การล่มสลายของมิติปิดกั้นที่จ้าวเทียนอยู่ ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับสถานการณ์การต่อสู้ในมิติที่เหลืออย่างแน่นอน
เนื่องจากคือค่ายกลประสาน หากมีหนึ่งในนั้นถูกทำลายไป ส่วนที่เหลือก็จะพังทลายตามไปเช่นเดียวกัน
ซึ่งคนแรกที่รู้ตัวก่อนใครก็คือคังหลิน เพราะเขาเป็นผู้สร้างค่ายกลนี้ขึ้นมา
‘ สัมผัสแบบนี้…มาจากทางฝั่งของศิษย์น้องงั้นเหรอ นี่พวกเขาต่อสู้กันยังไงเนี่ย แม้แต่ค่ายกลระดับเทวะยังเอาไม่อยู่ ’
คังหลินถอนหายใจออกมา แล้วมองดูสถานการณ์ทางฝั่งเขาเล็กน้อย
‘ พลังเทพโบราณของลี่เหยาเหยาน่ากลัวจริงๆ แม้แต่บนแดนสวรรค์เอง ในขอบเขตเดียวกันก็ยังหาผู้ที่จะต่อกรกับเธอได้ยากมาก ’
ตอนแรกการต่อสู้ทางฝั่งเขาดุเดือดเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเมื่อลี่เหยาเหยาหยิบพิณออกมาบรรเลงเพลงคู่กับเทพธิดาซวนเฉวียน การต่อสู้ก็แทบจะรู้ผลทันที
บทเพลงประสานของพวกเธอทำให้เซียนขั้นสูงสามสิบคนตกอยู่ในภวังค์ แล้วถูกพวกเฉินจิ้งสังหารไปอย่างง่ายดาย
ส่วนอีกสิบคนที่รอดมาได้นั้น ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน ไม่สิ ออกจะน่าอนาถกว่ามากนัก เพราะพวกเขาถูกเจนนี่ใช้พลังจิตอัดรวมกันเป็นก้อนกลม แล้วให้โม่ซินหยานใช้พิษของเธอจัดการในคราวเดียว
สภาพศพจึงดูเละเทะไม่น่ามองสักเท่าไหร่…
แวบ!
ดวงตาของคังหลินเปล่งแสงสีขาวออกมา เขาประสานวิญญาณเข้ากับค่ายกล เพื่อมองดูภาพการต่อสู้ที่สถานการณ์ด้านอื่น
“ ต้วนมู่เฉียนเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แล้ว…เทพกระบี่เองก็ใกล้จะชนะแล้วเช่นกัน ส่วนหุ่นเชิดจิตวิญญาณทั้งแปดคนก็ควบคุมตัวศัตรูได้สำเร็จ ”
“ งั้นค่ายกลนี้ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ” คังหลินตัดสินใจสลายค่ายกลในทันที เพื่อรักษาส่วนที่เหลือเอาไว้ ปล่อยให้ค่ายกลย่อยสองอัน ทางฝั่งของจ้าวเทียนถูกทำลายไปเท่านั้นก็พอ
ครืนนน เพล้งงงง!
อาณาเขตมิติปิดกั้นทั้งหมดสั่นสะเทือน ก่อนจะแตกกระจายออกจากกัน เปลี่ยนเป็นละอองแสงสีทอง แล้วถูกคังหลินดูดกลับมาเก็บไว้ในแผ่นหยกควบคุมทั้งแปดอัน
ทำให้ทุกคนกลับออกมาอยู่ในโลกภายนอกอีกครั้ง และรีบเข้าไปช่วยพวกหุ่นเชิดจัดการกับศัตรูอีกสองคนทันที
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
ฝ่ายจ้าวเทียนที่กำลังปะทะกับหยวนอวี้ถงอย่างดุเดือด เมื่อเขาเห็นเขตอาคมทั้งหมดสลายตัวไปเอง ก็เข้าใจสถานการณ์ได้ทันที ว่าทางด้านอื่นคงจะจัดการได้เรียบร้อยแล้ว
เหลือแค่เพียงทางฝั่งของเขาเองเท่านั้น…ที่ยังไม่รู้ผล
‘ ดูเหมือน จะต้องการสังหารฉันให้ได้สินะ ’
จ้าวเทียนจ้องมองไปยังสีหน้าคลุ้มคลั่งของฝ่ายตรงข้าม ที่กำลังทุ่มเทพลังทั้งหมดออกมา เพื่อสังหารเขาแก้แค้นให้กับลูกชายเพียงคนเดียว
ถึงขนาดที่เกิดความเปลี่ยนแปลงชัดเจนแบบนี้ อีกฝ่ายก็ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
“ ตอนนี้ ฝ่ายฉันจัดการพวกพ้องของแกได้หมดแล้ว ยอมรับชะตากรรมเสียเถอะ ” จ้าวเทียนจงใจพูดรบกวนสมาธิอีกฝ่าย เพื่อหาโอกาสลงมือ
“ หุบปากซะ! ยังไงวันนี้แกก็ต้องตาย ” หยวนอวี้ถงตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เหตุผลที่เขาต้องการสังหารจ้าวเทียนให้ได้ ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นอย่างเดียว
แต่เพราะจ้าวเทียนแข็งแกร่งเกินไป ตราบใดที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ แผนการทั้งหมดของตำหนักเทวะต้องล้มเหลวแน่นอน ซึ่งเขาจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
วูป!
เม็ดยาสีแดงปรากฏขึ้นในมือของหยวนอวี้ถง แล้วถูกโยนเข้าไปในปากเขาทันที ด้วยโอสถต้องห้ามเม็ดนี้ จะทำให้เขาสามารถยกระดับเข้าสู่ขอบเขตแม่ทัพเทพขั้นสูงได้ชั่วคราว
ส่วนเรื่องผลกระทบอันเลวร้ายหลังจากนั้น ถ้าเทียบกับความพ่ายแพ้มันก็คุ้มกว่ามาก
“ กายาอมตะไม่ดับสูญ ขั้นที่สอง! ”
บูมมม!
ม่านพลังนิพพานระเบิดออกมาในพริบตา จากนั้นภาพลวงตาของจอมราชันจักรพรรดิที่อยู่ด้านหลังหยวนอวี้ถง ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเกือบเท่าตัว ทั้งยังปลดปล่อยคลื่นพลังอันมหาศาลกวาดไปทั่วอาณาเขตหมื่นเมตรโดยรอบ
จนทำให้คังหลินที่กำลังจับตาดูการต่อสู้อยู่ ถึงกับถูกผลักกระเด็นไปเกือบสิบก้าว จึงจะฝืนทรงตัวเอาไว้ได้
โดยปกติแล้วการจะใช้เคล็ดวิชากายาอมตะขั้นสองได้ จะต้องอยู่ในขอบเขตขุนพลเทพเสียก่อน แต่เพราะโอสถต้องห้าม จึงทำให้หยวนอวี้ถงก้าวข้ามขีดจำกัดได้ชั่วคราว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน