ณ ตำหนักเทวะผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลกหมิงหลง
ตำหนักสีขาวขนาดใหญ่ที่มีความสูงประมาณห้าสิบเมตร ตั้งอยู่บนยอดเขาที่เป็นจุดศูนย์กลางของโลกใบนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุทธภพ ที่ผู้ฝึกตนทุกคนต่างให้ความเคารพบูชา
สถานที่แห่งนี้จะมีการแบ่งชนชั้นกันอย่างชัดเจน ผู้ที่มีสายเลือดเข้มข้นที่สุดอันได้แต่ตระกูลหลัก จะได้พักอาศัยบนชั้นที่สูงที่สุด ได้แก่ชั้นที่เจ็ดถึงเก้า ส่วนตระกูลรองและเหล่าผู้รับใช้จะได้อาศัยอยู่ในชั้นที่หกลงมา
แต่แท้จริงแล้ว ชั้นที่เก้าซึ่งเป็นของเจ้าตำหนักรุ่นปัจจุบัน ยังไม่ใช่ชั้นที่สูงที่สุด เพราะยังมีชั้นที่สิบซึ่งเป็นพระราชวังลอยฟ้า เขตหวงห้ามที่พำนักกายของบรรพชนรุ่นแรกแห่งตระกูลหยวนอยู่เหนือขึ้นไปอีก
ซึ่งหลังจากที่ร่างกายของหยวนอวี้ถงได้ถูกเคลื่อนย้ายหายไป มันก็ได้มาปรากฏในห้องหินสีขาวที่เต็มไปด้วยโรงศพมากมาย สถานที่สำหรับให้เจ้าตำหนักรุ่นก่อนปิดผนึกขั้นพลังของตนเองและหลับใหลจำศีล
“ หืม…อวี้ถงถูกสังหารแล้วงั้นรึ ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ดูมีอายุประมาณยี่สิบปลายๆ พูดขึ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เขาสวมชุดสีน้ำเงินเข้มหรูหรา แตกต่างจากชุดเครื่องแบบของเจ้าตำหนักเทวะที่เป็นสีขาวบริสุทธิ์
ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ด้านข้างโรงศพสีทองซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด โดยร่างนอนสงบอยู่ภายในโรงศพนี้ ก็คือบรรพชนตระกูลหยวนเทพโลกาผู้สร้างโลกหมิงหลงแห่งนี้
ครืนนนน!
ซากศพของหยวนอวี้ถงได้ถูกดึงดูดให้ลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มคนนี้อย่างช้าๆ เขาใช้สายตาอันเฉียบคมตรวจสอบร่างไร้วิญญาณตรงหน้าอย่างละเอียด
“ หึ…เพียงแค่ดวงวิญญาณถูกทำลาย แต่ไม่กระทบกับขั้นพลังฝึกตน แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่ต้องลงมือเอง ”
ชายหนุ่มคนนี้ก็คือหยวนเทียนหลง เจ้าตำหนักเทวะรุ่นแรก บุตรชายเพียงคนเดียวของบรรพชนตระกูลหยวน ผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในตำหนักเทวะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
วิ้งง!
กระบี่มังกรสวรรค์เมฆา ได้บินออกมาจากมือของหยวนอวี้ถงด้วยตัวของมันเอง แล้วสลายตัวเป็นละอองแสง เข้าไปในร่างหยวนเทียนหลงซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริง
“ เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์หลอมกลั่นโลหิต! ”
วูป! ครืนนนน!
ร่างของหยวนอวี้ถงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และเริ่มถูกคลื่นพลังอันมหาศาลบดขยี้จากภายใน ทั้งกระดูกและเลือดเนื้อทั้งหมดของเขาถูกย่อยสลายและบีบอัดให้มีขนาดเล็กลงอย่างรวดเร็ว
จนผ่านไปไม่นาน ก็กลายเป็นหยดเลือดสีทองสามหยดลอยอยู่กลางอากาศ
ถือเป็นโชคดี ที่หยวนอวี้ถงได้ถูกสังหารไปแล้ว จึงไม่ต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสของขั้นตอนนี้
“ สมกับเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในรอบหมื่นปีของตระกูล ช่างเป็นพลังชีวิตที่บริสุทธิ์และแข็งแกร่งจริงๆ ”
“ ไม่เสียที ที่ฉันทุ่มเททรัพยากรฝึกตน พร้อมทั้งสอนเคล็ดวิชาระดับสูงให้มากมาย ” หยวนเทียนหลงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้น
วูป!
หยดเลือดสีทองทั้งสามหยดก็ถูกเขาดูดกลืนเข้าไปในร่างกาย พริบตาเดียวขั้นพลังฝีกตนของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น จนทะลวงขีดจำกัดที่ติดขัดมานานนับหมื่นปี
ขอบเขตแม่ทัพเทพขั้นสูง!
ขอบเขตขุนพลเทพขั้นต่ำ!
ขอบเขตขุนพลเทพขั้นกลาง!
ขั้นพลังของหยวนเทียนหลงทะลวงถึงสามขอบเขตในคราวเดียว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมาก เพราะก่อนหน้านี้เขาได้ติดอยู่ที่ขอบเขตแม่ทัพเทพขั้นกลางมานานแล้ว ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถบรรลุขั้นต่อไปได้สักที
จนต้องเลือกผนึกตนเองเอาไว้ถึงเก้าพันเก้าร้อยปี
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะหยวนเทียนหลงนั้นไม่ใช่คนที่โดดเด่น ตัวเขามีพรสวรรค์ที่ธรรมดาสามัญมากบนแดนสวรรค์
ซึ่งนั่นก็ไม่แปลก เพราะพ่อของเขาก็เป็นเพียงผู้อาวุโสฝ่ายนอกธรรมดาของนิกายจูเซียน แล้วจะให้กำเนิดบุตรชายที่เป็นยอดอัจฉริยะได้อย่างไร
ถึงแม้ว่า หยวนเทียนหลงจะมีพรสวรรค์ที่ธรรมดา แต่สวรรค์ก็ได้ประทานสมองอันชาญฉลาดมาให้เขาเป็นการทดแทน ทำให้เขาสามารถคิดค้นเคล็ดวิชาชั่วร้ายบทหนึ่งขึ้นมาได้
นั่นก็คือเคล็ดวิชาหลอมกลั่นโลหิต ซึ่งสามารถดูดกลืนทั้งพลังฝึกตนและความแข็งแกร่งของบุตรหลานผู้สืบสายเลือดตนเองได้
นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เขาทิ้งคำสั่งเสียให้กับเจ้าตำนักเทวะแต่ละรุ่น ที่มีความสามารถโดดเด่นผนึกตัวเองไว้ในโลงศพ และให้คลายผนึกออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่หยวนเทียนหลง ต้องการจะใช้พวกเขาเป็นสารอาหารเพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น ชีวิตของพวกเขามีไว้เพื่อจุดประสงค์นี้เท่านั้น
ส่วนแผนการทั้งหมดของตำหนักเทวะในช่วงนี้ ตัวของหยวนเทียนหลงไม่ได้คาดการณ์เอาไว้แม้แต่น้อย นี่เป็นสิ่งที่ลูกหลานของเขาคิดกันขึ้นมาเอง
“ ตอนแรก ฉันก็จะรอให้พวกเขาทำตามแผนการให้สำเร็จ เพื่อให้โลกใบนี้ยกระดับขึ้น แล้วค่อยดูดกลืนชีวิตของพวกเขาภายหลัง ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน