การปรากฏตัวของพวกกงเสี่ยวเหมย ทำให้หลายคนในกองกำลังสำนักจตุเทวะหน้าเปลี่ยนสีในทันที โดยเฉพาะทูตกระเรียน ที่ถึงกับใช้มือปิดใบหน้าอันฟกช้ำของตนเอง แล้วถอยไปหลบอยู่ด้านหลังพวกพ้อง
“ เหอะ พวกไร้ศักดิ์ศรี ” กงเสี่ยวเหมยแค่นเสียงอย่างเย็นชา จนเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของทุกคน เธอจึงพูดขึ้นต่อ
“ ในระหว่างที่น้องปิงหยู กำลังใช้เขตแดนรักษาอาการบาดเจ็บให้กับพวกทหาร ก็มีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาหาเธอด้วยท่าทีประสงค์ร้าย ”
“ ตัวฉันที่ผ่านไปเห็นโดยบังเอิญ ก็เลยลงมือสั่งสอนให้อีกฝ่ายหลาบจำ จะได้ไม่ทำเรื่องโง่ๆ ในเวลาสำคัญแบบนี้อีก ”
แท้จริงแล้ว จ้าวเทียนเป็นคนขอให้กงเสี่ยวเหมยจับตาดูกองกำลังฝ่ายสำนักจตุเทวะไว้เอง เพราะพลังฝีมือของเธอในตอนนี้ เป็นรองเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ถือเป็นโชคดี ที่จ้าวเทียนได้เตรียมการป้องกันไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นโม่ปิงหยูคงถูกพวกทูตกระเรียนจับตัวไปรีดข้อมูลเรื่องโอสถระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว
“ นี่มันหมายความว่ายังไง ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าเรื่องของพวกเราค่อยมาสะสางกัน หลังจากกวาดล้างตำหนักเทวะเรียบร้อย ” คังหลินพูดขึ้นด้วยความโกรธ
“ สงบใจไว้ก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด ถึงแม้ทูตกระเรียนจะทำไปโดยพละการ แต่เขาก็แค่ต้องการไปสอบถามบางอย่างกับคนของคุณเท่านั้น ”
“ ไม่ได้มีเจตนาที่จะลงมือทำร้ายเธอเลย ” ทูตมังกรทองรีบเข้ามาไกลเกลี่ยทันที ภารกิจของสำนักจะสำเร็จอยู่แล้ว เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องแทรกซ้อนขึ้นอีก
คังหลินที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันไปสบตากับกงเสี่ยวเหมยเล็กน้อย เหมือนต้องการถามความเห็น จนเมื่อเห็นเธอส่ายหน้าเบาๆ
เขาจึงถอนหายใจออกมา แล้วหันไปจัดการเรื่องตัวประกันกับสมาพันธ์บู๊ลิ้มต่อ
‘ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเก็บซ่อนความแข็งแกร่งไว้อยู่ กงเสี่ยวเหมยถึงไม่อยากให้เกิดการต่อสู้ในเวลานี้ ’
หลังจากที่ปล่อยตัวหลวงจีนคิ้วขาวกับประมุขอั้งฮวงหลงออกมาแล้ว คังหลินก็ให้โซเฟียรักษาพวกเขาให้หายดีก่อนจะถามขึ้น
“ คุณจะจัดการกับคนทรยศพวกนี้ยังไง ”
“ อามิตาพุทธ อาตมาต้องขอบคุณประสกมากสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ ส่วนเรื่องเจ้าสำนักใหญ่ทั้งสามนั้น พวกเขาเองก็ถูกหยวนเทียนหลงบีบบังคับจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ”
“ นอกจากจะถูกให้กินยาพิษแบบออกฤทธิ์ช้าแล้ว ศิษย์สืบทอดและคนในครอบครัวของพวกเขาก็ถูกหยวนเทียนหลงคุมขังไว้ในสถานที่เร้นลับ จนต้องยอมทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายอย่างที่เห็น ” หลวงจีนคิ้วขาวอธิบายออกมาตามตรง เพราะท่านพบเห็นเรื่องราวทุกอย่างด้วยตาของตัวเอง
“ งั้นฉันจะมอบพวกเขาให้คุณจัดการก็แล้วกัน ” คังหลินตอบแบบไม่ใส่ใจนัก สำหรับเขาแล้ว สามคนนี้จะอยู่หรือตายก็ไม่มีผลมากนัก
“ เอ่อ…เรื่องศิษย์ในพรรคของฉัน ” อั้งฮวงหลงถามออกมาด้วยท่าทีกังวล ศิษย์วัดเส้าหลินและพรรคกระยาจกถูกบีบให้ออกสู้โดยไม่เต็มใจ เขากลัวคังหลินจะลงมืออย่างไม่ไว้ไมตรี
“ เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วง ก่อนหน้านี้ฉันส่งพวกเขาไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว แม้จะเกิดการต่อสู้ขึ้นอย่างดุเดือด แต่พวกเราก็ออมมือเอาไว้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตน้อยมาก ” เฉินจิ้งพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ อามิตาพุทธ บุญคุณครั้งนี้วัดเส้าหลินจะไม่มีวันลืม ในอนาคตหากพวกประสกต้องการความช่วยเหลือ ขอให้บอกมาได้เลยไม่ต้องลังเล พวกอาตมายินดีช่วยเหลือเต็มความสามารถ ”
“ พรรคกระยาจกเองก็เช่นกัน ขอเพียงบอกมาคำเดียว จะให้พวกเราไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนก็พร้อมจะทำด้วยความเต็มใจ ”
“ ตกลง งั้นอย่างแรกเลย ฉันอยากให้พวกคุณพาทุกคนในสมาพันธ์บู๊ลิ้มออกจากเมืองนี้ไปโดยเร็วที่สุด ฉันสังหรใจว่าสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นดินแดนมรณะในเวลาไม่นาน ” คังหลินต้องรีบส่งปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้นี้ออกไปก่อน เพื่อไม่ให้กระทบกับแผนการที่วางไว้
“ ไม่มีปัญหา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกฉันเอง ” อั้งฮวงหลงรับปากอย่างจริงจัง เขารู้ขีดจำกัดของตนเองดี หลังถูกคุมขังให้อดข้าวอดน้ำมาเป็นเวลานาน ความแข็งแกร่งของเขาก็ลดลงไปเกินครึ่ง
หากให้ติดตามพวกคังหลินไป ก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงเท่านั้น
“ เอาล่ะ ทีนี้พวกเราก็มาปรึกษากันเถอะ ว่าจะทำยังไงต่อไป ”
ถึงแม้คังหลินจะอยากรีบเข้าไปช่วยองค์หญิงจูม่านฉีขนาดไหน แต่เขาก็ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ส่วนรวมด้วย
หยวนเทียนหลงน่าจะรู้ถึงความสามารถด้านค่ายกลของเขาแล้ว การที่อีกฝ่ายยังคงยึดมั่นในแผนการเดิม ย่อมแสดงว่ามีหนทางแก้ไขเอาไว้แล้ว
สิบห้านาทีผ่านไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน