกคนของสำนักคุนหลุนอยู่ด้วย

ไม่แค่เพียงพวกเธอเท่านั้น ในสถานที่แห่งนี้ยังมีตัวแทนสำนักระดับกลางอีกสี่สำนักรวมไปถึงสำนักหัวซานและสำนักคงท้งด้วย เพราะทั้งหมดไม่เห็นด้วยในแนวทางของสมาพันธ์บู๊ลิ้มในปัจจุบัน จึงมาเข้าร่วมกับพวกจ้าวเทียน

“ ตอนนี้สมาพันธ์บู๊ลิ้มบ้าคลั่งไปแล้ว พวกเขาไล่กวาดล้างทุกสำนักที่ไม่ยอมเข้าร่วมสงครามจนหมด เพียงแค่สามวันก็มีสำนักขนาดเล็กและกลางถึงเจ็ดสำนักต้องล่มสลายไป ” เจ้าสำนักคงท้งพูดขึ้นด้วยความโกรธแค้น

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไหวตัวทัน และรีบส่งข่าวบอกเจ้าสำนักคนอื่นๆ ป่านนี้ทุกคนคงเป็นหนึ่งในรายชื่อสำนักที่ถูกกวาดล้างแล้ว

“ ทั้งหมดมันเป็นเพราะ ยอดฝีมือลึกลับหกคนนั้น แม้แต่ ห้ายอดฝีมือแห่งยุคอย่างหลวงจีนคิ้วขาวและประมุขอั้งฮวงหลงยังพ่ายแพ้ และถูกจับไว้เป็นตัวประกัน บีบให้วัดเส้าหลินกับพรรคกระยาจกต้องทำตาม ”

“ ขอเพียงหนึ่งในหกคนนั้นลงมือด้วยตัวเอง ก็สามารถกวาดล้างสำนักระดับกลางได้อย่างง่ายดายไร้ผู้ต้านทาน ” หนึ่งในเจ้าสำนักระดับกลางพูดขึ้นด้วยความกังวล

สิ้นเสียง ทุกสายตาก็จับจ้องไปยังชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้ากลุ่มตัวแทนจากสำนักหัวซาน เนื่องจากเขาเป็นผู้เดียวในที่นี้ ที่ได้เผชิญหน้ากับยอดฝีมือสองในหกคนนั้นมาก่อน

ซึ่งเขาก็คือ ผู้ได้รับสมญานามเทพกระบี่แห่งยุค…ฟงอู๋หยาง

“ ถ้าสู้กันแบบตัวต่อตัว…ฉันไม่มีทางพ่ายแพ้แน่นอน ” เทพกระบี่กัดฟันพูดขึ้นด้วยใบหน้าซีดขาวจากอาการบาดเจ็บ

สำนักหัวซานเป็นสำนักแรกที่ถูกโจมตี เพราะพวกเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายจ้าวเทียน ทำให้ถูกเลือกเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งในการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อส่งคำเตือนไปยังสำนักอื่นๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะเทพกระบี่ตัดสินใจออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูเพียงลำพัง เพื่อถ่วงเวลาให้คนอื่นหลบหนี สำนักหัวซานคงเหลือแต่ชื่อไปแล้ว

‘ ยอดฝีมือลึกลับสองคนนั้น มีพลังอยู่ในระดับเดียวกับเจ้าตำหนักเทวะไม่ผิดแน่ ต้องขอบคุณผลึกคริสตัลต้นกำเนิดสิบก้อนที่สหายน้อยมอบให้ ทำให้ฉันบรรลุขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาขั้นสูงสุดในเวลาไม่นาน จึงพอที่จะหลบหนีออกมาได้ ’

‘ ไม่อย่างนั้น หากเป็นตัวฉันเมื่อยี่สิบวันก่อน คงถูกอีกฝ่ายสังหารในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจแน่นอน ’

เมื่อคิดไปถึงการต่อสู้ครั้งนั้น เทพกระบี่ก็รู้สึกหวาดเสียวในใจ เคล็ดวิชาที่ผ่ายตรงข้ามใช้มาเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน

แม้มันจะไม่แข็งแกร่งเหมือนวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นและสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร แต่ก็ด้อยกว่าไม่มากนัก

ถ้าให้พูดกันตามจริง ถือเป็นโชคดีของเทพกระบี่ที่หยวนไป่เฉียนติดภารกิจอื่น จึงส่งอดีตเจ้าตำหนักเทวะรุ่นก่อนสองคนมาแทน

ด้วยคิดว่า เพียงแค่นี้ก็เกินพอที่จะกำจัดเทพกระบี่แล้ว ซึ่งเขาไม่ได้รู้เลยว่าเทพกระบี่เองก็เพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ทำให้ต้องประสบความล้มเหลวไป

ส่วนเหตุผลที่เคล็ดวิชาของเจ้าตำหนักเทวะรุ่นก่อนด้อยกว่าในรุ่นปัจจุบัน ก็เพราะพวกเขาปิดผนึกตนเองอยู่ในโลงศพตอนเวลาหลายพันปี จึงไม่ได้เรียนรู้เคล็ดวิชาชั้นยอดของห้าสำนักใหญ่

บรรพชนของตำหนักเทวะ ซึ่งเป็นคนทรยศของนิกายจูเซียน เมื่อครั้งนั้นเขาเป็นเพียงผู้อาวุโสฝ่ายนอกของนิกาย ทำให้ได้รับเพียงเคล็ดวิชาระดับไม่สูงมาก ประจวบเหมาะกับเกิดเรื่องที่ทำให้สติสัมปชัญญะถูกทำลาย จนต้องหลับใหลมาอย่างยาวนาน

สิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้ลูกหลาน ก็มีเพียงเคล็ดวิชาระดับพื้นฐานของนิกายจูเซียน กับของที่ได้ปล้นชิงมากเท่านั้น

ด้วยสาเหตุนี้ เจ้าตำหนักเทวะรุ่นปัจจุบันจึงวางแผนแย่งชิงเคล็ดวิชาของห้าสำนักใหญ่ โดยเฉพาะวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับเคล็ดวิชากายาอมตะของมหาเทพจูเซียนได้

“ ตอนนี้ฉันรู้สถานการณ์ทุกอย่างแล้ว แต่พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อย ส่วนเรื่องจ้าวเทียนก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน ในวันพรุ่งนี้เขาจะต้องปรากฏตัวออกมาแน่นอน ” คังหลินพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ความมั่นใจของเขา รวมไปถึงท่าทีไร้ซึ่งความหวั่นเกรง ทำให้คนอื่นๆรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

“ ดูเหมือน พวกฉันจะมาทันซินะ ”

สิ้นเสียงก็มีหญิงงามชุดขาวเจ็ดคน ปรากฏตัวขึ้นกลางท้องพระโรง ด้วยรูปโฉมอันงดงามบริสุทธิ์เหนือโลกีย์ของพวกเธอ ทำให้บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปในพริบตา

“ คารวะ ท่านอาจารย์ ” กงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นด้วยความยินดี และรีบเข้ามาทักทายพี่น้องคนอื่นๆในสำนักสุสานโบราณด้วยความคิดถึง

“ เจ้าสำนักกง ไม่เจอกันนานมากแล้ว ”

“ กงม่านเออร์ สบายดีไหม ”

เจ้าสำนักและบรรดาผู้อาวุโสคนอื่นๆ รีบเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง เมื่อสองร้อยปีก่อนชื่อเสียงของกงม่านเออร์โด่งดังเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน