ภายในฐานบัญชาการของหน่วยเซียนเทียน หวังซินหยางและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอีกสิบกว่าคนกำลังประชุมกันอยู่ในห้องอย่างเคร่งเครียด
ถึงแม้พวกเขาจะอาศัยประสิทธิภาพของโดรนสอดแนมหลายพันตัว แต่ก็ไม่อาจค้นหากองกำลังหลักของตำหนักเทวะพบได้
ไม่ว่าจะเป็นในเมืองไพลินพิสุทธิ์ ฐานบัญชาการหลักของสมาพันธ์บู๊ลิ้ม หรือแม้กระทั่งวิหารหลักของตำหนักเทวะเอง ล้วนไม่พบร่องรอยของพวกเขาทั้งสิ้น
“ ใช้กล้องอินฟาเรดตรวจสอบตามอาคารดูหรือยัง บางทีมันอาจจะมีทางลับซ่อนเอาไว้ คนตั้งห้าร้อยคนอยู่ดีๆ จะหายไปเฉยๆไม่ได้หรอก ” หวังซินหยางพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ พวกเราทำทุกวิธีแล้วครับ แต่ก็ไม่พบยอดฝีมือพวกนั้นเลย จากข้อมูลที่พวกเราได้มาจากหน่วยเงาปีศาจของผู้อาวุโสคังหลิน หลังจากที่ยอดฝีมือห้าร้อยคนของตำหนักเทวะถอนตัวจากการปิดล้อมเมืองหลวงแคว้นต้าฉิน ”
“ คนพวกนั้นก็ได้หายเข้าไปในตำหนักเจ้าเมืองเป็นเวลาสองวัน แล้วก็ไม่มีใครกลับออกมาอีกเลย ” เจ้าหน้าที่ข่าวกรองรายงานออกมาเสียงดัง ด้วยความมั่นใจ เพราะตัวเขาเป็นคนยอมอดหลับอดนอนนั่งจับตาดูเรื่องนี้เอง
“ หายไปสองวัน อีกทั้งยังตรวจไม่พบรังสีความร้อนจากร่างกายงั้นเหรอ ” หวังซินหยางรู้สึกได้ว่านี่อาจจะเป็นจุดสำคัญที่พวกเขามองข้ามไปในตอนแรก
“ แล้วตอนนี้สถานการณ์ฝั่งผู้บัญชาการจ้าวเทียนเป็นอย่างไรบ้าง สามารถเอาภาพขึ้นจอได้ไหม ” หวังซินหยางถามต่อ
“ ไม่ได้เลยครับ โดรนของเราถูกทำลายไปยี่สิบตัวแล้ว คลื่นพลังจากการต่อสู้ของพวกเขารุนแรงจนเกินไป ผมเคยทดลองจับภาพจากระยะไกลดูแล้ว แต่ก็ถูกเปลวเพลิงของผู้บัญชาการจ้าวเทียนตัดขาดสัญญาณการเชื่อมต่อทั้งหมด จนมองไม่เห็นอะไรเลย ”
“ ในเมื่อเป็นแบบนั้น ก็พักเรื่องผู้บัญชาการจ้าวเทียนไว้ก่อน ให้ความสนใจไปที่สงครามด้านล่างกับสถานการณ์ภายในเมืองก็พอ ” หวังซินหยางพูดสรุปออกมา ด้วยความแข็งแกร่งของจ้าวเทียนในตอนนี้ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนัก
ก่อนหน้านี้ กองกำลังของทูตมังกรทองได้เข้าร่วมการต่อสู้แล้ว โดยการเข้าปะทะกับเจ้าตำหนักเทวะทั้งสอง เพื่อเปิดโอกาสให้พวกคังหลินลอบเข้าไปในเมือง
ถึงแม้ที่ผ่านมา การกระทำของพวกเขาจะดูชั่วร้ายไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผิดไปจากข้อตกลงที่เคยหาลือกันไว้
ซึ่งก็แน่นอนว่า เมื่อยอดฝีมือระดับสูงพวกนี้ลงมือ สถานการณ์ก็พลิกกลับมาได้เปรียบในทันที เพียงแค่เวลาสิบนาที สมาพันธ์บู๊ลิ้มก็ถูกไล่ต้อนให้ต้องถอยร่นไปถึงกำแพงเมือง และต้องเปิดใช้ค่ายกลป้องกันระดับสูงเพื่อถ่วงเวลา
ขณะนั้นเอง
“ ท่านครับ มีการติดต่อมาจากผู้อาวุโสคังหลิน ให้พวกเราค้นหาที่อยู่ขององค์หญิงจูม่านฉี จะให้ดำเนินการเลยไหมครับ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังซินหยางก็อนุญาตทันที เนื่องจากพวกเขามีข้อมูลของบุคคลสำคัญในโลกหมิงหลงหมดแล้ว ทำให้การสแกนหารูปพรรณสัณฐานจากภาพที่โดรนถ่ายมาเป็นไปอย่างรวดเร็ว
“ เราพบองค์หญิงจูม่านฉีแล้วครับ เธอถูกควบคุมตัวอยู่ที่ตำหนักเจ้าเมือง พร้อมกับหญิงสาวอีกหกคน ที่คาดว่าน่าจะเป็นยอดฝีมือระดับเซียนขั้นสูงสุดของตำหนักเทวะ ”
“ ตำหนักเจ้าเมืองอีกแล้ว ทำไมศัตรูถึงแสดงท่าทีเหมือนต้องการล่อให้พวกเราไปหาที่นั่นด้วยนะ ” หวังซินหยางเริ่มสัมผัสได้ถึงแผนการร้ายบางอย่าง แต่ด้วยสถานการณ์ที่ต้องแข่งกับเวลาแบบนี้ คงจะมัวลังเลอยู่ไม่ได้แล้ว
“ รีบรายงานกลับไปหาผู้อาวุโสคังหลินทันที แล้วอย่าลืมบอกเรื่องยอดฝีมือห้าร้อยคนที่หายไปในนั้นเมื่อสองวันก่อนด้วย ” หวังซินหยางพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะหันไปบอกให้ซูต๋าจี่เตรียมตัวทำตามแผนการได้
ตอนนี้ ใกล้ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้เปิดเผยอาวุธลับออกมาแล้ว สิ่งประดิษฐ์ที่หลอมรวมระหว่างเทคโนโลยีสมัยใหม่ กับเขตอาคมยุคแดนสวรรค์บรรพกาล
‘ เครื่องแยกอนุภาคพลังเวทนิวเคลียร์ฟิวชั่น… ’
ในเวลาเดียวกัน ที่สมรภูมิบนท้องฟ้า
คลื่นเปลวเพลิงสีทองระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง ชั้นบรรยากาศสั่นสะเทือน กำแพงมิติพังทลายเป็นทางยาว
จ้าวเทียนมือขวาถือกระบี่ราชันสวรรค์ มือซ้ายสวมถุงมือเกล็ดมังกร อาวุธระดับเทพชั้นยอดที่เขายึดมาจากเจ้าสำนักสราญรมย์ เข้ารุกไล่ต่อสู้ระยะประชิดกับหยวนเทียนหลงอย่างดุเดือด
เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ที่พวกเขาต่อสู้โดยใช้พลังขั้นสูงสุดของตนเอง ไม่มีการออมแรงใดๆทั้งสิ้น ต่างก็ระเบิดกระบวนท่าสังหารเข้าใส่กันอย่างดุเดือด
ฉัวะ!ๆๆๆ ตูม!ๆๆๆ
บาดแผลน้อยใหญ่ได้ปรากฏขึ้นบนตัวหยวนเทียนหลงอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ถูกเคล็ดวิชากายาอมตะรักษาได้อย่างทันท่วงที ทำให้เขาสามารถเผชิญหน้ากับอดีตมหาเทพอย่างจ้าวเทียนได้อย่างไม่เสียเปรียบ
บูมมม!
สัญลักษณ์พระอาทิตย์สีทองบนหน้าผากจ้าวเทียนลุกไหม้ขึ้นอีกครั้ง พลังในร่างของเขาเหมือนกับสามารถใช้ได้ไม่มีวันหมดสิ้น
ข้อได้เปรียบของเคล็ดวิชาหมื่นตะวัน เริ่มเปิดเผยออกมาให้เห็นทีละนิด ในขณะที่ศัตรูของเขามีใบหน้าซีดขาวเหนื่อยล้า แต่ตัวจ้าวเทียนกลับยังมีพลังเต็มเปี่ยม
ขอเพียงเขาไม่ใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามออกไป ก็สามารถต่อสู้ได้เรื่อยๆแบบไม่ต้องหยุดพัก เพราะโลกภายในของจ้าวเทียน ที่หลอมรวมกับแก่นแท้ดวงตะวัน หาใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนทั่วไปจะทัดเทียมได้
ยิ่งเมื่อรวมกับประสบการณ์การต่อสู้อันโชคโชนของเขา ผลลัพธ์ก็เป็นสิ่งที่พอจะคาดเดาได้
“ แก่นแท้แห่งกระบี่! ”
“ สามหมัดราชันจักรพรรดิ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน